xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) ไม่คาดหวังถ้า “นาคี 2” จะไม่ได้ร้อยล้าน “อ๊อฟ” ลั่นทำด้วยความสนุก เพราะถ้าใครทุกข์ก็นอนอยู่บ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” เผยหนังนาคี 2 ห่วงแค่เรื่องซีจีถ้าได้ 20 ล้านจะเริด ไม่หวังรายได้ต้องร้อยล้านพันล้าน บอกทำงานต้องสนุกอย่าทุกข์ ถ้าทุกข์ให้กลับบ้าน ยันไม่ผลาญเงินนายทุน พูดเรื่องรางวัล ถ้าเขาให้ ก็เอาอีก

เพิ่งจัดพิธีบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง “นาคี 2” ละครที่ทุกคนตั้งตารอคอย สำหรับ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” ถึงแม้จะได้รับภาระที่หนักอึ้ง แต่ผู้จัดคนดังก็เผยว่าไม่กลัว ถ้ากลัวให้กลับบ้าน

“เรื่องการลงทุนกับทางเมเจอร์นี่ผมไม่ทราบอะไรเลย มีหน้าที่ทำอย่างเดียว ใครร่วมก็เอาหมด ใครอยากร่วมก็ร่วม เท่าที่ทราบตอนนี้มีแหล่งทุนอยู่ที่เดียว ยังไม่น่าจะกระจาย ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ แต่ข้อมูลที่ได้ยินมายังไม่ใช่ชื่อนี้ครับ ทำไมต้องถามเรื่องนายทุน อยากรู้ทำไม ออกทุนเองได้มั้ย ตังค์มี (ยิ้ม) พูดเล่นๆ”

“ช่องทางฉายก็อยู่ในโรงปกติครับ ใครจะกรุณาให้เข้า น่าจะเป็นเมเจอร์นะ เพราะท่านกรุณามา คือ ถ้าจะฉายน่าจะฉายทางเมเจอร์ แต่เราไม่แน่ใจ ถ้าพูดไปจะผูกมัดตัวเอง อะไรที่ยังไม่แน่นอนขออนุญาตจริงๆ หนึ่งเรื่องแหล่งทุนมีใครบ้างไม่รู้ อาจจะ 10 หุ้น หรือหุ้นเดียวเราก็ไม่รู้ อันนี้ในขั้นตอนแรกที่เราพูดคุยอยู่ก็มีอยู่แล้ว แต่อาจจะมีสองสามสี่ เพราะหนังบางเรื่องมันฉายทุกเครือได้เลย”

กังวลซีจี เพราะไม่เคยทำในหนังมาก่อน บอกนายทุนไม่ต้องกลัว จะทำให้ดี ไม่ผลาญเงินเขา
“แน่นอนครับ คือ อย่างละครโทรทัศน์มันจะตายตัวเป็นตอน แต่ภาพยนตร์มันจะลงทุนครั้งเดียว ในแง่การผลิตค่อนข้างจะแน่นอน บวกลบก็เป็นเรื่องของการทำงานที่มันเออเร่อ ไม่ว่าจะเป็นตัวแปรหลักตอนนี้เลยก็คือเรื่องของ CG มันเป็นสิ่งที่เราเพิ่งทำครั้งแรก ไม่เคยทำหนัง CG ก็เลยยังเป็นสิ่งที่กังวล”

“เรื่องงบจะบานปลาย เราไม่ได้มีหน้าที่กลัว นายทุนเนี่ยมีหน้าที่กลัว ทำให้มันดี ผมไม่ไปผลาญเงินเขาหรอก แต่ว่าเราก็ตั้งใจทำแต่ถ้ามันใช้เงินเยอะ มันก็ตามสภาพ ตั้งใจมาทำสิ่งดีๆ ไม่ใช่มาตั้งตัว”

ขำๆ ได้ 20 ล้านจะเริดมาก
ถ้ามีเยอะขนาดนั้นก็ดีสิ ดีมากๆ เฉพาะCG นะ แต่ว่าคงไม่ถึงครับ ตามสภาพจริงๆ ของเรื่องมีฉากพญานาคออกมาแน่นอน CG เท่าไหร่ แต่ในหนัง CG ไม่ได้เยอะมากครับ ถ้ามีทั้งเรื่องนี่เป็นลมนะ ต้องเรียนให้ทราบตรงๆ ว่ามีอัตราส่วนของ CG ในภาพยนตร์ให้เห็นสวยงาม แล้วก็สมจริง ให้มันดีที่สุดครับ”

“มันจะต่างกันมากนะ คือความละเอียดอ่อนของการทำงานแง่ของเนื้องาน เอาให้เห็นภาพนะ เราทำ CG ออกฉายในภาพยนตร์ 10 เมตร กับทำ CG ที่ฉายในละครโทรทัศน์ 50 นิ้ว เต็มที่ 70 นิ้ว เพราะฉะนั้นความละเอียดอ่อนหรือข้อผิดพลาดที่โผล่ออกมาให้เห็นเช่น ขอบของตัวภาพ มันก็จะปรากฏออกมาในกรณีที่มันขยายเยอะ ทุกอย่างมันต้องละเอียดยิบครับ มันมากกว่าโทรทัศน์แน่นอน มันเป็นเรื่องของเทคนิค”

ไม่อยากเครียด ต้องมีความสุข สนุกกับงาน อย่าไปทุกข์ ถ้าทุกข์ให้อยู่บ้าน
ไม่อยากเครียดหรอกครับ ผมทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง เราคุยกันกับทีมเสมอว่าทำงานอย่าทุกข์ ทำต้องมีความสุข สนุกกับงาน อย่าไปทุกข์ ทุกข์อยู่บ้าน ทำทำไม ถามว่าคนไทยหรือต่างชาติจะทำ CG เราดีลไว้มีทุกยูนิตเลย ว่าอันไหนที่เรารับในราคาที่มันได้ หนึ่งเริ่มจากชิ้นงานก่อน ชิ้นงานได้สวยงาม ก็คุยเรื่องราคา ถ้าราคาได้ก็ทำงาน จะสรุป CG ได้ต้องถ่ายเสร็จก่อน เรามีเวลาครับอยากหาให้ละเอียด ให้มันคุ้ม”

“เรื่องไปขายเมืองนอกมันก็เป็นความฝันของคนทำหนังทั้งหมด ทีนี้หนังมันเกี่ยวข้องกับประเทศชาติเขาไหม เขาอยากดูมั้ย ดูแล้วเขาได้อะไร ถ้ามันได้มันดีมันอยากดู ยินดีเลยครับ ส่วนหน้าที่ในเรื่องของการจัดจำหน่ายเป็นหน้าที่ของจัดจำหน่ายเขา”

ยันไม่บน ไม่ขอ ถ้าถึงเวลาได้ ท่านก็ให้เอง
“เราไม่บน เราบวงสรวง บวงสรวงคือการกราบไหว้ เราไม่บน ไม่ขอ ท่านอยากให้อะไร ถึงเวลาจะได้ท่านให้เองแหละ ไม่ต้องไปขอหรอก ขอแทบตายถ้าทำไม่ดีท่านก็ไม่ให้ เพราะฉะนั้นอย่าขอ จริงๆ แนะนำนะครับเรื่องใดก็ตาม กราบไหว้บูชาไปเดี๋ยวเราได้สิ่งนั้นเอง เรื่องกำหนดฉาย กำหนดคือหลังจากที่ทำภาพยนตร์ ทำ CG เสร็จ ตัดต่อลงซาวนด์เรียบร้อย ปีหน้า”

สาธุถ้าจะทำให้วงการภาพยนตร์คึกคัก เลิกซบเซา ย้ำศิลปะเป็นเรื่องอัตตา ชอบไม่ชอบก็ไม่ว่ากัน บังคับไม่ได้
“ก็สาธุสิ ถ้าเกิดว่าภาพยนตร์เรื่องใดก็ตามที่ทำให้วงการภาพยนตร์ เราก็ไม่ได้มองว่ามันซบเซาเพียงแต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับคือเรื่องของปัจจัยอะไรบางอย่าง ที่ทำให้คนดูภาพยนตร์น้อยลง ปัจจัยนั้นเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงได้มั้ย หากไม่ได้ก็ต้องถามว่าเราอยู่กับมันแบบนั้นได้มั้ย เรามั่นใจว่าคนที่ทำฟิล์มทั้งหลาย ด้วยความรักเขาก็ต้องทำฟิล์ม แม้มันจะไปอยู่ตรงไหนก็ตามเขาก็ต้องทำฟิล์ม เพราะว่าเขารักที่จะทำตรงนั้นอยู่ แต่เราไม่ได้กังวลไม่ได้อะไรเลย ศิลปะไม่ได้มีไว้ให้กำหนดว่าคุณจะต้องชอบ ต้องซื้อ ต้องโหยหา ไม่ใช่ ศิลปะมันเป็นเรื่องของอัตรา คนชอบคือชอบ คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เราทำงานศิลปะเราก็อยากให้คนได้มาดู ชอบไม่ชอบก็ว่ากันไป บังคับเขาไม่ได้”

ไม่มีใครคาดหวังว่าทำหนังหนึ่งเรื่องจะได้พันล้าน ร้อยล้าน หรือว่าขาดทุน ไม่มีใครกะอะไรได้เลย ละครโทรทัศน์ก็เหมือนกัน เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ คือสิ่งที่อยู่กับเรา เมื่อวานผ่านมาแล้ว พรุ่งนี้ยังไม่ถึง วันนี้สำคัญที่สุด ทำให้มันดีที่สุด อย่าไปบอกว่านาคีสำเร็จ มันคือเมื่อวาน มันคืออดีต นาคีหนังต้องสำเร็จมันคืออนาคต เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด ผมให้ความสำคัญกับตรงนี้จริงๆ ทำให้ดีที่สุด สนุกอย่าทุกข์ ทุกข์กลับบ้าน ถามว่าจะได้รางวัลมั้ย เราดีพอมั้ย ถ้าเขาให้ก็เอาดิ กลัวอะไรล่ะ”




กำลังโหลดความคิดเห็น