“อุ๋ย บุดดาเบลส” ไม่มีอีโก้ ขอโทษสังคมกรณีโพสต์พาดพิงนักร้องนำวง Linkin Park ชื่อเสียง - เงินทองไม่สามารถเติมเต็มจิตใจมนุษย์ รับผิดไม่ศึกษาข้อมูล โพสต์ผิดกาลเทศะ ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน ต่อไปจะระวังให้มากขึ้น ทำใจมีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดาโลก
เรียกว่าเกิดดรามาเล็กๆ เลยทีเดียว หลังจากที่นักร้องดัง “อุ๋ย บุดดาเบลส” นที เอกวิจิตร ทวีตข้อความพูดถึงกรณีการเสียชีวิตของ “เชสเตอร์ เบนนิงตัน” นักร้องนำวง Linkin Park โดยระบุว่าชื่อเสียงและเงินทองไม่สามารถเติมเต็มจิตใจมนุษย์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งต่อมาเจ้าตัวก็โพสต์รับผิดที่ไม่ศึกษาข้อมูลว่าอีกฝ่ายเป็นโรคซึมเศร้า ขอโทษทุกฝ่ายและลบโพสต์ทิ้งไป ยันไม่มีเจตนาร้าย ล่าสุดอุ๋ยก็ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ในงานบวงสรวงภาพยนตร์ “ตี 3 ภาค 3” โดยยอมรับว่าต่อไปจะระวังมากขึ้น
“สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรเพราะผมได้ขอโทษไปแล้ว เนื่องจากตอนที่โพสต์ข้อความไปผมไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า ผมลบเพราะมีบางคนบอกว่าถ้าเกิดขอโทษแล้วก็ลบเถอะ ซึ่งผมยังไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเลยว่าเดี๋ยวจะทิ้งข้อความนั้นไว้ก่อนให้มาแคปเจอร์กันไปก่อน แล้วเดี๋ยวผมค่อยลบ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวนี้ลบหรือไม่ลบมันไม่มีผลหรอกครับ อะไรที่ลงโซเชียลไปแล้วมันก็คือลงไปแล้วครับ”
“เจตนาเราอยากให้เห็นว่าขนาดเขามีชื่อเสียง มีเงินทองขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่สามารถเติมเต็มให้คนมีความสุขได้เลย แต่ว่าผมต้องขอโทษที่ผิดกาลเทศะ เพราะผมไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า พอรู้ผมก็รีบลบ มีคนบอกให้ลบเถอะ เดี๋ยวมันจะยิ่งไปกันใหญ่ อันนี้คือผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า ผมผิดเองที่ไม่หาข้อมูลมาก่อน”
ลั่นแต่ละคนมีอัตตาและอีโก้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเถียงกัน ธรรมดาโลกที่คนรักต้องมีคนเกลียด
“จริงๆ เราก็ไม่ได้ต่อว่าเขา แต่ถ้าจะมานั่งเถียงกันมันก็ไม่ใช่เรื่อง แต่ละคนก็มีอัตตาและอีโก้กันเยอะ ไม่ยอมแพ้ ฉะนั้นอะไรที่ยอมได้ก็ยอมเถอะเพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระ อันนี้ผมหมายถึงตัวผมที่ไร้สาระ ไม่ได้บอกว่าคนที่มาด่าผมเป็นเรื่องไร้สาระนะครับ อย่างคนที่มาเตือนด้วยเจตนาดีก็เป็นเรื่องที่ดี แต่คนที่ไม่เข้าใจหรือบางคนเข้าใจแต่ก็ยังอยากด่าอยู่ดีก็เข้ามาใส่กัน ตรงนี้ผมมองว่าเป็นธรรมดาโลกที่มีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียด จริงๆ ก็มีไม่เยอะ เท่าที่ผมหาอ่านได้อย่างในทวิตเตอร์ผมเมนชั่นไปขอโทษทุกคนที่มาว่าผมครับ แต่ที่เขาไม่ได้แท็กผมมาผมก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน”
ก่อนโพสต์จะคิดไตร่ตรองและระวังมากขึ้น แต่ถ้าระวังแล้วถูกบิดเบือนมันก็ช่วยไม่ได้
“ผมว่าเรื่องแบบนี้อยู่เจตนา ถ้าเจตนาดีก็อยู่ที่ตัวเราว่าสื่อสารได้ชัดเจนแค่ไหน ซึ่งถ้าสื่อสารชัดเจน แต่ดันโดนเอาไปบิดเบือนอันนี้ก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าสื่อสารไม่ชัดเจนเองกำกวมเองอันนี้ก็ถือเป็นความผิดของเรา เกิดเรื่องแบบนี้มันก็ดีตรงที่ทุกครั้งต่อไปนี้จะโพสต์อะไรก็จะคิดไตร่ตรองและระวังมากขึ้นครับ แต่ถ้าระวังแล้วโดนเอาไปบิดเบือนมันก็ช่วยไม่ได้แล้วครับ”