เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวน้องใหม่ที่ฝีมือการแสดงของเธอไม่ธรรมดาเลย สำหรับสาว "เบนซ์ ณัฐธิดา ตรีชัยยะ" ที่ผ่านงานโฆษณา รวมถึงผลงานละครมาแล้วหลายเรื่อง ล่าสุด "เบนซ์ ณัฐธิดา" หันมาซบชายคาบ้านหลังใหม่อย่าง “โมโนทาเลนท์” แถมมีผลงานประเดินหน้าจอเรื่องแรกในซีรีส์เรื่อง “ไดมอนด์ อายส์ ตา-สัมผัส-ผี” ของผู้จัด “บรู๊ค ดนุพร ปุณณกันต์” ซึ่งออกอากาศทางช่อง MONO 29 กับบทบาท "เอมิ" ลูกสาว "ชาคริต แย้มนาม"
"ก็รู้สึกดีใจที่ทางผู้ใหญ่ของช่องโมโนเห็นความสามารถของเบนซ์และให้โอกาสมาร่วมงานในซีรีส์เรื่อง “DIAMOND EYES ตา-สัมผัส-ผี” ก็รับบทเป็นเอมิ เล่นเป็นลูกพี่ "ชาคริต แย้มนาม" ตอนแรกก็ตื่นเต้นมากๆ กลัวพี่ชาคริตเพราะเราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่พอได้ร่วมงานพี่ชาคริตน่ารักมาก นิสัยดี และให้เกียรติ แถมพี่เขายังช่วยส่งอารมณ์ในการเข้าฉากต่างๆ ได้ดี พี่เขาก็มีแนะนำบ้าง บอกว่าฉากนี้ให้รู้สึกแบบนี้ ยังไงก็อยากจะฝากให้ติดตามกันด้วยค่ะ"
รับตกใจมีคนคุ้ยประวัติ หลังมีข่าว "ชาคริต" ซุกลูก พา “น้องเบนซ์” ย้ายเข้าบ้าน
"ตอนแรกเห็นข่าวยอมรับว่าตกใจ อ่าวเห้ยมีกระแสข่าวแบบนี้ออกมาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ก็มีพี่ๆเขามาบอกว่าเบนซ์รู้ยังมีคนเขาสืบประวัติเบนซ์กันยกใหญ่ว่าเราเป็นลูกพี่ชาคริตจริงเปล่า พอหลังจากที่มีข่าวออกไป เวลาเดินห้างมีคนมองมาที่เราเยอะกว่าเดิม ถามว่ากลัวมีคนเข้าใจผิดมั้ย ก็กลัวค่ะ คือเบนซ์ไม่ใช่ลูกพี่ชาคริตค่ะ(เสียงสูง) "
เส้นทางคนจริง.....ไม่มีสิ่งไหนฟลุ๊ก
เด็กสาววัย 17 ปี ที่เข้าวงการบันเทิงจากความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก โดยมีคุณแม่ "ปัญญาพัฒน์ บุญธรรม" เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันลูกให้เข้าสู่วงการบันเทิง จนประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้ แต่กว่าจะมายืนในจุดตรงนี้ได้ ก็ต้องผ่านอะไรมามากมายหลายอย่าง ทั้งเรื่องราวดีๆ และเรื่องราวร้ายๆ ที่ผู้เป็นพ่อไม่อยากให้ลูกสาวเข้าวงการเพราะกลัวเสียการเรียน แต่ทั้งแม่และลูกก็จูงมือก้าวผ่านปัญหานั้นมาได้
"อยากเข้าวงการเพราะชอบมาตั้งแต่เด็ก จำความได้ก็ชอบร้องเพลง ชอบแสดงออกตั้งแต่เล็กๆ แม่จะคอยสนับสนุนแอบพาเบนซ์ไปแคสงานตลอด แต่ด้วยความที่คุณพ่อไม่อยากให้เบนซ์เข้าวงการบันเทิง เพราะเขากลัวว่าเราจะเสียเรื่องการเรียน ซึ่งเวลาเรามาแคสงงานแต่ละทีคุณแม่ก็จะแอบพาไป ยอมรับว่าตอนนั้นเหนื่อยมาก คือเบนซ์อยู่บ้านที่สุพรรณกับคุณแม่ ซึ่งพ่อเขาอยู่บ้านที่กรุงเทพ แล้วเวลามาแคสงานแต่ละครั้งแม่ก็จะขับรถพาเบนซ์มากรุงเทพโดยที่ไม่ให้คุณพ่อรู้ ซึ่งพอแคสงานเสร็จแม่ก็จะรับเบนซ์กลับสุพรรณทันที"
ถามว่าน้อยใจมั้ยที่คุณพ่อไม่สนับสนุนงานวงการบันเทิง เราออกสตาร์ทบทสนทนาแบบเข้าหาคำถามหลัก ซึ่งหลังจากที่เธอฟังคำถามเสร็จ เจ้าตัวก็รีบตอบกลับทันทีว่า ไม่เคยคิดน้อยใจ เพราะเบนซ์มีแม่คอยสนับสนุนอยู่
"ตอนนั้นเราไม่ได้คิดน้อยใจ เพราะเบนซ์มีแม่คอยสนับสนุนอยู่ ซึ่งคุณพ่อเขาจะมารู้เรื่องอีกทีตอนที่ผลงานออนแอร์แล้ว คุณพ่อเห็นผลงานเรา เขาก็ดีใจค่ะ เพราะงานชิ้นแรกที่เบนซ์ทำ เบนซ์นำเงินทั้งหมดที่ได้ให้คุณพ่อกับคุณแม่หมดเลย ซึ่งเขาทั้งสองก็ดีใจที่เรารู้จักหาเงินได้ ช่วงหลังๆ มาคุณพ่อเลยยอมปล่อยๆ บ้าง แต่ท่านก็ไม่อยากให้เรามาทำงานตรงนี้อยู่ดี เพราะเขากลัวเราเสียเรื่องการเรียน"
"วันที่เราประสบความสำเร็จคุณพ่อพูดอะไรกับเราบ้าง จริงๆ เขาไม่ได้พูดอะไรเยอะมาก เขาเป็นคนนิ่งๆ แต่เราก็รู้สึกได้ว่าคุณพ่อเขาดีใจที่เราได้มาทำงานตามที่เราชอบ เขาก็คอยให้กำลังใจ คอยถามมากกว่า ว่าเหนื่อยมั้ยลูก ตรงนี้มันทำให้เบนซ์มีกำลังใจขึ้นเยอะ มันทำให้เราเดินหน้าทำงานต่อ"
มีวันนี้ เพราะ "แม่"
นอกจาก "น้ำนม" ที่ผู้เป็นแม่ "กลั่นจากอก" ให้ดื่มกินแล้ว ยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่ "คุณแม่ปัญญาพัฒน์" ทุ่มเทให้บุตรสาว "เบนซ์ ณัฐธิดา" จนเติบโตเต็มที่ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ
"เบนซ์พูดได้เต็มปากเลยค่ะ ทุกวันนี้ที่เบนซ์ประสบความสำเร็จได้ คือมาจากคุณแม่ล้วนๆ เหมือนแม่อยู่ในร่างเบนซ์ครึ่งหนึ่ง คือทุกสิ่งทุกอย่างแม่จะคอยบอกเบนซ์ คอยสอนเบนซ์ อีกอย่างแม่ต้องทำงานหนัก ต้องไปขายของที่ตลาดนัดเพื่อหาเงินให้เบนซ์เข้ามาแคสงานที่กรุงเทพ ซึ่งตอนนั้นเบนซ์ยังเด็ก ก็มองเป็นเรื่องปกติ แต่พอเบนซ์โตขึ้นมา เบนซ์มองย้อนกลับไป คิดว่าทำไมแม่ต้องมานั่งลำบากขนาดนี้เพื่อเบนซ์ด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เบนซ์เลือกจะไม่มาแคสงาน เพราะถ้าเบนซ์รู้ว่าแม่เราต้องทำงานเหนื่อยขนาดนั้นเบนซ์คงไม่เอา แต่ภาพเหล่านั้นมันส่งให้เบนซ์มีแรงผลักดันในการทำงานจนมาถึงทุกวันนี้"
"ถือว่าตอนนี้กลายเป็นหัวหน้าครอบบครัวมั้ย ก็น่าจะใช่นะค่ะ เพราะฐานะทางครอบครัวเราเองก็ไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เราแคสงานคุณแม่ยังต้องแอบเราไปขายของตามตลาดนัดเลย ส่วนคุณพ่อก็มีส่งเงินมาให้เบนซ์บ้าง แต่ด้วยเศรษฐ์กิจช่วงนั้นมันไม่ค่อยดี เหมือนล้มละลาย พอมาตอนหลังที่เบนซ์เริ่มมีงาน มีเงิน ก็ส่งตัวเองเรียน ส่งพี่ชายเรียน เหมือนเราก็เลี้ยงทั้งครอบครัว แล้วการที่เรามาเป็นเสาหลักของบ้าน หาเงินเลี้ยงครอบครัว ถามว่าเหนื่อยมั้ย บอกเลยค่ะว่าไม่เหนื่อย เราเห็นครอบครัวมีความสุขสบาย เราก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ (ยิ้ม)"
แม่จ๋า...ลูกขอโทษ
น้อยนักที่ใครจะไม่รักแม่ แต่ขึ้นชื่อว่า "มนุษย์" ทุกคนย่อมเคยผิดพลาด ไม่เว้นแม้แต่ "น้องเบนซ์" ที่อาจเคยทำให้แม่เสียใจจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
"มีมั้ยที่ทำให้แม่เสียใจ มีค่ะ มีเยอะมากด้วย (หัวเราะ) คือเบนซ์เป็นคนที่ทำอะไรช้า เวลาจะออกจากบ้าน หรือไปทำงาน แม่จะคอยจี้เบนซ์ทุกอย่าง ซึ่งเบนซ์รู้ว่าแม่เขาเหนื่อย เขาท้อ แต่เบนซ์ก็พยายามจะปรับตัวให้มันดีขึ้น (น้ำตาคลอ)"
"อีกอย่างเบนซ์เป็นคนที่ขี้น้อยใจคนในบ้านมาก คือเมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราก็จะเล่นกับพี่ชายอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน แล้วพอถึงเวลาที่ต้องกินข้าว แม่เขาจะตะโกนเรียกแต่ชื่อพี่ชาย ซึ่งเขาไม่เรียกชื่อเรา ตอนนั้นเบนซ์ร้องไห้เลยนะ แม่รู้มั้ย แม่ไม่รู้ ทุกวันนี้แม่ก็ไม่รู้นะค่ะ (หัวเราะ) คือทุกวันนี้แม่เรียกพี่ชายไปกินข้าวคนเดียว เราก็ยังเสียใจอยู่ค่ะ"
อ้อมกอดของแม่ คือที่ซับน้ำตาที่ดีที่สุด
วันที่ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต หัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ย่อมดีใจไปกับลูกด้วยที่เห็นลูกมีความสุข
"แม่บอกว่า แม่ดีใจที่เบนซ์มาถึงทุกวันนี้ได้ แม่เป็นคนที่ไม่ชอบชมเบนซ์ต่อหน้า แต่เขาจะไปชมเรากับญาติๆ ซึ่งทางญาติเขาก็จะมาเล่าให้เราฟังอีกที ว่าแม่เขาภูมิใจมากเลยนะที่เรากำลังประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว"
อยากบอกอะไรกับแม่....."ก่อนอื่นเบนซ์อยากขอบคุณแม่ ขอบคุณที่ทำให้เบนซ์มีวันนี้ ขอบคุณที่คอยสนับสนุนลูกคนนี้มาตลอด ถ้าไม่มีแม่ ก็ไม่มีเบนซ์ในวันนี้"
"จริงๆ แล้วเวลาที่เบนซ์อยู่กับแม่จะเป็นคนที่ปากแข็งไม่ค่อยพูด สิ่งที่เบนซ์อยากจะบอก คือเบนซ์รักแม่มาก (เสียงสั่นน้ำตาคลอ) อยากขอบคุณแม่ที่ทำให้เบนซ์ได้เดินตามความฝันบนเส้นทางสายบันเทิง ขอบคุณที่ทำให้เบนซ์มีงานละคร โฆษณา รวมถึงการเป็นนักร้อง ขอบคุณที่ทำให้เบนซ์ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ เบนซ์รู้ว่าแม่เหนื่อยมาก เหนื่อยที่ต้องทำเพื่อเบนซ์ (น้ำตาคลอ) เบนซ์ก็จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อแม่ เพื่อครอบครัวค่ะ"