xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) “น้องภู” สับสนไม่รู้สายไหน! “นุ้ย-ตั๊ก” เปิดใจขอลูกชาย จะเป็นเพศที่สามก็ได้พ่อแม่ไม่ว่า ขอแค่ให้แต่งหน้าทาปากบางๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“นุ้ย เชิญยิ้ม - ตั๊ก ศิริพร” ยอมรับไม่บังคับยัดเยียดชีวิต “น้องภู” บอกปล่อยให้ลูกเลือกทางเดินเอง โอดลูกสับสนไม่รู้สายไหน เปิดใจขอน้องภูจะเป็นเพศที่สามก็ไม่ว่า ขอแค่แต่งหน้าทาปากบางๆ ยันไม่ใช่เจ้าของชีวิต มั่นใจเป็นคนดี

มีปัญหาเรื่องหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมาซักระยะ แต่ “นุ้ย เชิญยิ้ม” ชูเกียรติ เอี่ยมสุข ก็ยังไม่กล้าไปผ่าตัด บอกขอเวลาทำใจอีกนิด ด้านภรรยา “ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด” ก็เผยว่าถ้าเป็นตนผ่าไปนานแล้ว เพราะอีกฝ่ายเจ็บปวดเหลือเกิน ก่อนเปิดใจกรณีที่นุ้ยออกมาประกาศว่ารับได้ไม่ว่าลูกจะเป็นเพศไหน

นุ้ย : “สุขภาพก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะเราทำงานทุกวัน อาจจะมีเป็นหวัดบ้างอะไรบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าล้มป่วย เพียงแค่ว่าตัวเราเองจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกระดูกคอที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ เนื่องจากว่าหมอนรองกระดูกมันไปทับเส้นประสาท แต่ยังไม่อยากผ่า กลัว...ยังทำใจไม่ได้ เอาไว้ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยผ่า อีกอย่างตัวเราเองก็ไปคุยกับหมอตอลดนะ ปรึกษาหมอตลอด กินยาเยอะมาก”

ตั๊ก :ถ้าเราเป็นเขาเราผ่าไปแล้วนะ เพราะเวลาเราเห็นเขาปวดเขาดูทรมานมาก แต่เขาก็คงกลัวอย่างที่เขาบอกแหละ น่านะ...ผ่าเถอะ (ยิ้ม) สำหรับสุขภาพของเราระยะหลังมานี้ก็มีป่วยเหมือนกัน บางครั้งป่วยเป็นเดือนก็ยังไม่หาย ทั้งๆ ที่ปกติ 2-3 วันก็หายแล้ว งงตัวเองมาก แต่เราก็ไม่โทษใครนะ โทษตัวเองนี่แหละ”

“เราอยากไปเที่ยวอยากไปพักผ่อนมาก ในประเทศยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ต่างประเทศอย่าเพิ่งพูดดีกว่า แต่ถ้าหากจะไปจริงๆ ก็คงต้องเคลียร์งานให้หมดก่อน แต่เราเสียดายเงินเนอะ (หัวเราะ) พี่นุ้ยเขาก็เตือนตลอดเรื่องนี้ เขาพูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว พูดจนปล่อยเราแล้ว (หัวเราะ)”

อยากออกจากวงการเพราะฟังธรรมะจนปลงชีวิต ไม่ยึดติดชื่อเสียง ส่วนลูกชายอยากเป็นเพศไหนไม่บังคับ
ตั๊ก : “สำหรับเรื่องนี้เราไม่ได้พูดเพราะความเหนื่อยนะ แต่เราต้องบอกก่อนว่าพี่นุ้ยเขาเป็นคนเอาธรรมมะให้พี่ฟัง อันนี้ต้องขอชมเขา เพราะตั้งแต่เราฟังมาไม่มีวันไหนเลยที่เราจะไม่ฟังเลย ซึ่งพอเราฟังบ่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกปลง รู้สึกไม่ยึดติดกับอะไร ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียง เงินทอง หรือแม้แต่เรื่องอะไรก็ตาม ทุกอย่างเราปลงหมดแล้ว”

“อย่างเรื่องลูกชาย เราก็มองว่า เราเป็นพ่อเป็นแม่ ส่วนเขาก็คือลูก เขามีชีวิตของเขา เราไม่ใช่เจ้าชีวิตเขา เรามีหน้าที่แค่ให้ชีวิตเขาและส่งให้เขาเรียนจนจบ ส่วนหลังจากนี้เราไปยุ่งอะไรเขาไม่ได้แล้ว และเราก็จะไม่บังคับหรืออะไรลูกเลย หลายคนอาจจะด่าเรานะว่าเป็นแม่ที่ประคบประหงมลูกจนเกินไป แต่คุณไม่เคยเป็นแม่คุณไม่รู้หรอกว่าความรักของคนเป็นแม่นั้นมันเป็นยังไง ความรักของแม่มันมีมากมายเหลือเกิน คุณต้องลองเป็นแม่ดู และแม่ที่เขารักลูกก็คงจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน”

และน้องภูเขาไม่เคยทำอะไรให้เราลำบากใจเลยนะตั้งแต่เขาเกิดมา เขาเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย เราไม่เคยคิดด้วยซ้ำนะว่าเขาจะดัง เพราะว่าเราสองคนไม่เคยพาเขาไปกอง ไม่เคยสอนเขาเรื่องการแสดง ไม่เคยยัดเยียดอะไรให้เขา แต่ว่าเขาทำด้วยตัวเขาเอง เขาเกิดมาเพื่อเป็นแบบนั้นจริงๆ”

บอกลูกจะเป็นอะไรก็รับได้ มั่นใจเป็นคนดี
นุ้ย : “ส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่าลูกชายผมเป็นคนที่กล้านะ เพราะเวลาเขามีเรื่องหรือมีอะไรที่เขาอยากพูดอยากปรึกษาเขาก็จะเดินมาบอกเราตรงๆ และเราในฐานะที่เป็นพ่อแม่เราก็ควรจะเปิดใจให้ลูกบ้าง รับฟังลูกบ้าง ไม่ใช่เอะอะโวยวายกับลูกเวลาลูกขอคำปรึกษา หรือขึ้นเสียงกับลูกบ่อยๆ อีกอย่างช่วงวัยนี้มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเขา เขาก็คงอยากจะให้พ่อแม่ช่วยชี้ช่องทางให้กับเขาว่าเขาควรจะเป็นอะไร เขาควรจะทำอะไร ทำแบบนั้นดีมั้ย หรือทำแบบนั้นดีมั้ย ซึ่งลูกผมจะเป็นอะไรผมก็ยังภูมิใจในตัวเขาครับ และผมก็เชื่อด้วยว่าเขาเป็นเด็กที่ดี ไม่ใช่แค่ดีในสายตาเรา แต่ให้เป็นเด็กดีในสายตาคนอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือการวางตัวในสังคม ลูกผมจะเป็นอะไรก็ได้ ผมยอมรับ ผมเปิดอก เปิดใจรับได้หมดเลย ลูกผู้ชายเต็มที่”

ตั๊ก : “เห็นเรางานเยอะก็จริง แต่ว่าในหนึ่งวันเราต้องมีเวลาคุยกับเขานะ อาจคุยกับแป๊บเดียวหรือคุยนานก็แล้วแต่ แต่ต้องคุยกับลูก อย่างน้อยๆ กอดกันหอมกันก็ยังดี เราทำแบบนี้เสมอ และก็จะบอกกับลูกเสมอว่าถ้าหากภูมีเรื่องอะไรภูอย่ามีความลับกับพ่อกับแม่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน และถ้าครอบครัวเราแข็งแกร่งภูก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ฉะนั้นถ้าภูมีเรื่องอะไรภูสามารถบอกกับพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง พ่อกับแม่จะคุยกับภูด้วยเหตุผล ซึ่งตัวเราเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะมาคุยกับเราในเรื่องนี้”

นุ้ย : “จริงๆ เราก็ยังไม่รู้นะว่าน้องจะยังไง จะสายไหนอะไรก็แล้วแต่ เพราะสิ่งที่เขาเดินมาบอกกับเราเหมือนเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ เป็นในลักษณะของการขอคำปรึกษา แต่ด้วยความที่เราไม่อยากโกหกเพราะเราเป็นคนของประชาชน เราก็พูดให้มันจบๆ ไปเลยดีกว่า”

ห่วงความรู้สึกลูกชายหลังให้สัมภาษณ์ แต่อีกฝ่ายประกาศไม่ซีเรียส
นุ้ย : “เพื่อนเขาส่งข่าวให้เขาดูก่อนเลยครับ ตอนนั้นเราเองก็ไม่สบายใจเป็นห่วงความรู้สึกเขา เราก็เลยโทร.ไปถามเขาเดี๋ยวนั้นเลยว่าเขาซีเรียสมั้ยที่พ่อให้สัมภาษณ์ไปอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่เห็นมีอะไรนี่พ่อ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เท่านั้นแหละครับเราก็รู้เลยว่าเด็กเขาแยกแยะได้”

ตั๊ก : “ตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุ 14 เขายังมีอะไรให้ต้องเผชิญอีกเยอะ มันยังไม่แน่นอนหรอก ในวันข้างหน้าเขาอาจจะพบเจอตัวเองว่าเขาอาจจะเป็นอย่างนั้นหรือเป็นอย่างนี้ก็ได้ แต่เราบอกกับลูกเลยว่าภูจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ภูทำอะไรให้แม่ได้มั้ย แม่ขอภูแค่ 3 ข้อ 1. ภูต้องเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่ภูจะเรียนได้ 2. ภูจะต้องมีอนาคตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี ต้องเป็นคนเก่ง และข้อ 3. ข้อนี้สำคัญที่สุด คือภูต้องเป็นคนดี ห้ามเป็นภาระต่อแม่ ห้ามเป็นภาระต่อสังคม เท่านั้นแหละแค่ 3 ข้อ ภูให้แม่ได้มั้ย นอกเหนือจากนั้นภูอยากทำอะไรภูทำเลย หรือภูอยากจะเป็นอะไรภูก็เป็นเลย ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่าได้ครับ แถมล่าสุดเขาเอาผลการเรียนมาให้พี่สองคนดู เขาเรียนได้ A ทุกวิชาเลย แค่นี้เราก็แฮปปี้แล้ว (ยิ้ม)”

นุ้ย : “ผลการเรียนของเขาจะ เขียว เขียว เขียว มาตลอด แต่ว่าจะไปแดงตรงส่วนของวิชาพละ เพราะว่าเขาไม่ชอบความรุนแรง เขาไม่ชอบเตะฟุตบอล เขาชอบเล่นแบดมินตัน ชอบว่ายน้ำมากกว่า ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเอาผลการเรียนตรงนี้มาให้ดูนะ แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไรเอามาให้ดูได้ ซึ่งพอเห็นว่ามันมีแดงตรงช่องพละ เราก็บอกเขาว่าไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้ เขาออกกำลังอยู่บ้านก็ได้ แค่เอาเรียนไว้ก่อน”

“อีกอย่างหนึ่งคือพี่ตั๊กเปิดอกคุยกับลูกเลยนะว่า ตอนนี้เราอาจจะยังไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ถ้าหากเป็นผู้ชายก็ทำตัวให้ดีกับสังคม แต่ถ้าหากหนูจะเป็นเพศที่ 3 พ่อก็ไม่ว่า แต่ทาหน้าบางๆ ทาปากเบาๆ ก็แล้วกัน (หัวเราะ) อย่าเพิ่งออกเต็มๆ เราแฟร์ ลูกเขาถึงได้กล้าเข้ามา”

ตั๊ก : “ถามว่าเราโอเคมั้ยที่พี่นุ้ยเขาบอกลูกแบบนี้ เอาจริงๆ นะ เราเป็นคนบอกเขาตั้งแต่แรกบอกพี่นุ้ยก่อนเลยว่าลูกเราจะเป็นอะไรก็ได้นะ แต่ขอให้ลูกเราเป็นคนดีก็พอนะพ่อ แถมยุคสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็น ดีเจนุ้ย เอกกี้ ป๋อมแป๋ม แต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลยนะ รวยๆ ทั้งนั้นเลย ดังนั้น ลูกจะเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่เป็นคนดีเป็นคนเก่งก็พอ”

วอนเปิดใจรับฟัง หากอนาคตจะเลือกทางเดินเอง ชื่นชมเป็นลูกที่ไม่เคยทำให้พ่อแม่ลำบากใจ
ตั๊ก : “อย่างที่พี่ตั๊กบอกเลยค่ะ ตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยทำอะไรให้พ่อกับแม่ลำบากใจเลย ไม่เคยเกเร แถมเรียนก็เรียนได้ดี ภาษาอังกฤษก็เก่ง คอมพิวเตอร์ก็ซ่อมเองได้ เรียกว่าทำได้หมดทุกอย่าง ภาษาจีนก็ได้ ซึ่งเราโอเคมาก เราไม่รู้นะหลายคนอาจจะว่าเราเลี้ยงลูกยังไงเราก็ไม่ทราบ แต่เราขอแค่ให้ลูกพี่ตั๊กเป็นคนดี ไม่เป็นภาระสังคม เป็นคนดีของพ่อแม่แค่นี้ก็พอ แค่นี้เราก็พอใจแล้ว”

นุ้ย : “เราสองคนขอขอบคุณทุกท่านมากนะครับที่ติดต่อครอบครัวเรามาโดยตลอด ตั้งแต่ในวันที่น้องภูยังตัวเล็กๆ จนตอนนี้เขาอายุ 14 ปีแล้ว และเราก็จะทำหน้าที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกๆ ท่าน เพราะว่าเราอยู่จุดนี้เราก็เหมือนเป็นกระจกของสังคม เราจะไม่ทำเรื่องเสียหาย ไม่ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม แม้แต่ตัวน้องภูเองผมก็ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า ต้องขอโทษด้วยถ้าหากน้องจะเป็นนู่นเป็นนี่หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ ก็อย่าไปว่าเขาเลยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกกับทุกครอบครัวเลยก็คือ อยากให้เปิดใจรับฟังลูก รับฟังคำปรึกษากับลูก ไม่ว่าลูกเขาจะเป็นอะไรเราก็ต้องเปิดใจรับให้ได้ ในสิ่งที่มาถึงหรือมาไม่ถึงก็แล้วแต่ครับ”

กำลังโหลดความคิดเห็น