โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)

กรกฎาคม 2560 นับเป็นเดือนแห่งการสูญเสียของคนบันเทิงบ้านเรา
ล่าสุดกับอีกหนึ่งเหตุการณ์เศร้าต่อการจากไปของ “เป้า คาราบาว” หรือ “อำนาจ ลูกจันทร์” (จ่าเอก อำนาจ ลูกจันทร์) อดีตมือกลองวงหัวควาย คาราบาว วงดนตรีเพื่อชีวิตอันดับหนึ่งของเมืองไทย ที่ได้เสียงชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลกลาง ด้วยวัย 68 ปี หลังจากล้มป่วยเรื้อรังมาเป็นเวลานาน
น้าเป้า คาราบาว เป็นหนึ่งในมือกลองขวัญใจของผม และผมคุ้นเคยกับเสียงกลองของน้าเป้ามาตั้งแต่เด็ก มีหลายเพลงที่พยายามหัดตีกลองตามบทเพลงของคาราบาว แต่สุดท้ายก้หันไปเอาดีทางเครื่องดนตรีชนิดอื่นมากกว่า
น้าเป้า คาราบาว นอกจากจะเป็นมือกลอง(อย่างเป็นทางการ)คนแรกของวงคาราบาวแล้ว ยังเป็นมือกลองในยุคทองหรือยุคคลาสสิกที่วงหัวควายมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด(และได้รับการยกย่องว่าเป็นยุคที่ทางวงหัวคาราบาวสร้างสรรค์ผลงานเพลงได้ดีที่สุด)
น้าเป้าเคยเป็นนักดนตรีในวงดุริยางค์ทหารเรือมาก่อน แล้วได้ใช้เวลาในช่วงนี้เล่นดนตรีตามคลับ บาร์ และเป็นนักดนตรีรับจ้างในห้องอัดเสียง เคยตีกลองให้กับศิลปินชื่อดังของบ้านเรา อาทิ วง PM5 ที่มีดอน สอนระเบียบ เป็นนักร้องนำ,สุเทพ วงศ์กำแหง,สวลี ผกาพันธุ์, ศรีไศล สุชาติวุฒิ เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2526 น้าเป้า ได้มาตีกลองแบ๊คอัพให้กับวงคาราบาว พร้อมกับ เทียรี่ เมฆวัฒนา(กีตาร์-ร้องประสาน) อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี(เครื่องเป่า-คีย์บอร์ด) และ ไพรัช เพิ่มฉลาด(เบส) ในชุด “ท.ทหารอดทน” แล้วหลังจากนั้น ทั้งน้าเป้า น้าเทียรี่ และ อ.ธนิสร์ ได้กลายมาเป็นสมาชิกถาวรของวงคาราบาว พร้อมๆกับได้ร่วมกันสร้างตำนานแห่งวงหัวควายอันลือลั่นขึ้นมา

น้าเป้าแม้เป็นชายร่างเล็กแต่ก็สามารถตีกลองได้หนักแน่นเร้าใจ เขาเข้ามาร่วมวงคาราบาวในฐานะมือกลองและเพอร์คัสชั่น มีผลงานตีกลองในนามคาราบาวออกมา 6 ชุดด้วยกัน ได้แก่ “ท.ทหารอดทน”(2526),“เมด อิน ไทยแลนด์”(2527),“อเมริโกย”(2528),“ประชาธิปไตย”(2529),“เวลคัม ทู ไทยแลนด์”(2530) และ“ทับหลัง” (2531)
หลังชุดทับหลังคาราบาวในชุดทองถึงจุดอิ่มตัว ในปี 2532(บางข้อมูลก็ว่า 2533) วงหัวควายมาถึงจุดแยกวง สมาชิกบางส่วนเดินทางไปสร้างสรรค์ผลงานอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง
สำหรับน้าเป้า คาราบาว ได้ออกไปสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับ น้าเทียรี่ และ อ.ธนิสร์ ในชื่อชุด “ขอเดี่ยวด้วยคนนะ” ซึ่งเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยน้าเป้าได้ฝากผลงานการแต่งเพลงไว้ เพลงหนึ่งคือ “ศึกบางระจัน”
ต่อจากนั้น 3 คน คาราบาว ได้แยกย้ายไปในเส้นทางของตัวเอง อ.ธนิสร์ ไปสร้างสรรค์ผลงานขลุ่ยบันลือโลก น้าเทียรี่กลับไปร่วมวงกับคาราบาวในยุคใหม่อีกครั้ง ส่วนน้าเป้า นอกจากเล่นดนตรี ตีกลอง ยังเปิดโรงเรียนสอนดนตรี และมีกิจการส่วนตัวคือผลิตเครื่องดนตรีออกจำหน่าย รวมถึงมีผลงานเดี่ยวของตัวเอง(ร่วมกับวงการบูร)ออกมาคือ “นักร้องจำเป็น”ในปี 2541 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ดีในช่วงนี้น้าเป้าก็ยังคงกลับไปร่วมงานกับวงคาราบาวอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมีคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ รวมถึงในอัลบั้มครบรอบ 15 ปี คาราบาว คือ “หากหัวใจยังรักควาย” (2538) ที่เหล่าสมาชิกทั้งในยุคทองและยุคหลังได้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพลงของวงหัวควายในชุดนี้ ซึ่งรวมถึงน้าเป้า คาราบาว ที่ได้กลับมาตีกลองและเล่นเพอร์คัสชั่นให้กับวงคาราบาวอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายไปในเส้นทางของตัวเอง
กระทั่งในคอนเสิร์ต 25 ปี คาราบาว บาวเบญจเพส ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี น้าเป้าขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับวงคาราบาวอีกครั้งในฐานะแขกรับเชิญ และได้ร่วมร้องเพลงกับวงคาราบาวคือ “ร้านเหล้าริมทาง” ซึ่งเป็นเพลงแรกและเพลงเดียวที่เป้าร้องให้กับวงคาราบาว
มาวันนี้แม้น้าเป้าจะลาลับจากไป แต่ผลงานของน้าเป้ายังคงอยู่กับเสียงกลองอันเป็นตำนาน ผมจึงขอคัดสรร 6 บทเพลงมันๆในช่วงคาราบาวยุคทองตั้งแต่ชุด ท.ทหารอดทน-ทับหลัง ที่มีน้าเป้าเป็นมือกลองและเพอร์คัสชั่น ซึ่งได้ฝากลีลาการตีกลองอันโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เอาไว้ โดยได้คัดสรรมาอัลบั้มละ 1 บทเพลง ดังนี้
ชุด ท.ทหารอดทน
ท.ทหารอดทน
ลีลากลองในผลงานเพลงชุดนี้ผมยกให้กับเพลง “ท.ทหารอดทน” บทเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะเพลงนี้โดดเด่นด้วยการตีกลองที่ตีในแบบเพลงมาร์ชของทหาร หรือการตีกลองในแบบวงโยธวาทิต ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเพลง ท.ทหารอดทน มาจนทุกวันนี้ แฟนเพลงวงคาราบาว ฟังแล้วรู้เลยว่านี่คือเพลง ท.ทหารอดทน
ไม่เพียงเท่านั้น ลีลาการตีกลองเพลง ท.ทหารอดทน ของน้าเป้า ยังถูกบันทึกเอาไว้ในวิกิพีเดียด้วยว่า ในคอนเสิร์ตใหญ่“ทำโดยคนไทย” ที่สนามกีฬาเวโลโดรม หัวหมาก เมื่อต้นปี พ.ศ. 2528 ที่มีผู้ชมมากกว่า 60,000 คน น้าเป้าได้โซโล่กลองลีลาเพลงมาร์ชในเพลง ท.ทหารอดทน เป็นเพลงเปิดคอนเสิร์ต ก่อนที่คอนเสิร์ตนี้จะเล่นไม่จบ เพราะมีคนตีกัน(จนต้องมีการจัดใหม่อีกครั้งในภาคสังคายนาในอีกเกือบ 20 ปี ผ่านมา)
นอกจากเพลง ท.ทหารอดทน แล้วในอัลบั้มชื่อเดียวกันนี้ยังมีเพลงฝีมือน้าเป้าที่เด่นๆอีกอย่างเช่น ทินเนอร์ เวลา คนนิรนาม เป็นต้น ขณะที่เพลง ท.ทหารอดทน ถือเป็นเพลงในสตตูดิโออัลบั้มเพลงแรกที่น้าเป้าเข้ามาตีกลองให้กับวงคาราบาว และเพลงนี้ก็ถูก“แบน”เป็นเพลงแรกของวงคาราบาว ก่อนที่จะมีเพลงอื่นๆที่ถูกแบนตามมาอีกเพียบ
ชุด เมดอินไทยแลนด์
บัวลอย
เมดอินไทยแลนด์ อัลบั้มชุดที่ 5 ของวงหัวควาย ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มที่โด่งดังที่สุดของวงคาราบาว อัลบั้มที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงไทยซึ่ง วันนี้ทำยอดขายได้กว่า 5 ล้าน ก็อปปี้ และเป็นอัลบั้มที่ดีและลงตัวที่สุดของวงคาราบาว
อัลบั้มชุดเมดอินไทยแลนด์มีบทเพลงในหลากหลายสไตล์ที่มาพร้อมๆกับลีลาเสียงกลองเด่นๆของน้าเป้า ไม่ว่าจะเป็น “เมดอินไทยแลนด์” ที่มีกลิ่นอายดนตรีพื้นบ้านแบบไทยๆ “ลูกหิน” เพลงฮาร์ดร็อกที่น้าเป้าหวดกลองได้อย่างมันสะใจ “สองเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่” ที่มาในสไตล์เร็กเก้ซึ่งคาราบาวกล้าที่จะบุกเบิกการทำเพลงสไตล์นี้ในบ้านเรา “ราชาเงินผ่อน” บทเพลงลีลาสามช่ากับเสียงกลองโจ๊ะๆมันๆ
ส่วนเพลงที่ผมเลือกมานั้นนั่นก็คือ “บัวลอย” หนึ่งในเพลงที่โด่งดงที่สุดของวงคาราบาว และเป็นหนึ่งในบทเพลงเอกลักษณ์ประจำวงหัวควาย บัวลอยเป็นเพลงร็อกๆมัน น้าเป้าย่ำกระเดื่องนำมาก่อน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเบิ้ลสแนร์ส่งเข้าเพลงที่มีเสียงกีตาร์มาเล่นรับในเมโลดี้เพลงบัวลอยที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี
สมัยก่อนเวลาเล่นเพลงนี้ ด้วยความมันของเพลงวัยรุ่นมักจะตีกันบ่อยครั้ง จนบัวลอยต้องถูกใช้เล่นเป็นเพลงปิดท้ายคอนเสิร์ต จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำวงคาราบาวมาจนทุกวันนี้
ชุด อเมริโกย
ซาอุดร
ชุดอเมริโกย เป็นยุคที่กลองไฟฟ้าเบ่งบานในบ้านเรา คาราบาวก็เป็นอีกหนึ่งในหัวหอกผู้นำกลองไฟฟ้ามาใช้เล่นทั้งในห้องอัดเสียงและในการแสดงสด เพลงที่มีเสียงกลองไฟฟ้าเด่นชัดในอัลบั้มชุดนี้ก็อย่างเช่น “อเมริโกย” “ตางขโมย”ที่ในช่วงส่งกลองนั้นฟังเด่นชัดมาก
นอกจากนี้ก็ยังมีเพลงกลองมันๆอย่าง ”ข่าวดี”ที่เป็นร็อกมันๆ และ “เฒ่าทะเล”ที่ออกไปในทางแจ๊ซร็อก เสียงกลองมีพาร์ทที่ซับซ้อนไม่ธรรมดา ส่วนเพลงที่ผมขอเลือกในอัลบั้มชุดนี้ คือ “ซาอุดร” บทเพลงร็อกไม่ธรรมดา เพราะช่วงกลางมีท่อนโซโลกลองมันๆ(หลังท่อนโซโลกีตาร์)ที่เล่นพร้อมกับโน้ตสัดส่วนจังหวะขัดๆที่นักดนตรีทั้งหมดต้องแม่นเป๊ะในจังหวะมากๆ
ชุด ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
ผลงานลำดับที่ 7 ของคาราบาว ที่ทางวงพยามยามหลีกหนีความเป็นสามช่า หันมาเล่นเพลงร็อกหนักๆมันๆกันแทน ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนของพาร์ทกลองฝีมือน้าเป้านั้นย่อมต้องมันตามไปด้วย
สำหรับเสียงเพลงกลองมันๆในอัลบั้มชุดนี้ก็มี “ตาตี๋”, “ผู้ทน”, “วันเด็ก” และ “เจ้าตาก” บทเพลงที่ดังที่สุดในอัลบั้มชุดนี้และเป็นหนึ่งในบทเพลงระดับตำนานของคาราบาว ซึ่งลีลาการตีกลองในเพลงนี้ของน้าเป้านั้นก็มันมาก
แต่หากพูดลีลากลองที่มันที่สุดในชุดนี้และผมขอเลือกหยิบขึ้นมาก็คือเพลง “ประชาธิปไตย” เพลงร็อกมันๆ ซึ่งแน่นอนว่าพาร์ทกลองย่อมต้องมันด้วย นำโดยท่อนส่งกลองต่างๆนี่มันเด็ดสะระตี่จริงๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อนเปิดอินโทรที่กลองโซโลนำมานี่มันโคตรมันเลยพับผ่าสิ
ชุด เวลคัมทูไทยแลนด์
คนหนังเหนียว
มาถึงผลงานชุดเวลคัมทูไทยแลนด์ที่เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่โด่งดังมากของคาราบาว สามารถขายได้เกินล้านก็อปปี้ อัลบั้มชุดนี้วงคาราบาวลดดีกรีลงมาทั้งทางด้านดนตรี และเนื้อร้อง คือไม่ได้มุ่งไปทางการเมืองเหมือนชุดประชาธิปไตย หากแต่เน้นมาเล่าเรื่องชีวิตคนมากกว่า
ขณะที่ภาคดนตรีนั้นก็ลดความร้อนแรงจากเพลงร็อกๆมันๆในชุดประชาธิปไตย มาเน้นความหลากหลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีเพลงสนุกๆอย่าง “เวลคัมทูไทยแลนด์” “บิ๊กเสี่ยว” และ “นีออน” ที่ออกไปในทางแจ๊ซร็อก
ส่วนเพลงกลองมันๆที่ผมขอเลือกในอัลบั้มชุดนี้คือ “คนหนังเหนียว” ที่มาพร้อมกับเสียงกลองโจ๊ะๆมันๆ นับเป็นอีกหนึ่งเพลงมันและเพลงเมาในระดับตำนานที่น้าเล็กและน่าเทียรี่ร้องรับ-ส่งกันได้อย่างลงตัวสุดๆ
ชุด ทับหลัง
มิสชาวนา
มาถึงผลงานเพลงชุดสุดของวงคาราบาวในยุครุ่งโรจน์ ก่อนที่หลังจากนี้สมาชิกวงคาราบาวยุคทองจะแตกวง แยกตัวกันไป นับเป็นผลงานเพลงชุดสุดท้ายของน้าเป้ากับวงคาราบาวที่ถูกบันทึกไว้เป็นตำนาน
อัลบั้มชุดทับหลังมีเพลงกลองมันๆอย่าง “ทับหลัง” “ปาณา” และ “มิสชาวนา” ที่ผมขอเลือกให้เป็นเพลงกลองเพลงเอกของน้าเป้าในอัลบั้มชุดนี้
มิสชาวนา เป็นเพลงร็อกหนักๆที่กระเดียดไปทางฮาร์ดร็อก เฮฟวี่ ในภาคดนตรีนั้นจัดหนักกันหมด และแน่นอนว่าเสียงกลองของน้าเป้าก็อัดใส่กันอย่างเมามันเช่นกัน
และนั่นก็คือ 6 บทเพลงที่มีลีลาการตีกลองเจ๋งๆมันๆจากฝีมือของน้าเป้า คาราบาว(อันที่จริงยังมีมากกว่านี้) ซึ่งผมคัดเพลงกลองเด่นๆมาอัลบั้มละ 1 เพลง จาก 6 อัลบั้มของวงคาราบาวในยุคเฟื่องฟู ซึ่งมีน้าเป้าเป็นผู้วาดลวดลายการตีกลองได้อย่างยอดเยี่ยม
มาวันนี้แม้น้าเป้าจะลาลับจากโลกนี้ไป แต่ผลงานที่น้าเป้าได้ฝากไว้ผ่านเสียงกลองอันยอดเยี่ยมยังคงอยู่ และนี่คืออีกหนึ่งมือกลองในระดับตำนานของเมืองไทย ที่เป็นอิทธิพลให้กับมือกลองหลายๆคนในบ้านเรา
R.I.P. สู่สุขคติครับ น้าเป้า
กรกฎาคม 2560 นับเป็นเดือนแห่งการสูญเสียของคนบันเทิงบ้านเรา
ล่าสุดกับอีกหนึ่งเหตุการณ์เศร้าต่อการจากไปของ “เป้า คาราบาว” หรือ “อำนาจ ลูกจันทร์” (จ่าเอก อำนาจ ลูกจันทร์) อดีตมือกลองวงหัวควาย คาราบาว วงดนตรีเพื่อชีวิตอันดับหนึ่งของเมืองไทย ที่ได้เสียงชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลกลาง ด้วยวัย 68 ปี หลังจากล้มป่วยเรื้อรังมาเป็นเวลานาน
น้าเป้า คาราบาว เป็นหนึ่งในมือกลองขวัญใจของผม และผมคุ้นเคยกับเสียงกลองของน้าเป้ามาตั้งแต่เด็ก มีหลายเพลงที่พยายามหัดตีกลองตามบทเพลงของคาราบาว แต่สุดท้ายก้หันไปเอาดีทางเครื่องดนตรีชนิดอื่นมากกว่า
น้าเป้า คาราบาว นอกจากจะเป็นมือกลอง(อย่างเป็นทางการ)คนแรกของวงคาราบาวแล้ว ยังเป็นมือกลองในยุคทองหรือยุคคลาสสิกที่วงหัวควายมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด(และได้รับการยกย่องว่าเป็นยุคที่ทางวงหัวคาราบาวสร้างสรรค์ผลงานเพลงได้ดีที่สุด)
น้าเป้าเคยเป็นนักดนตรีในวงดุริยางค์ทหารเรือมาก่อน แล้วได้ใช้เวลาในช่วงนี้เล่นดนตรีตามคลับ บาร์ และเป็นนักดนตรีรับจ้างในห้องอัดเสียง เคยตีกลองให้กับศิลปินชื่อดังของบ้านเรา อาทิ วง PM5 ที่มีดอน สอนระเบียบ เป็นนักร้องนำ,สุเทพ วงศ์กำแหง,สวลี ผกาพันธุ์, ศรีไศล สุชาติวุฒิ เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2526 น้าเป้า ได้มาตีกลองแบ๊คอัพให้กับวงคาราบาว พร้อมกับ เทียรี่ เมฆวัฒนา(กีตาร์-ร้องประสาน) อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี(เครื่องเป่า-คีย์บอร์ด) และ ไพรัช เพิ่มฉลาด(เบส) ในชุด “ท.ทหารอดทน” แล้วหลังจากนั้น ทั้งน้าเป้า น้าเทียรี่ และ อ.ธนิสร์ ได้กลายมาเป็นสมาชิกถาวรของวงคาราบาว พร้อมๆกับได้ร่วมกันสร้างตำนานแห่งวงหัวควายอันลือลั่นขึ้นมา
น้าเป้าแม้เป็นชายร่างเล็กแต่ก็สามารถตีกลองได้หนักแน่นเร้าใจ เขาเข้ามาร่วมวงคาราบาวในฐานะมือกลองและเพอร์คัสชั่น มีผลงานตีกลองในนามคาราบาวออกมา 6 ชุดด้วยกัน ได้แก่ “ท.ทหารอดทน”(2526),“เมด อิน ไทยแลนด์”(2527),“อเมริโกย”(2528),“ประชาธิปไตย”(2529),“เวลคัม ทู ไทยแลนด์”(2530) และ“ทับหลัง” (2531)
หลังชุดทับหลังคาราบาวในชุดทองถึงจุดอิ่มตัว ในปี 2532(บางข้อมูลก็ว่า 2533) วงหัวควายมาถึงจุดแยกวง สมาชิกบางส่วนเดินทางไปสร้างสรรค์ผลงานอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง
สำหรับน้าเป้า คาราบาว ได้ออกไปสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับ น้าเทียรี่ และ อ.ธนิสร์ ในชื่อชุด “ขอเดี่ยวด้วยคนนะ” ซึ่งเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยน้าเป้าได้ฝากผลงานการแต่งเพลงไว้ เพลงหนึ่งคือ “ศึกบางระจัน”
ต่อจากนั้น 3 คน คาราบาว ได้แยกย้ายไปในเส้นทางของตัวเอง อ.ธนิสร์ ไปสร้างสรรค์ผลงานขลุ่ยบันลือโลก น้าเทียรี่กลับไปร่วมวงกับคาราบาวในยุคใหม่อีกครั้ง ส่วนน้าเป้า นอกจากเล่นดนตรี ตีกลอง ยังเปิดโรงเรียนสอนดนตรี และมีกิจการส่วนตัวคือผลิตเครื่องดนตรีออกจำหน่าย รวมถึงมีผลงานเดี่ยวของตัวเอง(ร่วมกับวงการบูร)ออกมาคือ “นักร้องจำเป็น”ในปี 2541 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ดีในช่วงนี้น้าเป้าก็ยังคงกลับไปร่วมงานกับวงคาราบาวอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมีคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ รวมถึงในอัลบั้มครบรอบ 15 ปี คาราบาว คือ “หากหัวใจยังรักควาย” (2538) ที่เหล่าสมาชิกทั้งในยุคทองและยุคหลังได้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพลงของวงหัวควายในชุดนี้ ซึ่งรวมถึงน้าเป้า คาราบาว ที่ได้กลับมาตีกลองและเล่นเพอร์คัสชั่นให้กับวงคาราบาวอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายไปในเส้นทางของตัวเอง
กระทั่งในคอนเสิร์ต 25 ปี คาราบาว บาวเบญจเพส ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี น้าเป้าขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับวงคาราบาวอีกครั้งในฐานะแขกรับเชิญ และได้ร่วมร้องเพลงกับวงคาราบาวคือ “ร้านเหล้าริมทาง” ซึ่งเป็นเพลงแรกและเพลงเดียวที่เป้าร้องให้กับวงคาราบาว
มาวันนี้แม้น้าเป้าจะลาลับจากไป แต่ผลงานของน้าเป้ายังคงอยู่กับเสียงกลองอันเป็นตำนาน ผมจึงขอคัดสรร 6 บทเพลงมันๆในช่วงคาราบาวยุคทองตั้งแต่ชุด ท.ทหารอดทน-ทับหลัง ที่มีน้าเป้าเป็นมือกลองและเพอร์คัสชั่น ซึ่งได้ฝากลีลาการตีกลองอันโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เอาไว้ โดยได้คัดสรรมาอัลบั้มละ 1 บทเพลง ดังนี้
ชุด ท.ทหารอดทน
ท.ทหารอดทน
ลีลากลองในผลงานเพลงชุดนี้ผมยกให้กับเพลง “ท.ทหารอดทน” บทเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะเพลงนี้โดดเด่นด้วยการตีกลองที่ตีในแบบเพลงมาร์ชของทหาร หรือการตีกลองในแบบวงโยธวาทิต ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเพลง ท.ทหารอดทน มาจนทุกวันนี้ แฟนเพลงวงคาราบาว ฟังแล้วรู้เลยว่านี่คือเพลง ท.ทหารอดทน
ไม่เพียงเท่านั้น ลีลาการตีกลองเพลง ท.ทหารอดทน ของน้าเป้า ยังถูกบันทึกเอาไว้ในวิกิพีเดียด้วยว่า ในคอนเสิร์ตใหญ่“ทำโดยคนไทย” ที่สนามกีฬาเวโลโดรม หัวหมาก เมื่อต้นปี พ.ศ. 2528 ที่มีผู้ชมมากกว่า 60,000 คน น้าเป้าได้โซโล่กลองลีลาเพลงมาร์ชในเพลง ท.ทหารอดทน เป็นเพลงเปิดคอนเสิร์ต ก่อนที่คอนเสิร์ตนี้จะเล่นไม่จบ เพราะมีคนตีกัน(จนต้องมีการจัดใหม่อีกครั้งในภาคสังคายนาในอีกเกือบ 20 ปี ผ่านมา)
นอกจากเพลง ท.ทหารอดทน แล้วในอัลบั้มชื่อเดียวกันนี้ยังมีเพลงฝีมือน้าเป้าที่เด่นๆอีกอย่างเช่น ทินเนอร์ เวลา คนนิรนาม เป็นต้น ขณะที่เพลง ท.ทหารอดทน ถือเป็นเพลงในสตตูดิโออัลบั้มเพลงแรกที่น้าเป้าเข้ามาตีกลองให้กับวงคาราบาว และเพลงนี้ก็ถูก“แบน”เป็นเพลงแรกของวงคาราบาว ก่อนที่จะมีเพลงอื่นๆที่ถูกแบนตามมาอีกเพียบ
ชุด เมดอินไทยแลนด์
บัวลอย
เมดอินไทยแลนด์ อัลบั้มชุดที่ 5 ของวงหัวควาย ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มที่โด่งดังที่สุดของวงคาราบาว อัลบั้มที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงไทยซึ่ง วันนี้ทำยอดขายได้กว่า 5 ล้าน ก็อปปี้ และเป็นอัลบั้มที่ดีและลงตัวที่สุดของวงคาราบาว
อัลบั้มชุดเมดอินไทยแลนด์มีบทเพลงในหลากหลายสไตล์ที่มาพร้อมๆกับลีลาเสียงกลองเด่นๆของน้าเป้า ไม่ว่าจะเป็น “เมดอินไทยแลนด์” ที่มีกลิ่นอายดนตรีพื้นบ้านแบบไทยๆ “ลูกหิน” เพลงฮาร์ดร็อกที่น้าเป้าหวดกลองได้อย่างมันสะใจ “สองเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่” ที่มาในสไตล์เร็กเก้ซึ่งคาราบาวกล้าที่จะบุกเบิกการทำเพลงสไตล์นี้ในบ้านเรา “ราชาเงินผ่อน” บทเพลงลีลาสามช่ากับเสียงกลองโจ๊ะๆมันๆ
ส่วนเพลงที่ผมเลือกมานั้นนั่นก็คือ “บัวลอย” หนึ่งในเพลงที่โด่งดงที่สุดของวงคาราบาว และเป็นหนึ่งในบทเพลงเอกลักษณ์ประจำวงหัวควาย บัวลอยเป็นเพลงร็อกๆมัน น้าเป้าย่ำกระเดื่องนำมาก่อน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเบิ้ลสแนร์ส่งเข้าเพลงที่มีเสียงกีตาร์มาเล่นรับในเมโลดี้เพลงบัวลอยที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี
สมัยก่อนเวลาเล่นเพลงนี้ ด้วยความมันของเพลงวัยรุ่นมักจะตีกันบ่อยครั้ง จนบัวลอยต้องถูกใช้เล่นเป็นเพลงปิดท้ายคอนเสิร์ต จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำวงคาราบาวมาจนทุกวันนี้
ชุด อเมริโกย
ซาอุดร
ชุดอเมริโกย เป็นยุคที่กลองไฟฟ้าเบ่งบานในบ้านเรา คาราบาวก็เป็นอีกหนึ่งในหัวหอกผู้นำกลองไฟฟ้ามาใช้เล่นทั้งในห้องอัดเสียงและในการแสดงสด เพลงที่มีเสียงกลองไฟฟ้าเด่นชัดในอัลบั้มชุดนี้ก็อย่างเช่น “อเมริโกย” “ตางขโมย”ที่ในช่วงส่งกลองนั้นฟังเด่นชัดมาก
นอกจากนี้ก็ยังมีเพลงกลองมันๆอย่าง ”ข่าวดี”ที่เป็นร็อกมันๆ และ “เฒ่าทะเล”ที่ออกไปในทางแจ๊ซร็อก เสียงกลองมีพาร์ทที่ซับซ้อนไม่ธรรมดา ส่วนเพลงที่ผมขอเลือกในอัลบั้มชุดนี้ คือ “ซาอุดร” บทเพลงร็อกไม่ธรรมดา เพราะช่วงกลางมีท่อนโซโลกลองมันๆ(หลังท่อนโซโลกีตาร์)ที่เล่นพร้อมกับโน้ตสัดส่วนจังหวะขัดๆที่นักดนตรีทั้งหมดต้องแม่นเป๊ะในจังหวะมากๆ
ชุด ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
ผลงานลำดับที่ 7 ของคาราบาว ที่ทางวงพยามยามหลีกหนีความเป็นสามช่า หันมาเล่นเพลงร็อกหนักๆมันๆกันแทน ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนของพาร์ทกลองฝีมือน้าเป้านั้นย่อมต้องมันตามไปด้วย
สำหรับเสียงเพลงกลองมันๆในอัลบั้มชุดนี้ก็มี “ตาตี๋”, “ผู้ทน”, “วันเด็ก” และ “เจ้าตาก” บทเพลงที่ดังที่สุดในอัลบั้มชุดนี้และเป็นหนึ่งในบทเพลงระดับตำนานของคาราบาว ซึ่งลีลาการตีกลองในเพลงนี้ของน้าเป้านั้นก็มันมาก
แต่หากพูดลีลากลองที่มันที่สุดในชุดนี้และผมขอเลือกหยิบขึ้นมาก็คือเพลง “ประชาธิปไตย” เพลงร็อกมันๆ ซึ่งแน่นอนว่าพาร์ทกลองย่อมต้องมันด้วย นำโดยท่อนส่งกลองต่างๆนี่มันเด็ดสะระตี่จริงๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อนเปิดอินโทรที่กลองโซโลนำมานี่มันโคตรมันเลยพับผ่าสิ
ชุด เวลคัมทูไทยแลนด์
คนหนังเหนียว
มาถึงผลงานชุดเวลคัมทูไทยแลนด์ที่เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่โด่งดังมากของคาราบาว สามารถขายได้เกินล้านก็อปปี้ อัลบั้มชุดนี้วงคาราบาวลดดีกรีลงมาทั้งทางด้านดนตรี และเนื้อร้อง คือไม่ได้มุ่งไปทางการเมืองเหมือนชุดประชาธิปไตย หากแต่เน้นมาเล่าเรื่องชีวิตคนมากกว่า
ขณะที่ภาคดนตรีนั้นก็ลดความร้อนแรงจากเพลงร็อกๆมันๆในชุดประชาธิปไตย มาเน้นความหลากหลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีเพลงสนุกๆอย่าง “เวลคัมทูไทยแลนด์” “บิ๊กเสี่ยว” และ “นีออน” ที่ออกไปในทางแจ๊ซร็อก
ส่วนเพลงกลองมันๆที่ผมขอเลือกในอัลบั้มชุดนี้คือ “คนหนังเหนียว” ที่มาพร้อมกับเสียงกลองโจ๊ะๆมันๆ นับเป็นอีกหนึ่งเพลงมันและเพลงเมาในระดับตำนานที่น้าเล็กและน่าเทียรี่ร้องรับ-ส่งกันได้อย่างลงตัวสุดๆ
ชุด ทับหลัง
มิสชาวนา
มาถึงผลงานเพลงชุดสุดของวงคาราบาวในยุครุ่งโรจน์ ก่อนที่หลังจากนี้สมาชิกวงคาราบาวยุคทองจะแตกวง แยกตัวกันไป นับเป็นผลงานเพลงชุดสุดท้ายของน้าเป้ากับวงคาราบาวที่ถูกบันทึกไว้เป็นตำนาน
อัลบั้มชุดทับหลังมีเพลงกลองมันๆอย่าง “ทับหลัง” “ปาณา” และ “มิสชาวนา” ที่ผมขอเลือกให้เป็นเพลงกลองเพลงเอกของน้าเป้าในอัลบั้มชุดนี้
มิสชาวนา เป็นเพลงร็อกหนักๆที่กระเดียดไปทางฮาร์ดร็อก เฮฟวี่ ในภาคดนตรีนั้นจัดหนักกันหมด และแน่นอนว่าเสียงกลองของน้าเป้าก็อัดใส่กันอย่างเมามันเช่นกัน
และนั่นก็คือ 6 บทเพลงที่มีลีลาการตีกลองเจ๋งๆมันๆจากฝีมือของน้าเป้า คาราบาว(อันที่จริงยังมีมากกว่านี้) ซึ่งผมคัดเพลงกลองเด่นๆมาอัลบั้มละ 1 เพลง จาก 6 อัลบั้มของวงคาราบาวในยุคเฟื่องฟู ซึ่งมีน้าเป้าเป็นผู้วาดลวดลายการตีกลองได้อย่างยอดเยี่ยม
มาวันนี้แม้น้าเป้าจะลาลับจากโลกนี้ไป แต่ผลงานที่น้าเป้าได้ฝากไว้ผ่านเสียงกลองอันยอดเยี่ยมยังคงอยู่ และนี่คืออีกหนึ่งมือกลองในระดับตำนานของเมืองไทย ที่เป็นอิทธิพลให้กับมือกลองหลายๆคนในบ้านเรา
R.I.P. สู่สุขคติครับ น้าเป้า