“ฟิล์ม รัฐภูมิ” โต้เตรียมอิสระ ไม่เซ็นสัญญาต่อ บอกอบอุ่นใต้ชายคาอาร์เอส ยันสัญญายุติธรรม ไม่อิสระก็เหมือนอิสระ แต่ยอมรับถึงยุคต้องเอาตัวรอด วินวินสองฝ่าย ไม่รอให้บริษัทป้อนงาน แบกรับภาระมากเกินไป เผยเรื่องหัวใจมีสาวคุยด้วย แม่รบเร้าขอลูกสะใภ้ฝรั่ง
หลังจากที่มีข่าวลือหนาหูว่าพระเอกดัง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” จะไม่ต่อสัญญากับค่ายอาร์เอส ล่าสุด เจ้าตัวก็ออกมาสกัดข่าวแล้ว โดยยืนยันว่าอาร์เอสเป็นบ้านที่อบอุ่น 15 ปีที่อยู่ที่นี่มีแต่ความสุข
“โห ยังไม่รู้เลยครับผม ผมก็ยังไม่ทราบ ก็อยู่ที่บ้านหลังเดิมก็ยังดีอยู่นะครับ ผมอยู่จนผมไม่ได้มองแล้วว่าสัญญาเหลืออยู่เท่าไหร่ เพราะในการทำงานผู้ใหญ่ก็ให้อิสระผม เพราะเราก็โตๆ กันแล้ว ผมก็รู้กฎรู้ระเบียบดีอยู่แล้วครับ ผมว่ามันคงเป็นแค่กระแสนะครับ เพราะว่าในสัญญาเนี่ยตามกฎถ้าเหลือน้อยเขาก็ต้องเรียกไปคุย แม้แต่ตัวผมเอง ผมอยู่มานานจนชินแล้วว่าไม่ต้องไปดูสัญญาแล้ว ผมอยู่ก็มีความสุขดี แล้วก็เวลาใกล้ๆ เขาก็จะเรียกเราไปคุย เราไม่ได้เช็กเลยครับว่าเหลือกี่ปี แต่คงเหลือไม่นานนะครับเพราะผมอยู่มาจะ 15 ปีแล้วครับ สัญญาเซ็นครั้งหนึ่งก็ทีละ 5 ครับ 5 ต่อ 5”
“ผมยังไม่ได้วางแผนอะไรเพราะว่าเราก็เกิดมาจากที่นี่ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ก็ยังมีความสุขดีอยู่ก็ไม่ได้มีอะไรเลย เพราะว่าการทำงานทุกอย่าง พอเรารู้กฎรู้ระเบียบ พอเราจะไปรับงานอะไรเราก็แจ้งผู้ใหญ่เขา เรื่องอิสระผมว่ามันต่างแนวคิดนะครับ ในส่วนตัวผมเนี่ยพอดีว่าทางผู้ใหญ่หรือทางต้นสังกัดเนี่ยก็ให้ความอิสระที่อยู่ในกฎระเบียบอยู่แล้ว พอเรารู้เงื่อนไขเราก็ทำทุกอย่างตามอิสระเรา แต่อยู่ภายใต้กฎ เขาไม่ได้มากดดันอะไรผมเลย ผมมองว่ามันดีกว่าด้วยซ้ำ เราก็อยู่ในบ้านหลังเดิมที่เราโตมา”
ยันสัญญายุติธรรม ถึงยุคที่ต้องเอาตัวรอด ไม่ให้บริษัทแบกรับภาระมากเกินไป
“จริงๆ ผมว่ายุติธรรมกับทุกคนนะครับ แต่ว่าในตัวผมก็คือจะเคารพกฎครับ ที่อื่นก็มีชวนๆ ถามว่าค่ายใหญ่มั้ย ก็มีทั่วๆ ไปครับ ทุกคนก็คิดถึงอยากให้เล่นละคร เล่นหนัง เรื่องงานถ้าเกิดส่งไปที่บริษัททางต้นสังกัดก็จะเป็นหลักในการสกรีนให้แล้วก็ส่งมาให้ผมว่าผมจะเล่นมั้ย แต่ว่าหลังๆ มานี่พอเขาติดต่อมาผมก็จะดูให้ก่อนว่าผมอยากจะเล่นมั้ย ผมชอบมั้ย ผมค่อยส่งไป”
“เรื่องเพลงตอนนี้ก็เปลี่ยนเยอะครับ เพราะว่ามันตามยุคตามสมัย ถ้าให้บริษัทมาแบกอย่างเดียว บริษัทก็อาจจะไม่รอด ก็เลยต้องเอื้อให้วินวินทั้งคู่ คือ พอในยุคการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ผมก็เข้าใจเพราะผมมีธุรกิจรองรับอยู่แล้ว เราก็วางแผนไว้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้แน่นอนก็เลยไม่กระทบมาก ถ้าเกิดว่าผมไม่มีอะไรรองรับเนี่ยก็คงแย่เหมือนกัน เพราะว่าร้องเพลงก็ไม่ได้แล้ว หนังก็ไม่มีแล้ว มีแต่ละครตอนนี้”
“เรื่องเสนอหุ้นให้เพราะอยากยื้อไว้ไม่ให้ไปไหน ก็ไม่น่าจะใช่ จริงๆ หุ้นเขาเปิดขายในตลาดอยู่แล้ว ผมมองว่าทุกคนต้องอยู่รอด ทางสังกัดเอยทั้งเด็กเอย ทั้งสองต้องอยู่รอด มันแล้วแต่แนวคิดว่าคุณจะบริหารชีวิตคุณยังไง เพราะถ้าเกิดว่าบริษัทมาแบกเด็กอยู่ บริษัทก็ตาย ไปรอแต่บริษัทป้อนงาน เด็กก็ตายเหมือนกัน เพราะว่ายุคนี้มันเอื้อกัน คุณต้องเอาตัวรอดให้ได้ครับ”
ถึงจะอยู่อาร์เอสแต่ก็เหมือนอิสระ ต้นสังกัดก็พร้อมซัปพอร์ตเป็นมิตรกับทุกคน
“จริงๆ แล้วผมอิสระนะครับ คือผมจะดูบทเป็นหลัก แต่ว่าส่วนใหญ่ ในช่อง 8 ถ้าเกิดว่าบทมาดี ผมก็จะเล่น เดี๋ยวนี้เขาให้อิสระผมเป็นผู้จัด ผมก็เลือกแต่บทดีๆ มาให้ตัวเองเล่นมันก็เลยต้องเล่นบ้านตัวเอง เราเลือกเองครับ แล้วทีมงานผู้จัดหลังบ้านก็ของเราเองหมด อิสระมากๆ พอเป็นที่อื่นก็ต้องดูว่าโปรดักชั่นดีมั้ย เราก็ไม่ใช่เด็กรุ่นใหม่ที่โด่งดัง มาใหม่ เราก็อยู่มานานแล้ว ก็ต้องเลือกบทดีๆ ให้ตัวเอง ถ้าจะเล่นละครนอกค่ายก็เป็นอิสระนะครับ เพราะอาร์เอสก็ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกๆ คน หลักๆ แล้วคนดูผลงานเป็นหลักมากกว่า ถ้านอกค่ายสนใจก็ติดต่อได้ทั้งอาร์เอสและผมครับ”
อย่าใช้คำว่าจะไป เพราะไม่อยากให้ใครต้องขนลุก
“อย่าใช้คำว่าจะไป (หัวเราะ) เดี๋ยวใครดูอยู่เขาจะขนลุกเปล่าๆ เอาเป็นว่าถ้าทีบทที่ดี เป็นงานที่ดีแล้วก็ทุกท่านให้โอกาสกับผม ก็ยินดีที่จะไปครับ ทางต้นสังกัดกับทางผมก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร”
บ่นเหงา หัวใจยังว่าง รับมีคนที่คุยด้วย แต่ไม่รู้จะเป็นยังไง
“ยังว่างๆ อยู่ครับ ก็มาเน้นกับงานครับ แล้วที่ผ่านมาธุรกิจก็เครียดเหลือเกิน ก็ยังไม่ค่อยมีเวลามากมาย คือที่ผ่านมันก็มีถูกใจบ้าง แต่ว่าผมก็มองว่างานมันเครียดมากจริงๆ อย่างที่เป็นกระแสข่าวเราก็ต้องแก้ไข เพราะว่าในบันเทิงกับการแก้ไขในธุรกิจจริงมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คือ ธุรกิจแก้ไขผิดคือเจ๊งเลยขาดทุนเลยหรืออาจจะไม่รอดเลยก็ได้ แต่บันเทิงเนี่ยพูดผิดไปพี่นักข่าวก็ช่วยกันซัปพอร์ต มีการแก้ข่าวทีหลัง อันนี้มันคือโลกของเรา แต่ว่าโลกของธุรกิจมันโหดร้ายมาก มันต้องใช้ทั้งตัวไปขลุกอยู่กับมัน”
“ก็มีเหงาบ้างครับ แต่ผมก็เครียดกับงานมากกว่า ธุรกิจมันไซส์ใหญ่ขึ้นก็ต้องเครียดตาม คนคุยก็มีบ้าง ก็กำลังคุยๆ อยู่ แต่ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง”
เผยแม่รบเร้าอยากให้มีเมียฝรั่ง
“คุณแม่ไปเอาเด็กมาเลี้ยงนะครับ เขาก็บ่นอยู่ทุกวัน เมื่อไหร่จะมี คือ เขาก็เอาลูกเพื่อนมาเลี้ยงเป็นเด็กฝรั่งที่ผมลงไอจีบ่อยๆ เขาก็รบเร้า บางทีเลี้ยงหลานที่เป็นฝรั่งเขาก็บอกเนี่ยถ้าฟิล์มมีแฟนฝรั่งนะคงดีเลยนะ พูดอยู่อย่างนั้น เราก็บอกโหยแม่หาก่อนดีกว่ามั้ย เรื่องหลานที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรม ตอนนี้ก็ดำเนินการอยู่ครับ ก็อยู่ที่แม่เขาและแม่ผมตกลงกัน เพราะผมไม่จดเป็นของตัวเอง แต่ผมก็ดูแลตลอด ตอนนี้ก็ส่งเข้าเรียนครับ แต่ยังไม่ได้จด อยู่ที่แม่ตัวจริงเขา”