อดีตนักแสดงดัง "โดโด้ ยุทธพิชัย" เปิดอกชีวิตพลิกเพราะภาพเซ็กซี่ภาพเดียว ก่อนผันตัวเป็นอาจารย์ด้านกีฬา ลั่นช่วงเวลาที่เหลือขอหันพึ่งธรรมะ
หลังจากที่หายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงเป็นเวลานาน ล่าสุดอดีตพระเอกชื่อดัง “โดโด้ ยุทธพิชัย” ก็ออกมาเผยถึงมรสุมชีวิตที่หายไปจากวงการบันเทิง ส่วนหนึ่งมาจากที่เจ้าตัวผันตัวไปถ่ายภาพหวิวแนวเซ็กซี่อวดสรีระ จนได้ฉายา “โดโด้ ใบบอน” แค่ภาพถ่ายเพียงชุดเดียวทำให้ชีวิตของโดโด้ต้องเปลี่ยนไป ถึงขั้นเสียหลักจนถูกยกเลิกงาน
"คือสมัยนั้นที่ผมถ่ายภาพเซ็กซี่ เขายังไม่ยอมรับกัน เอาจริงๆ ที่เราถ่ายเซ็กซี่อวดสรีระ บอกเลยว่าธรรมดามาก ไม่ได้มีอะไรเลย ชุดที่ใส่ก็ปกติ แค่เราเอาใบบอนมาตั้งไว้ ซึ่งคนก็จินตนาการกันไปเอง และผลกระทบที่ได้ตามมาคือเราถูกปลดออกจากแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสินค้า"
"ถามว่าผมเข้าวงการบันเทิงมาได้อย่างไร คือผมเข้าวงการจากการถ่ายโฆษณาของการแฟยี่ห้อดัง และหลังจากที่เราถ่ายโฆษณาก็มีงานนายแบบติดต่อมา หลังจากที่ก็มีละครเรื่อง ศิลามณี ที่เล่นคู่กับ แอน สิเรียม ซึ่งตอนนั้นเป็นละครที่ดังมาก และหลังจากที่เล่นละครเรื่องนั้นจบ ก็มีคนติดต่อมาให้ผมรับบทเป็นตัวร้าย และพอผมเล่นเป็นตัวร้ายเรื่องนั้น ผมก็ได้รับรางวัล โทรทัศน์ทองคำ ซึ่งพอเราเล่นเรื่องนี้ มันทำให้รู้เลยว่า อาชีพการแสดงเราต้องทำการบ้าน"
หันไปเอาดีเป็นอาจารย์
"ตอนนี้ก็เป็นอาจารย์สอนวิชาสถิติเพื่อการวิจัย และ การจัดการกีฬา ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ-ธนบุรี ได้นาน 4 ปีแล้ว ถามว่าทำไมถึงผันตัวเป็นอาจารย์หรอ คือก่อนหน้านี้ผมก็เคยสอนมาก่อนเรื่อง เทควันโด และพอเราได้สอนเด็ก เรามีความรักที่จะให้ พอหลังจากนั้นเราได้เข้าไปปฏิบัติธรรม และเราได้เป็นคนบรรยายเกี่ยวกับหลักธรรมอีก ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีความรักในการที่จะบอกกล่าวคนอื่นๆ ครับ"
เปิดชีวิตสมถะของ “โดโด้ ยุทธพิชัย” อดีตดาวร้ายหน้าหล่อ
"ผมเป็นมานานแล้วนะชีวิตแบบนี้ ตั้งแต่ผมเป็นพระเอกแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครสังเกตุ แต่พอมีโอกาสใช้ชีวิตสมถะจริงๆ ผมก็อยากใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมด้วย"
"ถามว่าพอใจมั้ยกับชีวิตการเป็น โดโด้ ยุทธพิชัย พอใจครับ ถามว่าต้องการอะไรอีกมั้ย จริงๆ ผมอยากปฏิบัติธรรมตอนนี้ให้ได้มากที่สุด เราศึกษามาเยอะจนรู้หนทาง แต่เหลือแค่ว่าเราจะไปลงสนามกับการปฏิบัติจริงๆ เนื่องจากว่าตอนนี้เรามีครอบครัวใหม่ เราก็ต้องดูแลให้เต็มที่ก่อน กำลังวางแผนชีวิตว่าต้องทำอย่างไร แล้วเหลือเวลาแค่ไหน"
เพราะเจอมรสุมชีวิตที่เลวร้ายในชีวิต จนต้องหันพึ่งธรรมะ
"จะบอกว่าผมอยู่ในธรรมะมาก่อนที่จะเกิดมรสุม และพอเกิดมรสุมเหมือนเรามีการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว คือเรามีทางไป ไม่ใช่พอเกิดมรสุมแล้วหาทางไม่เจอ และพอเราเกิดมรสุมชีวิตขึ้นมาเราก็หันหน้าไปทางธรรมอย่างเต็มตัว และเราก็ได้ไปเจออาจารย์ และศึกษาธรรมะเพิ่มขึ้น จนรู้ว่าหนึ่งชีวิตที่เกิดมา เราต้องการอะไร และต้องทำอะไร"
"อย่างปีที่แล้ว ผมเพิ่งบวชไป 3 เดือน ซึ่งคนก็ถามว่าบวชทำไม ซึ่งพอดีผมไปเจอหนทางในการปฏิบัติธรรมอีกแบบหนึ่ง ผมอยากทดลอง อยากศึกษา ผมขึ้นไปอยู่บนยอดเขาคนเดียวประมานสิบวัน ถามว่าอนาคตจะบวชอีกมั้ย ผมตอบเลยว่าอันนี้ผมไม่รู้ ผมแค่คิดว่าเวลาที่เหลืออยู่ผมอยากปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องธรรมะอย่างเต็มแค่นั้น"