“อุ๋ย บุดดาเบลส” ย้ำโพสต์ถึง “ครูอ้อย” โคตรเป็นธรรม ยันไม่ใช่ลูกศิษย์ ไม่เก็ตในสิ่งที่สอน ขอให้ลบคลิป เพราะถูกพวกงี่เง่าแคปภาพไปล้อเลียน ไม่อยากถูกโจมตี และไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ลั่นไม่คิดจะกลับไปอีก เพราะทุกวันนี้คลายทุกข์ด้วยการใช้ธรรมะเยียวยาใจ ออกตัวไม่ก้าวก่ายคนเสียเงินซื้อคอร์สเป็นหมื่น บอกก็เหมือนการบริการ เหมือนดูหนังฟังเพลงนั่นแหละ ขำๆ ไม่ใช่ ตร.พระ ต้องออกมาจัดการตลอดเวลา
“อุ๋ย บุดดาเบลส” ออกตัวโพสต์ฉะ “ครูอ้อย” ด้วยใจที่โคตรเป็นธรรม ยันไม่ใช่ ตร.พระ!
เรียกว่าเป็นคนแรกๆ เลยก็ว่าได้ ที่ออกมาโพสต์อธิบายว่าไม่ได้เข้าคอร์สเข็มทิศชีวิตกับ “ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง” แต่อีกฝ่ายอยากให้ไปลองเข้าคอร์สและแต่งเพลงให้ ซึ่งปรากฏว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เลยไม่ขอรับทำเพลง และไม่เคยเจอกันอีกเลย จนกระทั่งมีภาพปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอโปรโมตคอร์ส ซึ่ง “อุ๋ย บุดดาเบลส” นที เอกวิจิตร ก็ออกมาเผยระหว่างมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวรายการใหม่ ออกอากาศทางช่อง ONE31 “คุยเช้าโชว์” ยันไม่ได้เป็นลูกศิษย์ ไม่คิดกลับไปอีก เพราะความเข้าใจไม่ตรงกัน
“เคยติดต่อมาเมื่อ 4 - 5 ปีแล้ว ติดต่อมาให้ทำเพลงคอร์สของเขา ก็ไปลองไปเรียนดู คลาสหนึ่ง 7 วัน แต่ผมว่างไปเรียนแค่ 4 วัน ก็ไม่เห็นด้วยบางอย่าง ก็ถกเถียงกับครูอ้อยในคลาส ทดลองถามเขาดู คำตอบก็ไม่ค่อยเข้าใจ เข้าใจสิ่งที่เขาสอนไม่กระจ่าง มีติดขัดบางข้อ พอจบคอร์สผมก็ไม่รับทำเพลง จำได้ว่าผมขอจ่ายสตางค์ได้มั้ย จะไม่ได้ติดค้างอะไรกัน ครูอ้อยบอกว่าไม่เป็นไร เขาไม่รับ ไม่ต้องจ่ายสตางค์ เหมือนกับว่าเขาให้เรามาทดลองเรียนเพื่อทำเพลง แล้วดูว่าจะเขียนเพลงยังไง แต่ในเมื่อเราไม่เข้าใจก็ไม่ต้องจ่ายสตางค์ ก็ขอบคุณแล้วแยกย้าย แล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย”
“ก็ผ่านไป 4 - 5 ปี จนเห็นคลิปวิดีโอในเฟซบุ๊ก แล้วมีพวกอกหักจากวัดแถวปทุมธานีออกมาเหน็บแนมว่าวัดเขาแล้วทำไมทีงี้ไปอยู่ลัทธิ ผมก็บอกว่า เฮ้ย ใจเย็นก่อน (หัวเราะ) ฟังผมอธิบายก่อน ผมไม่ได้เป็นสาวกใคร ทางครูอ้อยก็ออกมายืนยันว่าผมไม่ได้เป็นลูกศิษย์เขา ตอนผมไปสมัยก่อนไม่ได้เห็นว่าเกี่ยวกับศาสนานะครับ เขาก็เป็นคอร์สเกี่ยวกับคนอกหัก ท้อแท้ กำลังใจ เขาใช้จิตวิทยามากระตุ้นให้รักตัวเองเยอะๆ เป็นการปลอบตัวเอง เรื่องที่ไปปฏิบัติธรรม ผมก็ถามคนไปคลาสว่ามากี่ครั้ง ออกไปแล้วเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย เขาบอกว่าดีขึ้น ครูอ้อยชวนไปปฏิบัติธรรมทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน บางคนไปครั้งแรกเหมือนผม บางคนเขาก็ไม่ค่อยเก็ตเหมือนกัน ส่วนตัวผมก็ไม่เก็ต ออกมาไม่คิดจะกลับไปอีก ผมก็มีวิธีการเยียวยาของผม เข้าวัดบ้าง หรือใช้วิธีอ่านหนังสือธรรมะนั้นคือเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกว่าอยากที่จะกลับเข้าไปอีก”
ขอให้ลบคลิปเพื่อปกป้องตัวเอง บอกถูกพวกงี่เง่าแคปภาพไปล้อเลียน ไม่ชอบให้ใครเอาไปโจมตี
“แล้วที่ผมติดต่อครูอ้อยไป เพราะพอเห็นคลิปเดี๋ยวคนจะเข้าใจผิด เพราะเป็นคลิปตัดเป็นเงินทองไหลมาเทมา กลัวคนจะเข้าใจผิด ผมไม่รู้ว่าทุกวันนี้เขาสอนยังไง หลักสูตรทุกวันนี้จะเป็นเหมือน 4 - 5 ปีหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ใช่แล้วผมไปอยู่ในคลิปเดี๋ยวจะโดนกล่าวหาได้ว่าทีแบบนี้ไม่เห็นออกมาว่าอะไรเลย ผมก็ต้องปกป้องตัวเอง ผมก็บอกทีมงานว่าให้เอาคลิปผมออกไปด้วยครับ เขาก็ถามเหตุผลว่าเพราะอะไร ผมก็บอกว่ามีคนเอาไปโจมตี ซึ่งผมไม่ชอบ และผมไม่ใช่ลูกศิษย์ครูอ้อย และไม่รู้ว่าทุกวันนี้สอนอะไร แล้วเขาก็เอาออกให้เลย ทางทีมงานว่าเขามีปัญหากับลูกศิษย์เก่ามีใครโทร.มาคุยอะไรกับเรามั้ย คิดว่าผมจะโดนคนที่เขามีคดีความหว่านล้อมไปอยู่ข้างเขา ผมก็บอกว่าให้ใจเย็นก่อน เรื่องผมเป็นเรื่องส่วนตัวผมคนเดียว ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ผมให้เอาออกเพราะผมโดนพวกงี่เง่าไปโจมตี แคปเจอร์ภาพไปล้อเลียน คุณจะทะเลาะกับใครก็เรื่องพวกคุณ ผมไม่ยุ่ง”
“ผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับเขา ถ้าทะเลาะคงทะเลาะไปตั้งแต่ 4 - 5 ปีที่แล้ว แล้วผมไม่รู้ทุกวันนี้สอนอะไร หนึ่งคือผิดทางวินัยหรือเปล่า ก็เอาผิดเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นฆราวาส ผิดกฎหมายหรือเปล่าก็เป็นเรื่องกฎหมาย จะเลี่ยงภาษาปั่นหุ้นที่เป็นข่าวทุกวันนี้ ก็ให้กฎหมายจัดการ กฎหมายเขาก็ดำเนินการกันอยู่ ส่วนเรื่องเอาศาสนามาหากิน สมควรหรือเปล่า ทำไมไม่ออกมาว่าเลย สำหรับผมศาสนาพุทธเป็นคำสอนที่เป็นสากล หนังสือธรรมะยังเอามาพิมพ์ขายหากินเลย อย่างนั้นเรียกว่าเอาศาสนามาหากินหรือเปล่าล่ะ มันเป็นเรื่องความเหมาะสมมากกว่า”
ขำๆ ไม่ใช่ตำรวจพระต้องออกมาจัดการตลอดเวลา
“ผมไม่ใช่ตำรวจพระต้องมาจัดการตลอดเวลา (หัวเราะ) เห็นเป็นประเด็นใหญ่จริงๆ เหมือนตอนธรรมกายที่ออกมาพูด เพราะผิดกฎหมายจริง ทางรัฐใช้กำลังทหารตำรวจเยอะแยะยังจับไม่ได้ มหาเถรสมาคมมีอยู่ สำนักพุทธมีอยู่ ทำงานสิครับ เขาก็ทำงานกันอยู่ ผมไม่ได้อวดดี ไม่ใช่ว่าเรื่องศาสนาพุทธแล้วออกมาพูดตลอด สื่อเขามาถามกันเอง ไม่ใช่ว่าศาสนาพุทธแล้วต้องออกมาพูดตลอด ไม่ได้วิ่งออกตัว”
ย้ำชัด โพสต์เฟซด้วยความรู้สึกโคตรเป็นธรรม
“ไม่โดนโจมตีอะไรจากฝั่งครูอ้อย ผมออกมาพูดด้วยความโคตรเป็นธรรมในเฟซบุ๊ก ไปดูได้เลย ผมไม่ได้รู้รายละเอียดว่าทุกวันนี้เขาสอนอะไร ผมก็ไม่ได้โจมตี ผมแค่เรียนรู้และไม่คิดกลับไปอีกเพราะไม่ใช่แนวทางของผมแค่นั้นเอง ผมไม่ได้ถามว่าแนวคิดไม่ตรงกันยังไงบ้าง แต่ได้คุยกับคนอื่น อย่างที่เขาออกมาบางคนไม่สบายใจที่ถูกใช้ภาพ วันนั้นเขาไปเขาเห็นด้วย แต่วันนี้เขาไม่เห็นด้วย มันเป็นความคิดเขาผมก็ไม่รู้ แต่ส่วนตัวผมก็อย่างที่เล่าไป”
ถึงจะใช้ธรรมะคลายทุกข์ แต่ไม่ก้าวก่ายคนเสียเงินเป็นหมื่นซื้อคอร์ส บอกก็เหมือนการบริการอย่างหนึ่ง
“ส่วนตัวผมเวลามีความทุกข์ ผมมีวิธีคลายทุกข์โดยใช้ธรรมะ ไม่ต้องเสียเงินเข้าคอร์สเป็นหมื่นแต่สำหรับคนทีเขาอยากเสียเงิน มันก็เหมือนเป็นการบริการอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเหมือนไปดูหนัง ฟังเพลง สารพัด เป็นบริการอย่างหนึ่ง เหมือนธรรมกายผมไม่เคยโจมตีคนที่ไปวัดเลยครับ ก็เฉพาะคนทำผิดกฎหมาย เจ้าอาวาสที่หนีไป ส่วนเรื่องคนศรัทธา ความศรัทธาผมไม่เคยไปยุ่ง ไม่เคยไปก้าวก่าย คนเสียเงินเข้าคอร์สก็เป็นเรื่องของเขา ผมก็ไม่เคยไปว่าอะไร”