xs
xsm
sm
md
lg

“วู้ดดี้” หน้าร้าว อสมท. สั่งยุบ “ตื่นมาคุย” ประกาศ 1 ก.ค. ล้างบางรายการไร้รสนิยม ปรับโฉมครั้งใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ยกเครื่อง อสมท. ครั้งใหญ่ ล้างรายการไร้รสนิยม ปรับโฉมรายการข่าว ต้องรู้ลึกและรู้ก่อนใคร เปิดใจขอยกเลิก “ตื่นมาคุย” เอง อ้างคอนเซ็ปต์เพี้ยน แต่ “วู้ดดี้” จะกลับมาพร้อมโปรเจกต์ใหญ่ รับรองทุกคนต้องว้าว บอกหมดยุคสังคมอุดมปัญญา จะเปลี่ยนสลัมให้เป็นคอนโด เผยเปิดคลื่นใหม่ Mellow แทนซี้ด ให้เวลาเคลียร์หนี้กว่า 10 ล้าน คาด 1 ปีฟันกำไร

หลังจากที่ติดสินใจยุบคลื่นซี้ด 97.5 ปิดตำนาน 11 ปีคลื่นวิทยุที่เคยครองใจวัยรุ่นไทย ล่าสุด “ใหญ่ เขมทัตต์ พลเดช” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวคลื่นวิทยุ Mellow 97.5 FM ณ Show DC มาแทนที่คลื่นเก่า เอาใจกลุ่มคนฟังในวัยทำงาน มั่นใจ 1 ปีฟันกำไรอย่างแน่นอน

“เมลโล่เราได้วางแผนกันมาร่วม 5 เดือนแล้ว หลังจากที่มีปัญหาจากซี้ด เรามองว่าในเรื่องของการบริหารงานของซี้ดแล้ว ผมคิดว่าในตัวของพฤติกรรมผู้ฟัง มันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เดิมตอน 10 ปีที่แล้วที่เปิดซี้ดเป็นกลุ่มวัยรุ่นสมัยใหม่ ตอนนี้เทคโนโลยีเข้ามา กลุ่มวัยรุ่นเปลี่ยนเป็นให้ความสนใจในตัวดิจิตอลแทน แต่เราสำรวจข้อมูลมากลุ่มคนฟังที่เป็นคนทำงานยังฟังอยู่ ถึงแม้ในกลุ่มอีซี่ลิสซึ่นนิ่งจะมีหลายคลื่นก็ตาม แต่คลื่นที่เรามีและได้รับการคุ้มครองจาก กสทช 5 ปี น่าจะทำการตลาดได้ เลยเลือกเป็นอีซี่ขึ้นมา ซึ่งมีความกลมกล่อมมากขึ้น ตัวดีเจ.ก็เป็นส่วนผสมของดีเจ.ที่อยู่กับ อสมท มาแล้ว และเป็นดีเจรุ่นใหม่ ดีเจผู้หญิงที่เติมมาจะเป็นคนที่มีองค์ความรู้ ซึ่งเหมาะกับทาเก็ตของคนทำงานรุ่นใหม่ เราต้องยอมรับว่าตลาดวัยรุ่นมันสวิงมาก รายการที่เป็นวัยรุ่นจะเปลี่ยนผ่านเร็ว แล้วอะไรที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยจะนิ่ง”

“จริงๆ ตอนแรกก็คิดหลายสูตรนะ แต่การรีแบรนด์กลุ่มเป้าหมายมันไปไม่ไหว ซึ่งก่อนที่ผมจะมาก็มีการคิดไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วคือคำว่าซี้ด พอแบรนด์ติดว่าเป็นเรื่องของวัยรุ่นจะขยับขยายฐานลำบาก แต่การที่เราทำใหม่เป็นขึ้นมา เราจะทำอะไรก็ได้การที่เราวางโปรดักส์ที่มีทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า คำว่ารุ่นใหม่ของเราไม่ได้หมายถึงแค่วัยรุ่น แต่รุ่นใหม่ของเราหมายถึงคนที่ร่วมสมัย คนรุ่นเก่าๆ ของเราคือคนที่มีประสบการณ์ เราอยากได้ฐานะที่เยอะมาก นอกจากวิทยุตรงนี้แล้ว เรายังขึ้นตัวแอปพลิเคชั่น และเว็บไซต์ด้วย”

รับเพิ่มดีเจ ดึงกลุ่มแฟนคลับ ทำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ปกติเวลาทำคลื่นใหม่ ก็ต้องมีการล้างคลื่นทุกที แต่ผมก็เร่งว่าถ้าเกิดล้างคลื่นแบบที่ทำนั้น คนจะจดจำไม่ได้ เลยมีการเริ่มใส่ดีเจเข้าไปได้ประมาณเดือนกว่าแล้ว ก็ทำให้มีแฟนคลับเข้ามาและมีชีวิต เพราะถ้าแค่ฟังเพลงไปเรื่อยๆ มันไม่มีชีวิต วิทยุมันต้องมีดีเจจัดถึงจะมีชีวิต การที่เราทำเมลโล่ขึ้นมาเพื่อรวมทุกอย่าง”

คาดใช้เวลา 1 ปีถึงจะได้กำไร
“ก็มองไว้ว่าอาจจะต้องใช้เวลา 6 เดือนหรือหนึ่งปี ดูจากเสียงตอบรับนะ แต่เราขอให้มีเรตติ้งขึ้นกว่านี้หน่อย ตอนนี้เราขึ้นอันดับ 3 ของคลื่แนวอีซี่ลิสซึ่นนิ่งแล้ว ก็ต้องไปแข่งกับเจ้าตลาดเดิม อย่างกรีนเวฟ, คลู จริงๆ ในแนวอีซี่ลิสซึ่นนิ่งในตลาดมีประมาณ 8-10 คลื่น ซึ่งเยอะมาก แต่ถามว่าถ้าเราอยากที่จะยิ่งใหญ่ เราก็ต้องไปอยู่ที่ๆ มันยิ่งใหญ่ด้วย จริงๆ เรื่องของอันดับมันสวิงแต่ละเดือนไม่เท่ากัน แต่ที่ผ่านมาเราไม่มีดีเจนี่เราเพิ่งเปิดตัววันแรก”

หวังว่าจะขึ้นอันดับหนึ่ง ลั่นคลื่นวิทยุยังทรงตัว ยังไปได้
“ตอนนี้ทุกเซกเม้นต์เราขึ้นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ก็หวังว่าทางเมลโล่น่าจะขึ้นได้ แต่ว่าก็ต้องดูทิศทางของเศรษฐกิจ การจัดรายการของดีเจ การไปหารูปแบบใหม่ๆ เราก็ตั้งเป้าไว้ว่าประมาณปีถึงปีครึ่ง จริงๆ ตลาดตอนนี้ก็ซบเซามา 2-3 ปีแล้ว แต่ถ้าสังเกตมีเดียทางทีวีซบเซากว่า การแข่งขันสูงกว่า ก็ยังคงมาตรฐานเท่าเดิม ไม่ได้ต่ำลง อยู่ได้ ต่างจากสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ การทรงตัวแสดงว่ามันยังไปได้ เรายังรักษาไว้ได้ อย่างนี้เราก็ไม่ได้ต้นทุนมาก”

ยันหนี้ซี้ดไม่ถึง 100 ล้าน กำลังทยอยเคลียร์
“ยังๆ กำลังเคลียร์เรื่องหนี้สิน กำหนดระยะไว้ว่าถ้าตกลงกันได้เรื่องจำนวนหนี้สิน เรื่องกฎหมาย ก็น่าจะไม่นานประมาณไม่เกินปี ยอดขายซี้ดสมัยก่อนปีหนึ่งประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี อย่างกรณีของซี้ดด้วยความที่เขาเป็นบริษัทที่เข้ามาทำธุรกิจกับทางอสมท บางส่วนของเงินที่จะต้องส่งให้ทางอสมท ไม่ได้ส่ง เราก็ต้องทวงหนี้เป็นไปตามปกติ ถามว่ายอดเงินเท่าไหร่ก็เยอะอยู่ ตอนนี้ก็ต้องมีการคำนวณกัน เพราะต้องมีดอกเบี้ยด้วย แต่ไม่ถึง 100 ล้าน แต่อยู่ในหลักสิบล้าน เราเลยต้องเร่งเปิดเมลโลเพื่อมาทดแทน เพราะว่าเราทิ้งโปรดักส์ตัวหนึ่งไป 6-7 เดือน ซึ่งทำให้ไม่มีรายได้ ทั้งที่มันต้องมีรายได้”

ยุบ “ตื่นมาคุย” ไม่กระทบช่อง บอกคอนเซ็ปต์เพี้ยน เตรียมล้างรายการใหม่ทั้งหมดให้มีรสนิยม
“ไม่นะ เพราะว่าถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเป็นคนเอาวู้ดดี้ (วุฒิธร มิลินทจินดา) เข้ามาในวงการ เขามาบอกว่าเขาจะทำรายการ ผมก็ถามว่าจะทำรายการเกี่ยวกับอะไร เขาก็บอกว่าเขาจะทำรายการทอล์ก ทอล์กแบบดรามาซึ่งไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ผมก็บอกว่าคอนเซ็ปต์น่าสนใจ ก็บอกเขาไปว่าวันๆ ยูทำอะไรมากมาย เพราะตั้งแต่เกิดมาก็คุยแล้ว เขาก็เลยว่าบอกว่าเอาชื่อนี้เลยนะ และเขาเองก็มีครีเอทีฟสูงมาก แต่พอมันอยู่ได้สักพักหนึ่ง สังเกตได้เลยว่ากราฟรายการมันเริ่มอยู่ตัว ซึ่งมันจะแตกต่างจากเมืองนอกที่เขาจะอยู่ได้นานกว่า"
 
"และพอเกิดมาคุยยุบไป ก็มาเป็นตื่นมาคุย ซึ่งตื่นมาคุยช่วงหลังๆ เขาไม่ได้ทำเอง และคอนเซ็ปต์มันก็เลยเพี้ยนไป พอเราเข้ามาบริหารเราก็บอกว่าผังรายการมันต้องมีรสนิยม บวกกับช่วงนี้มันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ถ้าใช้ภาษาหยาบๆ คือเปลี่ยนผังรายการจากตึกแถวหรือสลัมให้เป็นคอนโดซะหน่อย เดิมเรามีอยู่แล้ว แต่ถ้าย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้ผลิตรายใหญ่เขาทำให้เราหายใจได้ แต่พอเกิดทีวีดิจิตอล เขาก็ออกไปทำช่องเอง เราก็เลยมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะไม่ได้แพลนอะไรล่วงหน้าเอาไว้ แต่คราวนี้ก็พยายามฟื้นฟูให้มันกลับมา 1 ก.ค.ก็จะเห็นสเต็ปแรกของการปรับผังรายการ และจะเรียกว่าสังคมอุดมปัญญาอีกมันก็ไม่ใช่ เพราะมันจะมีบันเทิงด้วย คนรุ่นใหม่เขาจะชอบบันเทิง ชอบดรามา พูดง่ายๆ รายการย่อยๆ ที่เช่าเวลาคือเราเคลียร์ทิ้งให้หมด เรายอมเสียรายได้จากการที่ให้คนอื่นเช่าเวลาไป แต่ด้วยภาพลักษณ์ระยะยาวมันน่าจะกลับมา”

ฟุ้งวู้ดดี้จะกลับมาพร้อมรายการใหม่ รับรองต้องว้าว
“เราจะรีโนเวทใหม่ให้เป็นสังคมวาไรตี้ ผมเป็นคนบอกเองว่าผมขอยกเลิกรายการตื่นมาคุยเอง ซึ่งบอกไปก่อนหน้านี้ 2 เดือนแล้ว ไม่ใช่เขาจะขอยกเลิกเอง แต่ตอนนี้เขาก็กำลังจะกลับมาพร้อมโปรเจกต์ใหม่ จะเป็นบิ๊กโชว์และว้าวหน่อยๆ เราให้โจทย์เขาไปแล้ว ถ้าจะกลับมาก็ต้องทำตามโจทย์เรา เคยคุยกับวู้ดดี้เมื่อหลายปีที่แล้วว่าเรามาช่วยกันฟื้นฟู อสมท. ได้ไหม แต่จะเป็นรูปแบบรายการแบบไหนอยู่ที่ตัวเรานะ”

บอกไม่ได้เงินจากรัฐเหมือนก่อน ต้องหาเงินเอง ปรับโฉมรายการข่าว รู้ก่อนใครและลึกกว่าใคร
“เราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราไม่ใช่ว่าได้เงินจากรัฐเหมือนทีวีสมัยก่อนนะ เราหาเองทั้งหมดเลย และตอนนี้มีผู้จัดใหม่ๆ เข้ามา ส่วนเรื่องละครปีหน้าก็จะมีเข้ามา ในส่วนของปีนี้คือลดการขาดทุนก่อน แต่ว่าเราจะใช้วิธีการซื้อหนัง ซื้อซีรีส์เข้ามา เราเรียกยุคนี้ว่าเป็น wisdom tv คือทีวีที่ดูแล้วฉลาดขึ้น สนุกขึ้น เราจะเห็นเลยว่าเราจะปรับโฉมข่าวก่อน จะใช้คอนเซ็ปต์ว่า you know first but it's true รู้ก่อนใครและลึกกว่าใคร คือเดิมเราจะมีข่าวแค่มิติเดียว แต่ตอนนี้ 10 รายการข่าวมันต้องมีมิติมากขึ้น”

“ในเรื่องของหนี้ของวู้ดดี้นั้น ตอนนี้ได้เคลียร์กันหมดแล้ว และมาเริ่มกันใหม่ สตาร์ทใหม่หมดเลย และส่วนที่เราไม่มีดาราเป็นของตัวเองมันก็ลำบาก แต่ในระยะหลังๆ ผู้จัด ดาราเป็นอิสระมากขึ้นเหมือนเมืองนอกพอเป็นอิสระ งานก็จะเยอะมากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องดูว่าเราจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับช่องได้ยังไง แต่ก็มีทั้งผู้จัดทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า โดยในวันที่ 1 ก.ค.นี่คือการเริ่มต้นเรียกว่าแค่แต่งหน้าทาปากนิดหน่อย แต่ยังไม่ถึงขั้นศัลยกรรมใหญ่”




กำลังโหลดความคิดเห็น