xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าเข็มทิศ “ครูอ้อย” เปิดผลประโยชน์ร่วม “กาละแมร์-ตุ๊ยตุ่ย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องตลอด 1 สัปดาห์เต็มๆ
จนอาจจะติดอันดับสุดยอดมหากาพย์ดรามาแห่งปี กับเรื่องราวของ “ครูอ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง” ที่ยังคงมีแง่มุมให้ขุดคุ้ยออกมาได้ไม่หยุดหย่อน

เรื่องราวทั้งลับ และไม่ลับ ปรากฏอยู่ในทุกสื่อ ทุกสำนัก และพัวพันเชื่อมโยงกับทุกวงการ ทั้งบันเทิง ธุรกิจ สังคม ศาสนา ตำรวจ แม้กระทั่งการเมือง
**********
หมื่นล้านบาท คือตัวเลขประมาณการในสินทรัพย์ทั้งหมดของครูอ้อย

ห้าร้อยล้านบาท คือราคาคอนโดเพนเฮ้าส์ รวมตกแต่ง ใช้เป็นทั้งที่พำนัก และสถานภาวนา ที่สำนักข่าวลงบรรยายว่างดงามราวสวรรค์ ซี่งล้วนเสกสรรขึ้นจากความงมงายของผู้คน

ภาพที่ครูอ้อยหลั่งน้ำตาแถลงข่าวไหว้วอนขอความเห็นใจกรณีถูกขู่กรรโชกทรัพย์ ที่ถูกมองว่าจัดฉาก เขียนสคริปท์มาล่วงหน้านั้น อีกด้านหนึ่งก็มีคนให้เบาะแสมาว่า เว็บไซต์ดังกล่าวมีตัวตนจริง และที่ออกมาเรียกร้องเงินนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่าการ “เอาคืน” เพราะความแค้นเคืองที่ต้อง “สูญ” เงินไปกับครูอ้อยร่วมสิบล้านบาท

จริง-เท็จประการใด อาจจะต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่หลายคนที่ติดตามอ่านข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง ก็พร้อมใจกันฟันธงแล้วว่า ณ ปัจจุบัน ครูอ้อยกำลังโดน “กฎแห่งกรรม” ตามเล่นงาน และที่เล่นบทโศกาอาดูรต่อหน้ากองทัพนักข่าว อาจจะไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งเศร้า แต่อาจเกิดจากจิตใต้สำนึก ที่กลัวว่าปมชีวิตในอดีต ที่เกิดและเติบโตในครอบครัวของมิจฉาทิฐิ และไม่ได้มีความกตัญญูต่อบุพพการีอย่างสูงส่งตามที่สร้างภาพจะถูกขุดคุ้ย โดยคนที่รู้เรื่องดี ซึ่งย่อมจะส่งผลในทางลบต่อภาพสมมติที่ตกแต่งขึ้นเพื่อลวงตาประชาชน

ที่สำคัญ..... ถึงวันนี้หลายคนก็ยังคงคาใจกับเนื้อหาในคอร์สอบรม ที่ฟังดูทะแม่งๆ ไม่คุ้มกับเงินที่ต้องเสียไป เพราะหลักใหญ่ใจความ มองยังไงกับค้านกับหลักคำสอนในพุทธศาสนา ที่สอนให้คนลด ละ กิเลส สอนให้รู้ว่าความสุขที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สิน เงินทอง แต่อยู่ที่การรู้จักปล่อยวาง และไม่ยึดติดกับลาภ ยศ สรรเสริญ แต่ครูอ้อยสอนให้คนลุ่มหลงในเรื่องของวัตถุนิยม สอนว่าสมการของความสุข ขึ้นอยู่กับตัวเลขของเงินในธนาคารและอำนาจในมือ

หลายคนรับไม่ได้ กับภาพครูอ้อยที่นุ่งขาว ห่มขาว นั่งอยู่บนตั่งสูงต่างระดับ และหันหน้าเข้าหาบรรดาลูกศิษย์ ที่ปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ เพราะมองเสมือนหนึ่งว่า เป็นการพยายามทำตัวให้อยู่สูงส่งเหนือกว่าปุถุชนคนธรรมดา เป็นการอวดอวดอุตริมนุสธรรม ผิดวิสัยของการร่วมกันปฏิบัติธรรมโดยทั่วไป ที่ทุกคนจะต้องนั่งอยู่ในระดับเดียวกัน และหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

ตลอด 1 สัปดาห์เต็มๆ ที่เรื่องของครูอ้อยถูกขุดคุ้ย โดยเฉพาะในเรื่องของความ “จอมปลอม” เพราะทุกอย่างที่หล่อหลอมขึ้นมา เพื่อลวงหลอกให้คนเลื่อมใส ศรัทธา และเชื่อถือนั้น ล้วนแล้วแต่ “ลอก” มาจากที่อื่นทั้งสิ้น

ชื่อหนังสือ “เข็มทิศชีวิต” ก็ “ขโมย” มาจากหนังสือชื่อเดียวกันของ “ซินแสโจ้ - คมสัน พันธุ์วิชาติกุล” นักโหราศาสตร์จีนชื่อดัง ที่เขียนร่วมกับพ่อ “ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล” ซินแสฮวงจุ้ยโหงวเฮ้ง ตั้งแต่เมื่อปี 2545 จนต้นตำรับตัวจริงต้องเปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น “ไขรหัสชีวิต” แทนตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นจากข้อความที่โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กของซินแสโจ้เอง ที่รอคอยให้กรรมพิพากษาตัวมันเองนานเกือบ 10 ปี

ขณะที่เนื้อหาในหนังสือ ก็ถูกพบว่ามีเนื้อหาในหลายๆ ส่วนคล้ายคลึงกับหนังสือ “7 Habits of highly effective people” หรือชื่อไทยว่า “7 อุปนิสัยพัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง” ของ “สตีเฟน อาร์. โคว์วีย์” ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2532 หรือก่อนหนังสือ “เข็มทิศชีวิต” ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2547 ถึง 15 ปี
โดยมีการตั้งข้อสังเกต และเปรียบเทียบความเหมือนของหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ ที่ “ตรงกัน” จนไม่อาจจะเชื่อว่าเป็นความบังเอิญ โดยเฉพาะเนื้อหาในเข็มทิศชีวิต เล่ม 1 บท 6 ที่ว่าด้วย “แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อน” เป็นตาราง 4 ช่อง

1. สำคัญ ไม่ด่วน 2. สำคัญ ด่วน 3. ไม่สำคัญ ด่วน 4. ไม่สำคัญ ไม่ด่วน
.
ซึ่งตรงกับเนื้อหาเรื่อง “Time Management Matrix” ที่ปรากฏในหนังสือ “7 Habits of highly effective people”
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยไม่มีการกล่าวอ้างอิงถึงที่มาของเนื้อหาดังกล่าวแต่อย่างใด

ส่วนหลักสูตรในคอร์สอบรม ที่ถูกเพ่งเล็งว่าตั้งราคาไว้สูงเกินกว่าเหตุนั้น ว่าด้วยเรื่องของเทคนิคการจัดพฤติกรรมของสมองและจิตใต้สำนึก (Neuro) โดยใช้ชุดภาษาพูดและทางกาย ( Linguistic) เพื่อช่วยให้บุคคลแปลความสิ่งที่มากระทบใหม่ แล้วตอบสนองเป็นพฤติกรรมใหม่ที่ดีเป็นประโยชน์กับชีวิต (Programming) หรือเรียกสั้นๆ ว่า NLP ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันแพร่หลายในหมู่นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตบำบัด จิตแพทย์ นักพัฒนาศักยภาพ นักเจรจาต่อรอง นักการตลาด นักขาย และนักพูดโน้มน้าวใจ ก็เป็นเนื้อหาหลักสูตรที่คิดค้นโดย “ศาสตราจารย์ ริชาร์ด แบนด์เลอร์” และผู้ช่วย “ดร. จอห์น กรินเดอร์” แห่งมหาวิทยาลัยซันตาครูซ ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และโด่งดังเป็นพลุแตกในสหรัฐอเมริกา ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ผ่านนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจระดับโลกหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “แอนโทนี่ รอบบินส์” หรือ “พอล แมคเคนน่า” ที่ล้วนแล้วแต่ใช้เทคนิค NLP สร้างปรากฏการณ์สะกดผู้ร่วมสัมมนามาแล้ว

ที่ประเทศไทย NLP ถูกนำมาใช้ในแวดวงการบริหารจัดการองค์กร และบุคลากรในไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการศึกษา การดูแลสุขภาพ การกีฬา รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง พนักงานกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อผลประโยชน์ในการโน้มน้าวใจ

ข่าววงในบอกว่าที่ครูอ้อย “แตกคอ” กับ “ครูเงาะ-รสสุคนธ์” ก็เนื่องมาจากขัดใจที่ฝ่ายหลัง มาเก็บเกี่ยววิชาจากใน คอร์สอบรมของเธอ แล้วไปเปิดสถาบันของตัวเอง ในลักษณะเนื้อหาวิชาใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันตรงรายละเอียดปลีกย่อย คือครูอ้อยนำเรื่องของ NLP มาผนวกกับเรื่องของศาสนา ขณะที่ครูเงาะ นำไปผนวกกับเรื่องของการแสดง ซึ่งถ้ามองในเรื่องของคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู ถ้าลูกศิษย์สามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดได้ ควรจะร่วมด้วยช่วยยินดี ไม่ใช่มามองว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ

ยิ่งไปกว่านั้น ว่ากันว่ารูปแบบคอร์ส ที่มีสเต็ป มีลำดับชั้น คือต้องลงคอร์สไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้บุญหมด โดยการใช้สร้อยต่างสีเป็นสัญลักษณ์บ่งบอก Level ของเหล่าบรรดาสาวกนั้น ก็มีลักษณะไม่ต่างจากการใช้เงินต่อบุญของลัทธิธรรมกายนั่นเอง
ในระหว่างที่สารพัดปมปัญหาถูกทยอยขุดคุ้ยออกมาไม่หยุดหย่อน จากหลากหลายช่องทาง จากหลากหลายผู้คนที่ตกเป็นคู่กรณีโดยไม่สมัครใจ ครูอ้อยก็ยังคงทำตัวเป็นปกติ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาโปรโมตคอร์สครั้งต่อไป คือหลักสูตร. “เข็มทิศชีวิต ฤทธิ์แห่งใจ 2 วัน” ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ : 1 กรกฏาคม - 2 กรกฏาคม 2560 ในเวลา 9:00-17:00 น โดยไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด.

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ครูอ้อยก็ยังคงมีศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ 2 สาวกตัวเอ้ “กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ” กับ “ตุ๊ยตุ่ย-พุทธชาด พงษ์สุชาติ”
ความเลื่อมใส ศรัทธา ที่เป็นเส้นบางๆ ระหว่างเรื่องของงมงาย ไม่เพียงจะเห็นได้จากการที่ทั้งคู่ออกตัวมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะกางปีกปกป้อง เป็นองครักษ์พิทักษ์ครูอ้อย แทบจะทันทีที่มีข่าวแพร่สะพัดทางสื่อทั่วไป เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของ “ธุรกิจ” คอร์สอบรมเท่านั้น แต่ยังถึงขนาดมาซื้อคอนโดอยู่ที่เดียวกัน ที่ “สุโขทัย เรสซิเด้นท์” แถวๆ สาทร ด้วยสนนราคา 80 ล้านบาท นัยว่าเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิด และสามารถไปร่วมภาวนาธรรมได้บ่อยๆ เท่าที่ใจปรารถนาอะไรประมาณนั้น

ว่ากันว่ากาละแมร์เพิ่งจะพาตัวเองเข้ามาเป็นหนึ่งในสาวกได้ประมาณ 6 เดือน ก่อนหน้าที่เธอจะย้ายแหล่งพำนักจากย่านพระราม 4 มาซื้อคอนโดแห่งนี้ไม่เท่าไหร่ โดยคอนโดใหม่ที่สวยหรู ดูแพง สมราคานั้น อยู่ทางด้านทิศตะวันตก เป็นห้องแบบ 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ และ ระเบียงกว้างรูปตัวแอลไว้ชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องนอนของเธอ และห้องนอนของคุณแม่ ซึ่งมีห้องน้ำส่วนตัวทั้ง 2 ห้อง โดยรอบๆ พื้นที่ออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม ประดับด้วยของแต่งบ้านที่สะสมมาจากการเดินทางท่องโลกหลายๆ ประเทศ ที่นำมาจัดวางตามมุมต่างๆ ได้อย่างลงตัว

ขณะที่ตุ๊ยตุ่ย หรืออาตุ่ยเอง ก็ดูจะปลื้มปริ่มกับการเข้าร่วมคอร์สอบรมของครูอ้อยเป็นที่สุด นัยว่าทำให้ได้พบกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต แม้กระทั่งลุกส์ใหม่ที่ได้จากการจัดฟัน ก็ยังดึงเรื่องของเข็มทิศชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้อง (จนได้) โดยมีการโพสต์ข้อความผ่านไอจีของตัวเอง ว่า

“ซ้าย วันแรกที่มาเป็นนักเรียนเข็มทิศจิตใต้สำนึกของคุณครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง @ddnard ???? วันแถวๆ นี้หลังจากเป็นนักเรียนเข็มทิศมาหลายปีดีดัก และเสาร์อาทิตย์หน้าและต่อๆไป ก็ยังพาตัวเองไปเข้าห้องเรียนอยู่ ลอกเปลือกความเชื่อที่ผิดออกไป ชำระหัวใจให้มีความสุข กายภาพก็แปรผันไปตามคุณภาพใจ ใครที่ยังพาตัวเองไปไม่ได้ อ่านหนังสือชุดเข็มทิศ ดูคลิปฟรีๆ ใน YouTube, like fb เพจเข็มทิศชีวิต,ตาม ig @ddnard @thailifecompass แล้วทวนไปทีละนิด ทำตามวันละหน่อย วันหนึ่งขอให้เราได้ไปเรียนด้วยกันในคลาสนะคะ ลองทำดูเองก่อน ดูอาจิ เปลี่ยนภพภูมิตั้งแต่ยังไม่ตายจากชีวิตนี้ มองกลับไปแล้วกลัวที่สุด คุณครูบอกว่ารูปกายดูดีขึ้นต้องให้เครดิต @pureplus แต่อาอยากกราบเรียนค่ะว่า คอลลาเจนอาเปลี่ยนแววตาคนไม่ได้ค่ะ ความสุข เต็มอิ่มในตน เราต้องตั้งเข็มทิศให้ตรงในจิตใต้สำนึกของเราค่ะ กราบคุณครูค่ะ”

แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็เป็นไปได้ว่าทั้งคูอ้อย ทั้งกาละแมร์ ทั้งตุ๊ยตุ่ย ต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผลประโยชน์ที่ว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องของเม็ดเงิน แต่อาจจะหมายถึงการเกาะเกี่ยวกระแสของอีกฝ่าย เพื่อยกระดับตัวเองให้เป็น Somebody ในวงสังคม
หรือใครจะเถียงว่า ที่คอร์สของครูอ้อยเป็นที่รู้จักในวงกว้างขนาดนี้ องค์ประกอบสำคัญก็คือการใช้ “ชื่อเสียง” ของเหล่าดารามาเป็นกระบอกเสียง ทำให้คอร์สดูมีมูลค่า ดูสมราคามากขึ้น สังเกตจากภาพบรรยายกาศในคอร์สอบรมในคลิปต่างๆ ที่จะมีการกันที่ให้ดารามานั่งอยู่แถวหน้าเสมอๆ และเหตุที่เรื่องราวมันลุกลามมาถึงตอนนี้ ก็อันเนื่องมาจากการ (พยายาม) ใช้ดารามาเป็นจุดขาย โดยที่บางคนก็ไม่ได้สมยอม

ฝั่งของกาละแมร์ – ตุ๊ยตุ่ย ก็อาศัยคอร์สของครูอ้อย ในการสร้างให้ตัวเองมีเรื่องราว อยู่ในเทรนด์นิยมที่กำลังเป็นกระแส โดยเฉพาะกาละแมร์ ที่พยายามสร้างคอนเทนต์ให้กับตัวเองมาโดยตลอด จากนักเขียนที่โด่งดังจากการเขียนหนังสือโจมตีผู้ชาย ว่า “เลวกว่าหมา” มาเป็นกูรูด้านการทำอาหารคลีน เป็นแรงบันดาลใจของผู้หญิงรักสุขภาพ กระทั่งมาอยู่ในก๊วนเข็มทิศ ซึ่งการมาคบค้าสมาคมกับครูอ้อย ก็อาจจะหวังผล ที่จะได้เข้าไปอยู่ในวงสังคมที่หรูหรา ฟู่ฟ่า ท่ามกลางบรรดาไฮโซ เซเลปทั้งหลาย เป็นช่องทางในการเพิ่มคอนเนกชั่นให้ตัวเอง

ที่หลายคนบอกว่ากาละแมร์ – ตุ๊ยตุ่ย หรือดาราอีกหลายคนๆ คน ที่ติด #ทีมครูอ้อย เป็นพวกโง่งมงาย หลงเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา ลึกลงไปแล้ว อาจจะเป็นในลักษณะรู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก เพราะต่างก็ต้องดิ้นรน และทำเพื่อให้ตัวเองสมประโยชน์ซึ่งกันและกันทั้งสิ้น
**********

ตอนนี้เรื่องของครูอ้อย บานปลายมาถึงการโดน ก.ล.ต. เรียกตรวจสอบเรื่องกับปมซื้อ-ขายหุ้น

ดูเหมือนการตระเวนจัดทริป “เข็มทิศภาวนา” ที่หลายๆ ประเทศ จะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ หรือว่ายังต่อบุญให้ตัวเองไม่มากพอ กรรมถึงตามมาทันแบบนี้

ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 39724 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2560
กำลังโหลดความคิดเห็น