“สเตฟาน ฐสิษฐ์” เปิดใจถึงเหตุผลที่ออกจากวงการบันเทิง เพราะรู้ว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง และรู้สึกเบื่อกับการทำงานในวงการ ไม่อยากให้ใครมาสั่ง บงการชีวิต แถมมักจะถูกคนในสังคมมาตัดสินอยู่ บอกอีกเหตุผลเนื่องมาจากคุณแม่ได้ป่วยหนัก เลยอยากจะออกมาดูแลแม่ และอยู่กับแม่ให้ได้มากที่สุด เพราะตลอดเวลาที่ทำงานในวงการไม่ค่อยจะมีวันหยุด ลั่นกินเหล้าคืนละ 5 หมื่น
อยู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิง สำหรับพระเอกหนุ่ม “สเตฟาน” ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นสเตฟานถือว่าเป็นพระเอกอันดับต้นๆ ของช่อง 7 จนทำเอาเหล่าบรรดาแฟนคลับถามหากันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่รับเล่นละครแล้ว ซึ่งล่าสุด “สเตฟาน” ก็ได้ออกมาเปิดเผยหมดเปลือกว่า ถึงสาเหตุที่ลาออกจากวงการเพราะเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่อยากให้ใครมาสั่งหรือบงการชีวิต และต้องไปดูแลแม่ที่ป่วยด้วย
“เข้าวงการได้เพราะมีคนชวนไปถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบเดินแบบ ตอนนั้นเพิ่งจะเรียนจบกลับมาก็อยากทำงาน ถ่ายโฆษณาไม่นานก็ได้เงินเป็นแสนแล้ว ซึ่งมันคุ้ม และพอทำไปเรื่อยๆ ก็มีคนมาชวนไปเล่นละคร จากนั้นผมได้เล่นละครมาเรื่อยๆ สำหรับเด็กคนหนึ่งที่ได้มาเล่นละครเงินขนาดนั้นถือว่าเยอะ และตอนที่เล่นละครผมคิดว่าตัวเองไม่ใช่ดาราหรือพระเอกนะ ผมคิดว่าผมเป็นคนธรรมดาที่มาทำงานในวงการมากกว่า ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกที่คนต้องมานั่งเอาใจ หรือมีสิทธิ์เหนือคนอื่น ผมอยากใช้ชีวิตเหมือนคนทำงานทั่วไป ตอนนั้นผมอาจจะไร้เดียงสานะ อยู่ในกองถ่ายผมก็เป็นพระเอก แต่กลับบ้านผมก็เป็นตัวเอง เป็นคนทั่วไปธรรมดา”
“ไม่ใช่ว่าผมไม่มีความสุขกับการเล่นละคร ผมมีความสุขกับการเล่นละครนะครับ แต่ผมไม่มีความสุขกับการเป็นดารา ผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ผมไม่ได้ติสต์นะ คุยกับใครผมมีมารยาท ผมไม่เคยทำตัวหยิ่งยโส คนที่อยู่ในวงการต้องทำตัวแยกแยะให้ได้ ซึ่งผมทำตรงนี้ไม่ได้ วันก่อนที่ผมเป็นดารา เป็นดารา ถึงวันที่ผมเลิกเป็นดารา นิสัยผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มันอยู่ยาก ผมเหนื่อยที่ต้องทำอะไรตามคนอื่น ผมชอบทำอะไรที่ตัวผมอยากทำ ผมว่าผมโรคจิตเลยแหละผมรู้สึกว่าผมถูกกักขัง หรือไม่มีอิสระไม่ได้ ผมอยากใช้ชีวิตในทางที่ตัวเองอยากใช้ ไม่อยากเป็นทาสใคร”
“ผมเล่นละคร 10 ปี ผมหยุดนับวันได้เลย ได้หยุด 50 - 60 วัน ได้หยุดสงกรานต์ทุกปี วันพ่อก็ไม่ได้หยุด วันแม่ก็ไม่ได้หยุด มีครั้งหนึ่งผมโกรธคนในกองถ่ายมากเลย เพราะวันแม่ผมไม่ได้หยุด ผมถ่ายละครถึง 8 โมงเช้าก็คิดว่าจะได้หยุดแล้ว แต่เขาบอกว่าให้ผมกลับไปอาบน้ำแล้วรีบกลับมา 11 โมง เพื่อที่จะมาถ่าย ผมโกรธมาก ผมถามเลยนะมึงไม่มีแม่เหรอ ไอ้สัตว์วันนี้วันแม่นะมึงยังจะให้กูทำงานอีกเหรอ ผมว่าวันเยอะมาก”
“10 ปีของผมผ่านไปเร็วมาก มีหลายคนพูดว่าเวลาผ่านไปเร็ว ของผมผ่านไปเร็วจริง เพราะไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันเลย ผมใช้เวลามองแต่อนาคตอย่างเดียว ผมก้มหน้าถ่ายละครให้จบเป็นแบบนี้อยู่ 10 ปี เงยหน้ามาอีกทีผมอายุ 30 แล้ว และการที่ผมมีชื่อเสียง ต้องตกเป็นทาสของสังคม ซึ่งผมไม่ได้ต้องการอย่างนั้น ซึ่งผมเองไม่เคยเรียกร้องอะไรต่อสังคมเลย ผมไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน และผมไม่อยากให้คนอื่นมาทำให้ผมเดือดร้อน ผมรู้สึกว่าผมเหนื่อยตอนที่อยู่ในวงการ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเล่นละคร แต่ผมเหนื่อยกับบางสิ่งบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่มาโทษผมว่าผมทำไม่ถูกไม่ดีมาว่าผมทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมออกจากวงการ”
ลั่นดาราเป็นทาสของสังคม ไม่ว่าจะอะไรจะเกิดขึ้น เรามีผู้พิพากษาเป็นสังคมตลอดเวลา บอกออกจากวงการเพราะอยากใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ให้นานที่สุด
“ซึ่งรายได้หลักจากการทำงาน นอกจากไปเที่ยว ไปซื้อของ ผมจะเอามาดูแลแม่ดูแลพ่อผม ส่งน้องเรียนมหาลัย ปีที่ 9 ที่เล่นละคร แม่ผมป่วย ผมรักแม่มาก แม่ผมจะเสียสละให้ผมทุกอย่าง แม่ผมป่วยต้องฟอกไตวันเว้นวันเลย ผมรู้สึกว่า 10 ที่ผมทำงานมา ผมไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่เลย ประกอบกับผมเหนื่อยกับการเป็นทาสสังคม และผมรู้ว่าแม่ผมอยู่อีกไม่นานแน่ ผมก็เลยออกจากวงการมาอยู่กับแม่ พอแม่ผมเสียปีกว่าแล้ว ผมย้ายบ้านมาอยู่กับพ่อและน้องสาวคนเล็ก พ่อ 76 แล้ว ผมอยากใช้เวลาอยู่กับพ่อให้นานที่สุด”
“ผมบอกเลยว่าผมไม่ใช่ลูกที่ดี ไม่เคยกราบพ่อแม่ แต่ผมรักพ่อแม่ผม บางทีที่ผมหงุดหงิดอยู่ผม เคยขึ้นเสียงกับพ่อแม่บ้าง ซึ่งผมก็รู้สึกผิดทุกวัน เพราะวันใดท่านจากไปแล้ว เราจะเหลือแค่ความทรงจำดีๆ งานศพแม่ ผมไม่เคยร้องไห้ตอนงานศพ แต่ผมตื่นเช้ามา ผมรู้สึกแย่มากๆ”
“นั่นแหละเหตุผลที่ผมเลิกเล่นละคร เพราะผมไม่อยากเป็นทาส ทำอะไรที่ไม่มีอิสระไม่ได้ แล้วผมอยากใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ให้นานที่สุด ผมอาจไม่ได้สบายเหมือนเมื่อก่อนที่มีชื่อเสียง แต่ทุกวันที่ผมตื่นเช้ามาผมมีความสุขกว่าตอนผมเป็นดาราอีก จุดที่ทำให้ผมตัดสินใจเด็ดขาดที่ไม่ทำให้ผมกลับไปเล่นละคร คือตอนแม่ผมไม่สบาย”
“ถามว่าไม่เสียดายเงินเหรอ ผมเล่นละครเรื่องหนึ่งผมได้เป็นล้านแล้ว ผมโชว์ตัวชั่วโมงหนึ่งก็ได้เป็นแสนแล้ว เมื่อก่อนผมใช้เงินเก่ง ผมกินเหล้าทุกวัน วันละ 5 หมื่น ผมอยากได้รถผมซื้อเงินสดเลย ซื้อของทุกวันแต่ก็ไม่มีความสุขเลย วันนี้ผมอาจไม่สบาย ไม่ได้มีชื่อเสียง ไม่ได้หาเงินง่าย เหมือนตอนเป็นดารา แต่ผมตื่นมาแล้ว ผมมีความสุขมากกว่าตอนเป็นดารา”