“บอย ถกลเกียรติ” องค์ลง ซัด “อ้น เดอะสตาร์” ขอฉีกสัญญา เพราะอยู่เอ็กแซ็กท์แล้วไม่ดัง ยัน ไม่ใช่เทวดาจะมาชี้นิ้วสั่งให้ใครเกิดหรือไม่เกิด บอกสงสัยตนคงจะตาถั่ว มองผิดไป เปิดใจอย่าพูดมีหรือไม่มีงาน เพราะเป็นลูกรัก - ลูกชัง ซัดมันน่ารำคาญ
ดรามามาแน่นๆ เลยทีเดียว สำหรับ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” เริ่มตั้งแต่ประกาศจะแคสติ้งนักแสดงสี่แผ่นดิน เวอร์ชั่นละครเวที ก็มีกระทู้ดรามาระบุว่ามีการใช้เส้น มีคนที่เลือกในใจอยู่แล้ว ไหนจะประเด็น “อ้น กรกฎ ตุ่นแก้ว” ฉีกสัญญาไปซบช่อง 7 สีอีก งานนี้คุณบอยเผยถึงประเด็นดังกล่าว ว่า
“เรื่องดรามาพอทราบครับ การแคสติ้งนักแสดงไม่ได้เป็นการประกวด การแคสติ้งนักแสดงไม่ต่างกับการสมัครงาน มันก็มีทั้งคนที่เรารู้จักและคนไม่รู้จักสามารถมาสมัครได้ เราไม่ปิดกั้น เราไม่ได้มีการประกวดแจกเงินรางวัล มันเหมือนการสมัครงานเราจึงเปิดกว้างสำหรับทุกคน มันก็จะมีคนที่เราเชิญมา คนที่เราขอร้องให้เขามา กับคนที่เขามาเอง สุดท้ายแล้วเราเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด”
“คนที่จะมาเป็นแม่พลอยมีองค์ประกอบเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียงร้อง เรื่องการแสดง เสน่ห์ การเล่นที่เข้ากับคนอื่น ความรู้สึกที่สื่อออกมาจากการร้องเพลง บางคนอาจจะร้องดีมากแต่ไร้ความรู้สึกก็เป็นได้ บางคนร้องแล้วอาจจะฟังว่าเพราะแต่เราว่ายังไม่ถึง ก็แล้วแต่ มันนานาจิตตังมาก เราก็ต้องเลือกที่เหมาะสมที่สุด การคัดเลือกในแต่สเต็ปเราตระหนักในสิ่งนี้ อย่างบางคนเรารู้แหละว่าไม่ได้เหมาะที่จะเป็นแม่พลอย แต่อาจจะเหมาะกับบทอื่นเราก็เอาเขาเข้ารอบในรอบต่อๆ ไป จนเราได้คนที่เหมาะสมมา บางคนก็เป็นคนที่เราเคยร่วมงานด้วยแล้ว บางคนก็เป็นคนที่เรายังไม่เคยร่วมงาน”
เหมือนเขาบอกว่าเรามีคนที่อยากได้อยู่ในใจอยู่แล้ว?
“ไม่มีครับ ถ้ามีผมไม่โง่พอที่เปิดหรอกครับ เรามีวิธีทำงาน มีมาตรฐานของเรา ถ้าเรามีเป้าอยู่แล้วเราคงพุ่งไปที่เป้าเลยคงไม่ต้องมาดูหรอกว่าใคร เหมือนตอน พินต้า (ณัฐนิช รัตนเสรีเกียรติ) เราก็ว่าจะเปิดแต่พอมาเจอเขาเราก็ไม่เปิดเพราะเราได้แล้ว ถ้าเข้าใจตรงนี้ผมไม่ต้องมาตอบคำถามพวกนี้ให้วุ่นวายเลย ผมเห็นดรามาเยอะแยะ ผมว่ามันตลก จะมาหาว่าตอบไม่ตรงคำถามบ้างอย่างนั้นอย่างนี้ คือถ้าคนที่อ่านจริงๆ จะเข้าใจทั้งหมด”
แฉ “อ้น” ขอฉีกสัญญา อ้างอยู่ด้วยแล้วไม่ดัง ซัดสงสัยตนคงจะตาถั่ว มองผิด ไม่ใช่เทวดาจะชี้นิ้วสั่งให้ใครเกิดหรือไม่เกิดได้
“เขาก็มาบอก ก็ยกเลิกสัญญากันไป ไม่เป็นไรก็คุยกันไป เขาก็ให้เหตุผลว่าที่เขาไปเพราะเขาบอกว่าเขาอยู่ที่นี่แล้วเขาไม่ดังครับ (หัวเราะ) ก็ช่วยไม่ได้นะครับ ผมอาจจะตาถั่วไปก็ได้ ผมอาจจะมองผิดก็ได้ ไม่รู้เหมือนกัน ตอนแรกผมกะจะให้โอกาสเขาก็ให้เขาเล่นละครเรื่องหนึ่ง กับดักเสน่หา พอเล่นสักพักก็มีดรามานี้เกิดขึ้น ก็เลยเรียกเข้ามาคุย แต่สุดท้ายก็ไปตกลงกัน ตามกฎหมายถ้าจะยกเลิกมันก็มีบทลงโทษ ก็ต้องทำตามกฎกติกากับการที่เซ็นกันไว้”
“ผมว่ามันแล้วแต่ครับ ผมเอาความพอใจเป็นที่ตั้ง เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว ใครจะเกิดไม่เกิด เราไม่ใช่เทวดาที่จะมาชี้นิ้วสั่งได้ คนเกิดก็มีคนไม่เกิดก็มี อาจจะไปเกิดตรงอื่นก็ได้ เราไม่มีปัญหา ผมเข้ามาในวงการนี้ปี 2533 ผมก็มีนักแสดงที่เอามาเล่นแล้วเกิดโด่งดังไปทั่ว แต่ขณะเดียวกันก็มีนักแสดงที่เล่นแล้วไม่เกิด แล้วเขาก็ไปดังกับอีกค่ายหนึ่ง มันก็มีทั้งนั้นแหละ มันอยู่ที่ใครเจอกับใครแล้วคลิก มันเป็นปกติของวงการนี้”
ชี้ให้โอกาสเด็กทุกคนรับงานนอกค่าย ส่วนอีกฝ่ายฉีกสัญญาทำไม ต้องให้ไปถามเจ้าตัวเอง
“เราก็ดูว่าใครมีแวว มีศักยภาพพอ กับสิ่งที่เราให้ไปมันคือโอกาส ใครที่ได้โอกาสแล้วเห็นคุณค่าของโอกาสนั้น ทำโอกาสนั้นให้ดีมันก็ประสบความสำเร็จ เด็กที่ให้โอกาสแล้วมองไม่เห็น เราให้แล้วให้อีกก็ยังมองไม่เห็นอีกมันก็อีกเรื่องหนึ่ง มันแล้วแต่คน จริงๆ ค่ายก็เปิดกว้างให้รับงานนอกค่าย แต่ทำไมเขายังจะฉีกสัญญาอีก ก็ต้องไปถามเขา เขาจะมาลา ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
บอกพูดอยู่ได้ประเด็นลูกรัก-ลูกชัง มันน่ารำคาญ!
“เบื่อแล้วประเด็นนี้ พูดอยู่ได้รำคาญ ผมว่ามันตามศักยภาพของคน มันขึ้นอยู่กับการมองเห็นและการมองไม่เห็นในโอกาสที่ให้เขาไปมันก็อีกเรื่อง หรือบางคนได้รับโอกาสแล้วแต่ทำไม่ได้ ทำไม่ถึง มันนานาจิตตัง มันคงเป็นเรื่องใครคลิกกับใครมั้ง”