“ตงตง เดอะสตาร์” เล่านาทีระทึก รถเกิดอุบัติเหตุหมุนติ้ว 6 ตลบบนทางด่วน สยองหวิดสิ้นชื่อ เผยก่อนหน้านี้ก็ถูกรถเสยท้ายจนไปจูบท้ายสิบล้อมาแล้ว คาดได้ลาภก้อนใหญ่มาก่อนแต่ไม่ทำบุญ ลบคำสบประมาทแหกคอกตระกูลหมอมาเป็นนักร้อง
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ “ตงตง กฤษกร กนกธร” หรือ “ตงตง เดอะสตาร์” ซึ่งกำลังมีผลงานซิตคอม “บางรักซอย 9/1” ออนแอร์ทางช่องวัน ถึงกับสยอง หวิดสิ้นชื่อบนทางด่วน โดยเจ้าตัวเผยว่าขับรถเกิดอุบัติเหตุหมุน 6 ตลบ รับหน้าแม่ลอยมา และคิดว่าตนต้องตายแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์
“ตอนนี้พอเข้าวงการมาสักพักหนึ่งแล้ว ชีวิตเราเปลี่ยนไปตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการบันเทิง เรามาอยู่ที่กรุงเทพฯ ชีวิตเราก็ต้องปรับเปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยอยู่หอพักก็ต้องมาอยู่หอคนเดียว ทำอะไรคนเดียว ขนาดกินข้าวยังต้องกินคนเดียวเลยครับ และก็ไม่มีแม่มาปลุก ขับรถไปเรียนเพราะปกติแม่เป็นคนขับไปส่งตลอดเวลา ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ถามว่าว้าเหว่มากขึ้นมั้ย มีครับเพราะตอนอยู่บ้าน แม่จะเป็นคนที่ขี้บ่นมาก แต่พอมาอยู่หอปุ๊บไม่มีคนมาบ่นเหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนอยู่บ้านเราก็อยากส่วนตัว ก็ไม่เข้าใจว่าแม่จะมาบ่นทำไม พอเรามาอยู่คนเดียวก็เลยไปคิดถึงแม่ คิดว่าทำไมไม่มีคนมาบ่น (ยิ้ม) และเพิ่งได้เจอแม่เมื่อวานนี้เอง ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงตอนนี้”
“ตอนแรกแม่ก็ไม่ไว้ใจเลยนะครับ คิดว่าเราเกเร ต้องไม่เรียนแน่เลย เราก็เอาเกรดให้แม่ดู เขาก็เริ่มเชื่อใจแหละ แต่ตอนนี้แม่ไม่เชื่อใจเรื่องหนึ่งในเรื่องของการขับรถ เพราะผมเพิ่งขับรถหมุนอยู่บนทางด่วนมา 6 รอบ คือปกติผมจะขับรถอีกคันและวันนั้นผมจะไปรอบกาล่าหนังฉลาดเกมส์โกง คือกำลังจะไป และพอดีมีรถกระบะขับมาชนข้างหลังผม และรถผมก็เด้งไปชนรถพ่วงข้างหน้า ตอนนั้นก็คิดว่าผมคงตายไปแล้วแน่ๆ แต่โชคดีที่ไม่ได้กระทบกระเทือนมาถึงข้างใน ผมก็เลยเอารถคันนี้ไปเคลมประกัน แล้วไปยืมรถเพื่อนมาใช้ซึ่งเป็นเบนซ์”
รับน่ากลัวที่สุดในชีวิต แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีหลายอย่าง ทำให้รอดตายราวปาฏิหาริย์
“และวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา ผมกำลังจะไปร่วมงานกาล่า 10 ปีรัชดาลัย กำลังจะไปจากมหาวิทยาลัยและฝนตกมาก ผมก็ต้องขึ้นทางด่วนตรงเชียงราก เป็นช่วงที่พายุเข้าพอดี ซึ่งก็ขับไปปกตินะ และขับไปได้สักพัก น้ำมันก็เข้ามาในล้อ พอผมได้ยินเสียงล้อ มันก็หมุนไปเลย ผมก็มีสติจึงได้เหยียบเบรก ครั้งแรกที่หมุนก่อนก็ไปชนกับขอบทางด่วนด้านขวา เสียงดังปัง ซึ่งผมก็คิดว่าเราไม่รอดแล้วแน่ๆ และมันก็หมุนต่อปังที่สองเข้าขอบทางขวาอีก และมันก็หมุนอีก จนหมุนไปชนขอบทางฝั่งซ้าย และโชคดีตรงที่ว่าตอนหมุนอยู่นั้น ไม่มีรถคันอื่นขับตามมา และที่โชคดีไปอีกขอบซ้ายที่ผมไปหยุดนั้นมีรั้วลวดหนามขึ้นมา และข้างล่างเป็นคลอง ซึ่งอีกนิดเดียวก็จะตกอยู่แล้ว และดีตรงที่มันเป็นเบนซ์ ซึ่งถ้าเป็นรถคันเก่าที่เพิ่งไปชนมานั้น ผมคงตายไปแล้ว”
“ผมมั่นใจว่าไม่ได้ขับเร็วเลย เพราะทั้งฝนตกหนักมากและมีพายุเข้า ขับประมาณ 70 - 80 กม. เอง บวกกับว่าก่อนที่น้ำจะเข้าล้อ มีรถมามาปาดผมจนทำให้ต้องเหยียบเบรก มันยิ่งทำให้ล้อฟรี และพอไปศึกษามาว่าถ้าน้ำเข้าล้อ เราต้องเหยียบเบรกให้มันผ่อนๆ แต่คือตอนนั้นมีสติเหยียบเบรกได้ก็ดีแล้ว ซึ่งตอนนั้นใครจะมีสติว่าจะต้องเหยียบเบรกแบบผ่อนๆ ล่ะ”
“ตอนนั้นที่มันหมุน 6 รอบ ผมคิดว่าผมตายแหละ คือผมไม่ได้นั่งนับหรอก แต่ตอนนั้นผมมีสติและก็รู้ว่ามันหมุนกี่รอบ มีสติจนลงรถไป และตอนแรกก็ไม่กล้าออกจากรถ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ไม่รู้ว่ารถเบนซ์พอมันชัตดาวน์ตัวมันเองไปแล้ว ต้องเริ่มต้นยังไง และฝนก็ตกหนักมาก มันเป็นอุบัติเหตุที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตแล้ว พอรถมันขยับไม่ได้ ระบบมันปิดก็เลยตัดสินใจเปิดกูเกิลว่าทำไมยังไงกับสถานการณ์นี้ เขาบอกให้ลองดับรถและสตาร์ตใหม่ และก็ไม่กล้าสตาร์ตรถเพราะกลัวว่าหม้อน้ำมันจะระเบิดมั้ย เลยตัดสินใจโทร.หากรมทางด่วน 4 - 5 ครั้ง สรุปหม้อน้ำไม่เป็นไร แต่พวงมาลัยมันค้างแต่ล้อมันยังตรง ผมก็ต้องขับแบบนี้ลงจากทางด่วนเพื่อไปเคลมประกัน และที่พีกว่านั้นประกันรถของพี่ผมเพิ่งหมด ผมเลยต้องรับผิดชอบทั้งหมด (หัวเราะ)”
“ตอนนั้นที่เราคิดว่าเราตายแล้ว ภาพในหัวตอนนั้นก็คิดถึงแม่เลย คิดว่าเรียบร้อยตายแน่ 100% เพราะนี่หนักที่สุดในชีวิตแล้ว ที่ผมคิดว่าที่เราโดนแบบนี้เพราะเราไม่ได้ทำบุญด้วยล่ะ ซึ่งก่อนหน้าเราก็ไปฮ่องกงและก็ไปเที่ยวมาเก๊า ซึ่งเราก็แวะเข้าไปเล่นขำๆ ที่มาเก๊า พอดีมันมีโชค พอกลับมาเมืองไทยก็เอาเรื่องนี้มาเล่าให้พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ฟัง เล่าให้คนโน้นคนนี้ฟัง พี่บอยก็เตือนก่อน 3 วันที่มันจะเกิดอุบัติเหตุว่าบางครั้งคนเราเวลาได้โชคใหญ่ๆ มา ก็ควรแบ่งเอาเงินไปทำบุญบ้าง และตอนนั้นยุ่งๆ ทั้งงานทั้งเรียน ไม่เกิน 3 วันผมก็ประสบอุบัติเหตุหมุนรถนี่แหละ (หัวเราะ)”
โร่ทำบุญโลงศพ บริจาคน้ำมันตะเกียง แม่ดูดวงให้บอกมีพระพิฆเนศช่วยคุ้มครอง
“ผมเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็เลยไปดูดวง เขาก็เลยแนะนำให้ผมไปทำบุญโลงศพ ไปเทน้ำมันตะเกียง คืนนั้นผมก็ไปวัดหัวลำโพงเลย ไปบริจาคโลงศพ ไปซื้อน้ำมันที่จะถวายที่ขวดใหญ่สุด (ยิ้ม) 2 ขวดใส่ในตะเกียง ซึ่งถ้ามีใหญ่กว่านั้น ผมก็จะซื้อนะ และแม่เล่าให้ฟังอีกว่าคนที่เขาดูดวงให้ เขาบอกว่าตัวผมมีองค์พระพิฆเนศคุ้มครอง ซึ่งผมก็ไม่รู้นะ และเขาก็ยังบอกอีกว่าในห้องผมมีพระพิฆเนศด้วยใช่มั้ย ซึ่งเรื่องนี้แม่ก็ไม่รู้เลยว่าในห้องมีอะไรบ้าง คนดูดวงก็ยังบอกว่าพระพิฆเนศองค์นี้แรงมาก ไม่ได้กำเนิดที่ไทย ซึ่งผมก็ได้มาจากแหล่งของท่านเลย เขาก็เลยแนะนำว่าเราไม่ได้อัญเชิญท่านเข้าห้อง และอาจจะบูชาท่านไม่ถูกวิธี ซึ่งถ้าเราดูแลไม่ได้ให้เอาออกซะ ซึ่งเราก็คิดว่าเราทำงานสายนี้ เราควรบูชาท่านตามหลักที่ถูกวิธี ให้บูชาทุกวันอังคาร ให้เปลี่ยนน้ำ”
“ตอนนี้ก็กลัวการขับรถไปเลยนะ ก็อาศัยนั่งแท็กซี่เอา บางทีเดี๋ยวนี้เด็กวัยรุ่นก็ขับรถเร็วไป คิดว่าตัวเองเอาอยู่ มันล้ม ไม่ชนแน่นอน แต่ผลสุดท้ายอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้เสมอนะ ผมก็เป็นคนขับรถเร็วเหมือนกัน แต่มั่นใจเลยว่าวันนั้นที่เกิดอุบัติเหตุผมไม่ได้ขับรถเร็วขนาดนั้น (แสดงว่าเราก็หวิดสิ้นชื่อเลยนะ?) ผมก็ว่านะครับ ถ้าไม่ใช่รถเบนซ์ ผมว่าก็ตายแล้วนะ”
แหกคอกตระกูลหมอ มาเป็นนักร้อง ครอบครัวเปิดใจยอมรับมากขึ้น
“เขาก็ยอมรับมากขึ้นนะครับ จากเมื่อก่อนขอเงินแม่ แต่ตอนนี้เราใช้เงินจากน้ำพักน้ำแรงของเรา คืออาม่าอยากให้ทุกคนเป็นหมอ ลูกพี่ลูกน้องเป็นหมอหมดเลย มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่ได้เป็น ผมก็เลยบอกแม่ไว้ว่าผมก็เกเรมาแต่เด็ก ผมกลับไปเปลี่ยนชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว ผมก็จะทำสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ให้มันดีมากๆ ขึ้น และแม้ผมจะไม่ได้เป็นหมอ ผมก็จะหาอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูแม่ได้ เมื่อญาติๆ เขาก็ไม่ค่อยคุยกับเราเพราะเห็นว่าเราเรียนไม่เก่ง ซึ่งถามว่ามันพิสูจน์ยากมั้ยที่ทำให้เขาเชื่อในตัวเรา มันก็ไม่ยากนะ มันก็คือสิ่งที่ผมอยากทำ และทำอยู่ในตอนนี้ ผมก็เป็นคนดี ผมตั้งใจทำงานทำให้เขาเห็น เรามีซิตคอม เขาก็ดูเราผ่านหน้าจอ”
“วันนี้เขาก็ภูมิใจในตัวเราจากเมื่อก่อนเขามองเราติดลบ เพราะเมื่อก่อนเขาอาจจะเสียดายเงิน เราไม่ตั้งใจเรียน แม่ส่งให้เราไปเรียนพิเศษ เราก็ไม่ได้เรียน โดดเรียนไป หลังจากที่ทุกคนคิดว่าผมแหกคอก ผมคิดว่าบางครั้งเราอาจจะไม่ได้ชอบในสิ่งที่เขาอยากให้เราเป็น ถึงจะเป็นหมอต่อให้เราเรียนเก่งแค่ไหน แต่สิ่งนั้นเราไม่ได้อยากเป็นมันก็ไม่มีความสุขเหมือนเดิม ก็ควรไปเรียนในสิ่งที่เรามีความสุขดีกว่า เพราะว่าผมก็ตั้งใจว่าอยากทำงานในสายอาชีพนี้ อยากเป็นเดอะสตาร์และทุกวันนี้ก็ได้เป็น เราก็สามารถลบคำสบประมาทได้แล้ว แม่ก็ไม่ได้ขออะไร แม่บอกให้เราตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเรียนให้เก่งหรอก แต่ขอไม่ให้เป็นคนไม่ดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว”
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ ผู้สื่อข่าว MGR online ก็ถามขำๆ ว่าห้อยพระอะไร? ด้านนักแสดงหนุ่มก็บอกว่าปกติจะห้อยพระหลวงปู่ทวด แต่พอดีวันนั้นต้องไปออกงาน ก็เลยไม่สะดวกในการห้อย เจ้าตัวก็เลยคิดอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นก็เป็นได้
