“ตู่ นันทิดา” แจงฝีมือ “น้องเพลง” นัด “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์” มาร่วมปาร์ตี้ในครอบครัว เผยเตรียมตัวส่งลูกสาวไปเรียนเมืองนอก ไม่ห้ามลูกมีแฟน แค่อย่ารักกันให้แม่อิจฉา ขู่ห้ามทิ้งแม่ แต่ถ้าจะหนุงหนิงแฟนต้องหนีบแม่ไปด้วย
โพสต์ภาพครอบครัวรวมตัวสุขสันต์ สัญญาณดีๆ ในครอบครัวอัศวเหม ล่าสุด “ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย” กับ “น้องเพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม” ก็ได้เผยในงาน GAME OF THRONES ซีซั่น 7 (เวอร์ชั่นเสียงไทย) รับเป็นการรวมตัวทานข้าว เตรียมส่งลูกสาวไปเรียนเมืองนอก
ตู่ : “ไปทานข้าวกันค่ะ ไปทานข้าวเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรค่ะ เพราะน้องเพลงตอนนี้เขาสอบเสร็จแล้ว”
เพลง : “เพิ่งส่งธีสิสค่ะ คุณพ่อก็เลยบอกว่าลูกส่งธีสิสแล้วก็มากินข้าวกันดีกว่า เพราะปี 4 แล้วก็จะวุ่นวายนิดหนึ่ง ก็จะไม่ค่อยได้เจอคุณพ่อ คุณแม่ คุณยาย ถ้าว่างก็จะเจอกันค่ะ นัดทานข้าวกัน”
ตู่ : “ก็จะมีคุณย่า คุณยายนี่แหละค่ะโดยปกติ”
เพลง : “ยังไม่เชิงฉลองค่ะ คือต้องบอกเลยว่าคิดถึงก็มาเจอกันเถอะ”
บอกลูกสาวจะเป็นฝ่ายที่นัดรวมตัวกัน น้องเพลงมีแพลนเรียนต่อป.โทที่อังกฤษ เว้นช่วงเพราะติดแม่
ตู่ : “ใช่ค่ะ ก็ดูเวลาว่างกันด้วย เพราะแม่ก็ทำงาน ตัวน้องเองก็ทำงานและเรียนด้วย ก็ดูเวลาที่ว่างรวมๆ กันหมด ส่วนคุณยาย คุณย่าแสตนบายตลอดเวลาอยู่แล้ว หลานว่างเมื่อไหร่ก็ได้เลย เขาก็คิดถึงหลานค่ะ ก็ไม่มีกิจกรรมพิเศษอะไรนะคะ ทานข้าวอย่างเดียวค่ะ รู้สึกวันนั้นน้องเพลงจะคุยเรื่องไปเรียนต่อ ก็ปรึกษาคุณพ่อหลายๆ อย่างด้วยค่ะ”
เพลง : “มีแผนสองขึ้นมานิดหนึ่งเรื่องเรียนต่อ คือ อยากจะเปลี่ยนจากนิวยอร์กไปลอนดอนค่ะ แต่กว่าจะไปเรียนก็ตั้งปลายปีหน้า จริงๆ ตั้งใจว่าไม่กลางปีก็ปลายปีหน้าค่ะ ที่อยากจะเปลี่ยนเพราะด้วยเวลาด้วยค่ะ เหมือนนิวยอร์กอาจจะต้อง 2 ปี อังกฤษก็แค่ปีเดียว เป็นเรื่องของเวลาที่จะต้องไปอยู่ที่โน่นค่ะ”
ตู่ : “ดีใจที่ลูกไม่อยากอยู่นาน (หัวเราะ) ดีใจที่ลูกไปแค่ปีเดียว”
เพลง : “เรียนปริญญาโทค่ะ ตั้งใจอยากจะเข้า Real estate development ค่ะ แต่ที่ยังเว้นช่วงมาเพราะอยากจะทำงานก่อน และอยากอยู่กับหม่ามี๊ก่อนด้วย (หัวเราะ)”
ตู่ : “คือเขาเป็นคนเรียนนะคะ ครั้งแรกที่เขาบอกจะไปนิวยอร์กเราก็รู้สึกว่ามันมีบรอดเวย์ที่โน่น ผลปรากฏว่าน้องเพลงบอกจะไปอังกฤษก็มีบรอดเวย์เหมือนกัน แล้วน้องเพลงก็บอกว่าคุณแม่คะ ลูกไม่ต้องไปเรียน 2 ปี ลูกใช้เวลาแค่ปีเดียว เขาก็เป็นเด็กที่น่ารักมาก เรื่องค่าใช้จ่ายก็มาปรึกษากันว่าจะอะไรยังไง ก็เลยบอกว่าปลายปีนี้จะต้องไปดูแล้วนะว่าจะต้องอยู่ที่ไหนยังไง เพราะที่อังกฤษเราก็ไม่ค่อยมีพรรคพวกที่นั่น แต่มีหลานเขยอยู่ แต่เขาจะอยู่นอกเมือง เราก็จะต้องไปดูกันปลายปีนี้ค่ะว่าเป็นยังไง เพราะนิวยอร์กยังพอไปบ่อยๆ บ้าง แต่ที่อังกฤษไม่ค่อยไป ก็ต้องไปดูว่าที่ทางที่จะอยู่เป็นยังไง”
“ก็ไม่ต้องกล่อมอะไรแล้วค่ะ เพราะลูกบอกแล้วว่าลูกไม่อยากใช้เวลานาน เขาเป็นคนที่วางแพลนตัวเองได้เองทั้งหมด ฉะนั้นถ้าเขาจะมาปรึกษาแบบไฟนอลจริงๆ เขาจะมาบอกว่าลูกตัดสินใจที่นี่ ซึ่งเราก็โอเคว่าถ้าที่นี่แล้วจะต้องยังไง ใครต้องดูแล”
เพลง : “ส่วนคุณพ่อโอเคค่ะ
ตู่ : “คุณพ่อบอกว่าดีลูก ถ้าอังกฤษดี พ่อชอบ พ่ออยากให้ไปอังกฤษมากกว่า คุณพ่อเขาจะแล้วแต่ลูกเลยค่ะ ต้องสแกนเส้นทางด้วยค่ะ ลูกต้องกลับเส้นทางนี้เท่านั้น ห้ามไปบล็อกอื่น ตึกอื่น เราก็เป็นห่วงนะคะ ก็ต้องดูว่าแอเรียไหนที่เซฟ คุณพ่อคุณแม่ทุกคนแหละค่ะเวลาลูกไปเรียนก็ต้องไปดูด้วยตัวเราเองด้วย ก็อยากให้คุณพ่อเขาไปดูด้วย ก็ยังบอกว่าคราวนี้แม่ไม่ต้องไปก็ได้ ให้ลูกไปกับแดดดี้”
“ครั้งแรกก็ไม่พร้อมถ้าเกิดเขาจะไปต่อปริญญาโทที่เมืองนอก อันนั้นก็บอกเขาว่าแม่ทำใจไม่ได้เลยลูก แม่รู้สึกเห็นแก่ตัวจังเลยถ้าเกิดบอกว่าอย่าไปได้มั้ย หรือถ้าไปแม่จะไปอยู่กับหนูตลอดเวลาเขาก็จะรู้สึกอึดอัด จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้ โดยไม่ปล่อยให้ลูกได้ทำด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราก็ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ ชิน เพราะตั้งแต่น้องเพลงไปอยู่คอนโดเอง บางที 3 เดือนไม่ได้เจอกันเลย แต่จะ whatsapp กันทุกวัน ตอนแรกก็ไม่ชิน แต่ก็เริ่มทำใจได้บ้างเวลาที่ลูกจะห่างจากเราไปด้วยที่เขาจะต้องเรียน ก็ทำใจได้ค่ะ”
สนับสนุนให้ลูกมีแฟน แต่ถ้าจะหนุงหนิงต้องหนีบแม่ไปด้วย
ตู่ : “เรื่องหนุ่มๆ ยังไงก็ได้แล้วค่ะตอนนี้ อายุก็ 23 แล้ว มีแฟนสักทีนะ (หัวเราะ) สบายๆ ค่ะ 23 แล้ว ก็เป็นวัยที่เขาเป็นสาวแล้ว ไวมากเลย เราก็คิดว่าลูกยังเด็กๆ อยู่ เพราะอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา แต่เราเองก็เป็นคนที่ให้ลูกใช้ชีวิตแบบสบายๆ อะไรที่ลูกรู้สึกมีความสุขสบายใจก็ให้เขาตัดสินใจเอง”
“ตอนนี้ก็ยังหวงอยู่นะ ถ้าเกิดว่าเขาจะต้องมีแฟนหรือดาร์ลิ่ง ก็จะบอกกันไว้ก่อนว่าอย่ารักจนรู้สึกว่าแม่อิจฉา (หัวเราะ) คือ แน่นอนอยู่แล้วว่าเวลาคนมีความรักก็ต้องเป็น แต่ว่าอย่าทิ้งแม่ ถ้าเธอจะรักใครจะยังไงเธอต้องเอาแม่ไปด้วย ให้แม่อยู่ตรงนั้นด้วย เช่นลูกไปทานข้าวหนุงหนิงจีบกัน เอาแม่ไปด้วยก็ได้ เพราะแม่ไม่ได้ไปทำตัวขวางอะไร แม่เป็นเพื่อน”
เพลง : “ก็มีคุยบ้างค่ะ (ยิ้ม) คุยปกติ นอกวงการ ก็..(หัวเราะ) เพลงไม่มีความลับกับคุณแม่ค่ะ คุณแม่เป็นเหมือนเพื่อนเพลง เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่คุณแม่ไม่รู้”
ตู่ : “จริงๆ โอเคนะคะ เชื่อว่าถ้าเขาเลือกมาแล้วว่าสบายใจตรงนี้ แสดงว่าลูกก็ต้องสกรีนมาแล้วว่าเขามีความสุขประมาณหนึ่งแล้วเขาถึงเปิดให้คนๆ นั้นมาเป็นเพื่อนคนพิเศษ”
พ่อสั่งให้ดูให้ดี ชี้มีหรือไม่มีสมัยนี้ไม่แปลก
ตู่ : “คุณพ่อเขาก็จะถามค่ะ เสียงเข้มๆ ถามว่าเป็นไงบ้างล่ะ เธอแน่ใจเหรอแม่ว่าโอเค ดูให้ดีแล้วกันนะ ฝากมาแค่นี้ค่ะ สั้นๆ แต่เราก็รู้สึกนิดหนึ่งเนอะว่าดูให้ดีนะ แต่ยังไงความเป็นคุณพ่อ คุณแม่ห่วงลูกทุกคนค่ะ เรามีลูกสาวค่ะ มีลูกชายก็จะห่วงอีกอย่าง มีลูกสาวก็ห่วงอีกอย่าง แต่ก็คงไม่แปลกนะคะ อย่างเรายังมีแฟนยากเลย หมายถึงว่ากว่าจะแต่งงานก็อายุ 37 แก่ไปเนอะ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำงานเก่งนะคะ คิดว่าจะมีหรือไม่มีมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก แต่ถ้าเกิดลูกจะต้องมีแฟนเราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นความสุขของแต่ละคน ไม่ได้มองว่าลูกจะต้องแต่งงานอายุเท่าไหร่ จะต้องมีแฟนหรือไม่มีแฟน แต่ถ้าเขามีความสุขเขาก็จะเข้ามาบอกคุณพ่อคุณแม่”