xs
xsm
sm
md
lg

พึ่งหมอโรคจิต! เครียดจนคิดสั้น! “หนูเล็ก” น้ำตาหลั่ง เผยคำพูดพ่อหลังวิวาห์ “มึงแต่งเสร็จกูก็ไปแล้ว”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บีบหัวใจมาก “หนูเล็ก ก่อนบ่าย” รับพ่อยิ้มทั้งน้ำตาในวันแต่งงาน ปล่อยโฮหลังบอก “แต่งเสร็จกูก็ไปแล้ว” ห่วงอาการติดเชื้อ แต่ใจชื้นตอบสนองยาดีขึ้น เผยเครียดจัดต้องหาจิตแพทย์ เห็นหลังคาไม่ได้อยากจะผูกคอฆ่าตัวตาย ขับรถก็อยากขับชนคน โชคดีที่สุดที่มีสามีคนนี้อยู่เคียงข้าง ทำให้ไม่คิดสั้น

ผ่านไปแล้วกับงานฉลองวิวาห์อย่างชื่นมื่นของตลกสาว “หนูเล็ก ก่าก๊า” หรือ “หนูเล็ก ภัทรวดี ปิ่นทอง” กับแฟนหนุ่มนอกวงการ “เอก เอกวุฒิ จันทพันธ์” ที่ จ.สงขลา ไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่มีข่าวออกมาว่าวิวาห์เกือบจะล่มเพราะพ่อของตลกสาวป่วยหนัก ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาเผยว่าหลังจากที่จัดงานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบพาพ่อกลับเข้าโรงพยาบาลเลยทันที

“ก็แต่งไปแล้วที่ จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. พอวันที่ 6 พ.ค. ก็กลับมาทำงานเลย เพราะมันมีงานเลยเน้นเรื่องงานก่อน เรื่องอื่นไม่เป็นไรค่ะ ดูแลพ่อ พาเข้า รพ. เสร็จก็กลับมาทำงาน บรรยากาศวันนั้นก็ร้อนมากเลยนะคะ หนูเครียด เกรงใจทั้งผู้ใหญ่ที่มาเซอร์ไพรส์ สงสารคนแก่เพราะมันร้อนมาก บ้านหนูไม่มีแอร์ อากาศร้อนมากจริงๆ แต่เต็มไปด้วยความสุขค่ะ ตอนแห่ขันหมากเขาบอกว่าชอบมากเลยเพราะมันไกลมาก (หัวเราะ) ทั้งร้อนทั้งไกล เขาสนุกมากค่ะ”

“ก็ที่จัดงานแต่งงานก็เพื่อพ่อ ตอนนั้นในหัวใจหนูไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรเลยนะคะนอกจากทำให้พ่ออย่างเดียว รู้สึกตื้นตันอยู่ข้างในแต่ไม่ร้อง เพราะถ้าหนูร้องพ่อจะไม่สบายใจ ก็เลยอดกลั้นไว้ ไม่ร้องเลยค่ะวันนั้น พยายามไม่มองหน้าพ่อเลย แต่พี่เขาแอบถ่ายรูปมาให้ พอมาดูรูปก็ร้องไห้เพราะว่าเขายิ้มทั้งน้ำตา ตอนนั้นไม่ได้บอกอะไร แต่หนูเข้าไปหอมแก้มเขาแล้วยิ้ม เขาบอกว่าอยากเห็นหนูแต่งงานก่อนเขาจะไม่อยู่ พอแต่งงานเสร็จหนูก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาพ่อไปส่ง รพ. เพราะเขาเหนื่อย มันร้อน พอไปถึง รพ. ก็ถามพ่อว่าสบายใจมั้ย เขาก็บอกว่าสบายใจ เขาก็บอกพี่สาวว่าหนูแต่งงานเสร็จกูก็ไปแล้ว ทุกคนร้องไห้กันหมดเลย ความรู้สึกตอนนั้นโห...มันชาไปหมดทั้งตัว พยายามกลั้นไว้ ไม่ร้องไห้”

“ตอนนี้พ่อก็ยังอยู่ รพ. เพราะว่าติดเชื้อในท่อปัสสาวะ มันไข้ขึ้นลงอยู่อย่างนั้น ไม่ดีสักทีเลย ตอนแต่งก็ขออนุญาตคุณหมอพาออกมาค่ะ ตอนนั้นคือทำไงก็ได้ รีบพาพ่อไปก่อน ไม่ได้คิดอะไรเลยตอนนั้น แล้วทิ้งเพื่อนทิ้งญาติทิ้งทุกคนหมดเลย เขาก็หาว่าเจ้าสาวไปไหน มีพี่บอกว่ามันพาพ่อไป รพ. เขาก็บอกว่าทำไมไม่ให้คนอื่นพาไป เขาบอกว่าไม่เป็นไร ให้คนอื่นนั่งกิน เราก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเลย ที่ รพ.ก็ตกใจเพราะมาแบบเกล้าผมมาเลย เขาก็ถามว่าหนีงานมารึเปล่า เราก็บอกว่าใช่ค่ะ”

“แม่ก็ดีใจมาก แม่เต้นด้วยนะในงาน แต่เล็กจนโตแม่ไม่เคยเต้น แต่แม่มาเต้นในวันงานหนู เหลือเชื่อมาก ทุกคนอึ้งกันหมดแล้วรีบถ่ายคลิปวิดีโอ ส่วนแฟนเขาไม่กล้าพูดอะไรกับพ่อเลยค่ะ เพราะเขาสงสารพ่อ เขาบอกว่ากลับไปครั้งนี้พ่อเปลี่ยนไปมาก ไม่กล้ามองพ่อ เปลี่ยนไปคือเมื่อก่อนพ่อดูสดชื่น แข็งแรงกว่านี้ แต่กลับไปครั้งนี้พ่อเดินไม่ได้ บวม หน้าตาเปลี่ยนแปลงไปเยอะ”

เผยรีบกลับบ้านก่อนวันแต่งาน เพราะพ่อตนอาการทรุดหนัก แต่ตอนนี้พ่อตอบสนองกับยาได้ดีทำให้ตนใจชื้นขึ้นมา
“ช่วงที่กลับบ้าน อาการตอนนั้นเขาไข้ขึ้นแล้วทรุดเลยรีบไปบ้านแล้วพาไป รพ. ถามว่ามีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง คือตอนที่ติดเชื้อคือน่าเป็นห่วงที่สุดค่ะ หมอบอกว่าถ้ามันเข้าไตก็จะไตวาย พ่อก็จะไม่อยู่เลย หมอก็บอกให้ทำใจด้วย แต่เราก็ยังสู้นะคะ เชื่อว่า พ่อจะต้องไข้ลงและเชื้อไวรัสตัวนั้นต้องหาย แล้วจะนำไปรักษายังไงแล้วแต่ แต่รอให้เชื้อนี้หายก่อน มันน่าจะมีโอกาสนะคะเพราะยามันตอบสนองกับพ่อดีมาก พอหมอบอกก็ใจชื้นขึ้น พ่อก็เหมือนจะไม่สู้ แต่หนูก็บอกให้พ่อสู้ เพราะมันมีที่รักษาอีกเยอะ พอกลับมาทำงานก็ทำงานไม่รู้เรื่องเลย ตั้งแต่วันที่ 6 จนถึงวันนี้ยังเครียดอยู่ แต่จะพยายามแบ่งให้ได้แต่มันแบ่งไม่ได้ หนูก็ขอโทษผู้จัด ผู้กำกับด้วยจริงๆ มันเบลอไปหมดเลยค่ะ บทจากที่จำได้ก็ลืมหมดเลย ก็ถ้าว่าง 1 - 2 วันก็ลงไปเลย แล้วช่วงที่เลิกงานก็จะวิดีโอคอลหาพ่อให้เห็นหน้าเขา เขาก็จะยิ้มแล้วก็หัวเราะ ถามว่าจะเพลางานแล้วไปดูแลพ่อมั้ย ถ้าว่างหนูก็จะลงไปเลย หรืองานอีเวนต์ก็จะไม่รับ จะลงไปดูแลพ่อเลยดีกว่า”

ลั่นถ้าไม่มีสามีคนนี้อยู่เคียงข้างตนอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้วก็ได้ รับมีปรึกษาจิตแพทย์เหตุเครียดจนคิดอยากฆ่าตัวตาย
“แฟนบอกว่าเงินที่ได้มาทั้งเราและเขาเอาไปให้พ่อหมดเลย เขาบอกว่าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น แล้วจะไปหาพ่อก็ไปเลย เขาจะดูแลบ้าน ดูแลงานเอง ก็ถ้าไม่มีเขา หนูก็อยู่ไม่ได้เลย (เสียงเครือ) ตั้งแต่พ่อป่วย ถ้าไม่มีเขา หนูน่าจะผูกคอตายหรือฆ่าตัวตายไปแล้ว เพราะมันมีช่วงหนึ่งที่พ่อป่วยแล้วไม่มีใครดูแลพ่อ หนูก็ถามเขาว่าหนูเป็นอะไร มันเห็นหลังคาแล้วอยากผูกคอตาย หนูต้องเจอหมอเกี่ยวกับโรคจิตแล้ว เขาบอกว่าไม่เป็นไร ใจเย็นๆ เดี๋ยวค่อยไปหาหมอ”
 
“ก็ปรึกษาหมอ เขาบอกว่าเป็นเพราะหนูเครียดมาก เอาแบบนี้ดีกว่า ทำใจเย็นๆ ไว้ อยู่ข้างๆ คนที่เรารัก ถ้าเมื่อไหร่เรานอนไม่หลับแล้วคิดมาก อันนี้อาการหนัก แล้วค่อยมาหาเขา แต่หนูยังไม่ถึงขั้นนอนไม่หลับ หนูแค่รู้สึกว่าเห็นหลังคาแล้วอยากผูกคอตาย ขับรถแล้วอยากชน มันเกิดขึ้นได้ยังไงไม่รู้ แต่ไม่ได้กินยาอะไรเลย อยู่ข้างๆ แฟน เขาก็คอยพูด มันก็ดีขึ้นๆ ก็จะสู้ต่อไป และบอกพ่อให้สู้ด้วย เงินทุกบาททุกสตางค์ทำให้พ่อหมดเลย ถามว่าอะไรทำให้เราเปลี่ยนความคิด ก็พ่อยังไม่เป็นอะไร เราอย่าเพิ่งตายเลย เราต้องสู้เพื่อพ่อก่อน ถ้าเราเข้มแข็ง พ่อก็จะต้องดีขึ้น และยังมีแม่อีกคนที่เราจะต้องรับที่เขาอาจจะเกิดขึ้นแบบนี้อีก เพราะเขาก็แก่แล้ว ถ้าไม่มีหนูก็จะไม่ได้ขนาดนี้ ไม่มีใครเลยค่ะ”



กำลังโหลดความคิดเห็น