xs
xsm
sm
md
lg

“วู้ดดี้เวิลด์” วงแตก “วู้ดดี้” ทิ้ง “ส้ม” ไว้กลางทาง !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อคราที่พิธีกรฝีปากกล้า “วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา” ประกาศปิดตำนานรายการ “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” ที่หยัดยืนอยู่ที่ช่องโมเดิร์นไนน์ ทีวี ยาวนานถึง 9 ปี นั่นก็ว่าช็อกวงการไปแล้วครั้งหนึ่ง ผ่านมายังไม่ทันถึงครึ่งปี ก็มีข่าวให้ช็อกยิ่งกว่า เมื่อมีแหล่งข่าววงในแอบกระซิบว่า มีการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารเกิดขึ้นในบริษัท วู้ดดี้เวิลด์ ชนิดที่คนรับข่าวฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้าง

วู้ดดี้ถอนหุ้นออกจากบริษัท !!

ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้คลุกวงในจริงๆ ฟังแล้วอาจจะงงเด้ งงเด้ อ้าว....วู้ดดี้จะถอนหุ้นออกจากบริษัททำไม ก็วู้ดดี้เวิลด์ก็เป็นของเขาเองมิใช่หรือ !!??

เป็นของเขาน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์

เพราะแกนหลักของวู้ดดี้เวิลด์นอกจากตัวของวู้ดดี้เองแล้ว ยังมีหุ้นส่วนใหญ่อีกหนึ่งคนก็คือ “ส้ม-ณัชพร สายบัว” อดีตผู้จัดการส่วนตัว ที่ผันมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ เรียกว่าเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัว ล้มลุกคลุกคลานมาพร้อมๆ กัน

ก่อนหน้าที่จะใช้ชื่อว่าบริษัทวู้ดดี้เวิลด์นั้น เคยใช้ชื่อบริษัท ดับเบิ้ลยู เน็ตเวิร์ค จำกัด เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2547 มี วู้ดดี้ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท และส้มเป็นกรรมการผู้จัดการ โดยมีสโลแกนประจำบริษัท คือ “สุดขอบ แต่ไม่หลุดกรอบ” เริ่มเป็นที่สนใจของแวดวงคนทีวี เมื่อริเริ่มผลิตรายการ “ไฮโซบ้านนอก” รายการเรียลิตี้ที่นำ 3 ไฮโซ คือ “ดารุณี กฤตบุญญาลัย” ,“สมศักดิ์ ชลาชล” และ “มดดำ-คชาภา ตันเจริญ” (ชื่อเดิม “สุศิษฎา”) ไปใช้ชีวิตแบบแร้นแค้นที่จังหวัดสุรินทร์ 30 วัน เพื่อนำรายได้ไปร่วมทำบุญ ซึ่งตอนนั้นรายการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู ว่าจงใจเขียนสคริปท์ สร้างสถานการณ์ ไม่ได้ “เรียล” จริงอย่างปากว่า

รายการ “ไฮโซบ้านนอก” ลาจอไป พร้อมกับที่บริษัทต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานในขณะที่ไม่มีรายได้เข้ามาเลยนานกว่าครึ่งปี เพราะเสนอรายการไม่ผ่าน ถึงขนาดที่การปิดห้องประชุมกันตามประสาหุ้นส่วนว่า ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เห็นทีจะต้องปิดบริษัท

รายการ “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” คือลมหายใจเฮือกสุดท้ายของบริษัท ถ้าไม่รอด ก็ทางใครทางมัน

“จนมากค่ะ ไม่มีเงินเลย ใช้บุญเก่า เรา 2 คนมองหน้ากันและว่า ถ้าเดือนนี้ยังหาเงินไม่ได้คงต้องปิดบริษัทนะ พูดแล้วน้ำตาจะไหล คือลึกๆ แล้วไม่ได้อยากจากกัน คิดเสนอโปรเจ็กต์สุดท้าย ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ที่อยากทำมากที่สุด นั่นคือทอล์กโชว์

จริงๆ แล้วรูปแบบรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยนั้นเรานำเสนอมาตลอด 5 ปี แต่ไม่มีใครเอา ส่วนหนึ่งเพราะพวกเรายังเด็กเกินไปในตอนนั้น

เหมือนหมาจนตรอก ถ้าโปรเจ็กต์นี้ไม่ผ่านก็ปิดบริษัท ดังนั้นพลังเฮือกสุดท้ายมีจริง ในห้องประชุมนี่พลังอัดแน่นมาก เพราะพวกเราไม่มีพื้นที่เหลือให้ถอย ถ้าพลาดคือตกเหว ฉะนั้นมีกระสุนกี่แม็ก เราใส่หมด”

นั่นคือคำสัมภาษณ์ของส้ม-ณัชพร ในฐานะหนึ่งในหุ้นส่วน เมื่อย้อนรอยถึงที่มาของรายการ ก่อนจะมาพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อโมเดิร์นไนน์ ทีวี อนุมัติให้ดำเนินการผลิตรายการนี้ ในรูปแบบของรายการทอล์กโชว์ ที่นำเสนอเรื่องราวของคนในและนอกวงการบันเทิง ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยหยิบยกเรื่องราวที่เป็นที่จับตามองเป็นกระแส เป็น Talk of the Town ณ เวลานั้น โดยออกอากาศครั้งแรกเมื่อ วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551 และก็อยู่ยั้งยืนยงมายาวนานถึง 9 ปี อย่างที่ว่า พร้อมๆ กับแตกแขนงรายการอื่นเพิ่มเติม นั่นคือ “เช้าดูวู้ดดี้” ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “ตื่นมาคุย”

เรียกว่าจากยุคที่ตกต่ำ ถึงขนาดแทบจะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน วู้ดดี้กับส้ม 2 หุ้นส่วนใหญ่ ก็สามารถนำพาบริษัท เดินทางมาถึงยุคที่รุ่งเรืองสุดขีด สามารถสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท ตามที่เคยจุดธูปบนบานเอาไว้ จนทั้งคู่ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องมารำแก้บนถวายตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่ !!

พร้อมๆ กับความเป็นปึกแผ่นของวู้ดดี้เวิลด์ นั่นก็คือความสำเร็จขั้นสูงสุดของวู้ดดี้ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นพิธีกรระดับหัวแถว เป็น Content King ที่ได้รับการยกย่องจาก CNN ให้เป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลในภาคพื้นเอเชีย และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Asian Television Award ณ ประเทศสิงคโปร์ สาขาผู้ดำเนินรายการยอดเยี่ยมและรายการยอดเยี่ยม จากรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย รวมถึงยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้าน Social Network ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็พร้อมที่จะเป็นกระแส และสามารถผันเป็นเงินไปได้หมด

“วู้ดดี้เวิลด์ในตอนแรกเราทำให้เป็นบริษัทผลิตคอนเทนต์ ผลิตรายการโทรทัศน์อย่างเดียว ซึ่งผมต้องใช้เวลาค้นหาตัวเองมากว่า 10 ปีเหมือนกัน ค้นหาว่าตัวเองชอบอะไร เพราะโตมาโดยไม่รู้ต้องทำอย่างไร ต้องอยู่หน้ากล้องยังไง ตอนนั้นอยู่วงการมาตลอดแต่ไม่ค่อยแฮปปี้เลย เพราะไม่รู้ต้องวางตัวยังไง อยู่กับกรอบที่หลายคนตั้งให้ว่าวู้ดดี้จะต้องแรง จะต้องตรง แต่พอได้ทำอะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้รู้ว่าเราทำอะไรได้มากกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำรายการแรงๆ ก็ได้”

คำว่า “หลายอย่าง” ตามที่วู้ดดี้ให้สัมภาษณ์ ก็คือการแตกไลน์ธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานบิ๊กอีเวนต์อย่าง “S2O” ที่เพิ่ง “ตกเป็นข่าว” กรณีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนในละแวกที่จัดงาน ในขณะที่รายการที่ถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live ก็สามารถขายช่วงทอล์กได้เป็นล้านบาทต่อครั้ง

นั่นคือรายได้มหาศาลที่วู้ดดี้สามารถโกยเข้ากระเป๋า โดยใช้ตัวเองเป็น Content ล้วนๆ แม้แต่ในส่วนของวู้ดดี้เวิลด์เอง เขาก็เสมือนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัท จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า หนึ่งในแกนหลักสำคัญ มีผู้หญิงที่ชื่อส้มรวมอยู่ด้วย

ในมุมธุรกิจ ก็ไม่แปลก ถ้าวู้ดดี้จะมองว่าคอนเนกชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดีลกับช่อง การติดต่อดารา เซเลป ทั้งในและต่างประเทศ ที่เชื้อเชิญมาออกรายการ ทั้ง David Beckham , Britney Spears, Alicia Keys, Rain, F4, Jay Chou, Jackie Chan, Choi Siwon จาก Super Junior, นิชคุณ หรเวชกุล, Robert Pattinson, Kristen Stewart, Enrique Iglesias, Hugh Jackman และ Michelle Yeoh ฯลฯ และประการสำคัญก็คือรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการขายโฆษณา การขายอีเวนต์ ได้มาเพราะเขาล้วนๆ แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับจะต้องเทรวมเข้าบริษัท และถูก “หารแบ่ง” กับหุ้นส่วนอื่นๆ ณ จุดนี้จึงอาจเป็นที่มาของดีลลับฉบับนี้ ที่เขาตั้งใจจะดีดตัวเองออกมา เพื่อรับรายได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าผลิตรายการ ทั้งทีวี ทั้งออนไลน์ ผลิตละครเกย์สนองนี้ดตัวเอง หรือกระทั่งการลุยธุรกิจกระทะ Korea King ที่ว่ากันว่าเป็นธุรกิจส่วนตัวที่ทำร่วมกับแฟนหนุ่ม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวู้ดดี้เวิลด์ และฟันกำไรมหาศาล อาจจะมากกว่าขายโฆษณารายการทีวีด้วยซ้ำ มาย้อนนึกดูแล้ว เผลอๆ การถอนรายการออกจากโมเดิร์นไนน์ ก็อาจจะเป็นหมากที่ถูกวางไว้ล่วงหน้าแล้วก็เป็นได้

ตอนนี้กองบัญชาการของวู้ดดี้เวิลด์ ที่ตั้งอยู่ที่ย่าน RCA. ก็เตรียมการที่จะโยกย้าย โดยในส่วนของส้ม จะย้ายไปตั้งออฟฟิศแถวย่านทองหล่อ มีการให้หมอดูมาดูฮวงจุ้ยเรียบร้อยแล้ว ส่วนของวู้ดดี้ มีความเป็นไปได้ที่จะย้ายไปอยู่ที่ห้างใหญ่กลางใจเมืองอย่างเอ็มควอเทียร์ ส่วนพนักงานก็ถูกจัดสรรปันส่วนกันไปตามความเหมาะสม และมีบางส่วนที่ต้องเจอแจ็คพอต ได้รับซองขาวจ้างออก

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าเงื่อนไขของดีลครั้งนี้ ก็คือส้มขอรายการ “ตื่นมาคุย” ที่ยังคงออกอากาศอยู่ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี แต่ก็แทบจะเป็นเงื่อนไขที่ไม่มีประโยชน์อันใดเลย เพราะสัญญาของรายการจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายนนี้แล้ว

เมื่อลองพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ภายหลังจากการที่วู้ดดี้เวิลด์ถูกผ่าออกเป็นสองบริษัทอย่างชัดเจน และโดยไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกันอีกนั้น ส่วนของวู้ดดี้ดูเหมือนอาจจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะคนส่วนใหญ่พอจะมองออกว่า เขาสามารถคิดสร้างสรรค์รายการใหม่ๆ เพื่อต่อยอดของธุรกิจตัวเองได้อยู่แล้ว เพราะมีทั้งความสามารถ ชื่อเสียง บารมี คอนเนกชัน เรียกว่าขยับตัวยังไง ก็ได้เงินเข้ากระเป๋าแน่นอน แต่ในส่วนของส้ม อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะที่ผ่านมา ด้วยความที่แทบจะไม่เคยออกหน้า ไม่เคยถูกพูดถึง ไม่เคยเป็นที่รู้จัก แทบจะเรียกได้ว่าเป็น Nobody ในแวดวงทีวีด้วยซ้ำ ถ้าหมดจากรายการ “ตื่นมาคุย” ก็เท่ากับต้องมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่ ในช่วงจังหวะที่วงการสื่อทีวี โดนผลกระทบกับจากอิทธิพลการขยายตัวของโลกออนไลน์อย่างจัง จนล้มหายตายจากไปหลายสำนัก หรือที่ยังคงอยู่ ก็เร็ตติ้งต่ำเตี้ยเลี่ยดิน จนถูกสปอนเซอร์เมิน

ร่วมหัวจมท้าย ฝ่าฟันมาด้วยกันแท้ๆ พอมาถึงวันนี้กลับโดนทิ้งไว้กลางทางหน้าตาเฉย !!??

ล้อมกรอบ

ทำความรู้จักกับ “ส้ม-ณัชพร สายบัว” หนึ่งในหุ้นส่วนของวู้ดดี้เวิลด์ ก่อนจะถูกทิ้งไว้กลางทาง

หลายคนอาจจะคุ้นหน้า “ส้ม-ณัชพร สายบัว” มาก่อนหน้านี้แล้ว ในฐานะนักแสดงประกอบที่มีฝีไม้ลายมือการแสดงจัดจ้านไม่แพ้นักแสดงหลัก โดยเฉพาะผลงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็คือละครเวที “วิมานเมือง เดอะ มิวสิคัล” กับภาพจำในบทของโสเภณีประจำซ่อง กับคาแรกเตอร์ของผู้หญิงที่เปรี้ยว ซ่า ในชุดชั้นในสีแดงเพลิง ที่ออกมาวาดลวดลายเต้นรำด้วยท่วงท่าที่ยั่วยวน ไม่นับบทบาทในฐานะสาวใช้จอมแสบในละครหลายต่อหลายเรื่อง

"ตอนนั้นอายุ 20 ต้นๆ กำลังสนุกกับความฝันที่ได้เล่นละครเวทีจึงตัดสินใจลาออกจากงาน เพราะได้แสดงเรื่องวิมานเมือง กับอีกเรื่องเป็นละครเวทีเรื่องยักษ์ตัวแดง ไปแคสต์และได้บทเป็นนางเอก ต้องไปเล่นที่ญี่ปุ่น คือได้งานทั้ง 2 เรื่อง
ในวิมานเมืองที่คนจำได้คงเพราะส้มเป็นเหมือนเด็กบ้า ชื่อชาลอน แต่งตัวโป๊ นมหลุด เพราะใส่แค่ยกทรงกับกางเกงในขึ้นบนเวที แถมเต้นเต็มที่เรียกว่าโดดเด่นพอสมควร และจะสนิทกับวู้ดดี้ (วุฒิธร มิลินทจินดา) มาก เราเจอกันครั้งแรกก็จากละครเวทีเรื่องนี้”

และที่แซบไม่แพ้บทบาทการแสดงก็คือเรื่องของความรักที่ผ่านมาหลากหลายรูปแบบ ถ้าไม่นับเรื่องที่ถูกลือว่าเธอเป็นแฟนกับวู้ดดี้ สมัยที่เขายังไม่แกรนด์ โอเพนนิ่ง ครั้งหนึ่งเธอเคยคบหากับหนุ่มหล่อ ล่ำ ดีกรีเทรนเนอร์คิวทอง “โจ- ฐิติกร พนาวิวัฒนาการ” เจ้าของรอยสักสุดเท่ , พิธีกรรายการ IN Channel ช่อง 90 True Visions และเทรนเนอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ ProSlim & ChocoShape

แต่คู่ชีวิตในปัจจุบัน กลับกลายเป็นหนุ่มตาสีน้ำข้าว ชื่อ "ฟิลลิป สเตฟานเนสคู" ซึ่งเคยสร้างความฮือฮาด้วยการควงคู่มาถ่ายแบบสุดเซ็กซี่ ขณะที่ส้มอุ้มท้องได้ 7 เดือน ปัจจุบันมีลูกชาย 1 คนคือ “น้องพุท-พุทธรักษา” ซึ่งคลอดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมปีที่ผ่านมา

เห็นท่าทางเป็นสาวมั่น เปรี้ยว ซ่า ก๋ากั่น แบบนี้ แต่ในอีกภาคหนึ่ง ส้มก็เป็นคนที่ฝักใฝ่ในธรรมะ และพระพุทธศาสนา ถึงขนาดเคยโกนหัวบวชชีถึง 4 ครั้งมาแล้ว อาจจะเป็นเพราะธรรมะ ทำให้เธอพบกับแสงสว่าง ในวันที่ชีวิตเหมือนจะมืดดับ กับสารพันปัญหาที่รุมเร้า จนถึงขนาดเคยคิดจะฆ่าตัวตายมาแล้ว ตามที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

"ตอนนั้นจำได้ว่าอายุ 24 ถือเป็นช่วงชีวิตที่แย่มากที่สุดของส้ม มีแต่เรื่องแย่ๆ จนถึงขนาดคิดฆ่าตัวตาย พ่อของส้มที่ปกติไม่ค่อยได้เจอกัน ท่านเริ่มกลับเข้ามาในชีวิต และให้รถมาใช้คันหนึ่งหลังจากส้มเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่หลังจากเกิดเรื่องของแม่ได้อาทิตย์เดียว ท่านก็มาเอารถคืน แถมแฟนของส้มเองที่คบกันมาตั้งแต่เรียนหนังสือ ก็มาจับได้ว่านอกใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในอาทิตย์เดียว เหมือนโดนสึนามิถล่ม

จำได้ว่าตัวเองนอนนิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย คิดว่าจะทำอย่างไรดีกับชีวิต จะตายดีไหม หรือจะอย่างไร งานที่เคยมีก็ไม่มี และโดยเฉพาะเรื่องแฟนนี่ช้ำมาก เพราะส้มเป็นคนที่ทุ่มเทให้ความรัก เหมือนเราขาดมาแต่เด็ก และเขาเป็นยิ่งกว่าแฟน คือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของส้ม ดีจนขนาดที่ส้มไม่เชื่อว่าเขาจะนอกใจ เพราะที่ผ่านมาเขาทำให้ส้มเชื่อใจ 100%”

นอนเฉยๆ แต่คิดนะคะ คิดว่าจะตายที่ไหน คิดไปเรื่อย จะกระโดดน้ำตายก็ว่ายน้ำไม่เป็น อย่าเลย...กลัว ตัดสินใจว่าจะกินยาตาย แต่ก่อนตายขอไปทำบุญเข้าวัดก่อน ตัดสินใจเดินเข้าวัดแถวบ้าน ซึ่งไม่รู้ใครเอาหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์’ มาวางไว้ มีอะไรดลใจให้เปิดอ่าน คงเห็นมีรูปภาพ ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือจึงอ่าน

และพอได้อ่านแล้วอ่านไม่หยุด น้ำตาไหล ปิดหนังสือ...ฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย "

ทำให้ยังมี “ส้ม-ณัชพร สายบัว” ที่ถูกทิ้งไว้กลางทางในวันนี้
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 390 6-12 พฤษภาคม 2560


เมื่อครั้งรำแก้บน ที่มีรายได้ครบ 10 ล้านบาท
เทรนเนอร์โจ อดีตรักของส้ม

ภาพเซ็กซี่กับสามีปัจจุบัน ขณะตั้งท้องได้ 7 เดือน

กำลังโหลดความคิดเห็น