พิธีกรคนดังเล่าเรื่องในครอบครัวให้แฟนๆ ผู้ชมรายการได้รับฟังอย่างสะเทือนใจ เมื่อเขาในฐานะผู้เป็นพ่อ ต้องเฝ้ามองลูกชายแรกเกิด เข้ารับการผ่าตัด เพื่อรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ
หลังรายการของเขาต้องงดออกอากาศอย่างไร้สาเหตุไปหลายวัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จิมมี คิมเมล ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนได้ฟังกันในราย Jimmy Kimmel Live!
โดย คิมเมล บอกว่าภรรยาของเขาเพิ่งให้กำเนิดลูกชายที่เป็นทายาทคนที่ 2 ของเขากับเธอ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่แค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังลูกลืมตาดูโลก พยาบาลก็ตรวจพบความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจของลูก จนทำให้ต้องมีการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ซึ่ง คิมเมล บอกว่าในฐานะพ่อเขาแทบหัวใจสลาย ที่เห็นลูกที่มีอายุแค่ไม่กี่ชั่วโมง ต้องมาเข้าห้องผ่าตัด และนอนต่อท่อกับสายระโยงระยางทั่วร่าง
“แม้แต่คนไร้ศาสนาก็ยังสวดมนต์เพื่อเรา” คิมเมล กล่าวด้วยน้ำตาซึม แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายพิธีกรตลก ด้วยการหยอดมุกไปว่า ศัตรูคู่อาฆาตของเขาก็ยังร่วมให้กำลังใจด้วย “ผมไม่อยากจะพูดเลย แต่กระทั่ง แม็ต เดมอน ก็ยังส่งดอกไม้มาให้กำลังใจ”
โดยหลังทำการรักษา คิมเมล ได้เปิดเผยว่าลูกชายของเขาปลอดภัยแล้ว ซึ่งพิธีกรวัย 49 ปี ยังได้ใช้โอกาสนี้พูดสนับสนุน รัฐบัญญัติคุ้มครองผู้ป่วย หรือ “โอบามาแคร์” ที่เขาเชื่อว่าจะสามารถช่วยชีวิตเด็กๆ ที่มีอาการเหมือนลูกชาของเขา ให้สามารถมีชีวิตต่อไปได้
“เราถูกทำให้เชื่อว่าเราอยู่ในประเทศที่สุดยอดที่สุดในโลก แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนนับล้านๆ ในประเทศของเรา ไม่สามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ ก่อนปี 2014 หากคุณเกิดมาพร้อมกับอาการผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจเหมือนกับลูกของผม คุณก็อาจจะไม่ได้สิทธิ์จากประกันสุขภาพ เพราะจะถือว่าเป็นอาการที่มีมาก่อนการทำประกัน และถ้าพ่อแม่ของคุณไม่มีประกัน คุณก็อาจจะมีชีวิตที่ไม่ยืนยาวนัก”
“ถ้าลูกของคุณกำลังจะตาย มันไม่ควรขึ้นอยู่กับว่าคุณมีเงินมากพอรึเปล่า ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย รีพับลิกัน หรือ เดโมเครต ก็ควรเห็นพ้องกันใช่ไหมครับ” คิมเมล กล่าว “นี่ไม่ใช่การแข่งขันฟุตบอล ไม่ควรมีการแบ่งข้าง เราคือทีมเดียวกัน เราคือสหรัฐอเมริกา อย่าให้การแบ่งพรรคแบ่งพวกทำให้เราแตกแยก ในประเด็นที่จำเป็นสำหรับคนทุกคน”
แน่นอนคำพูดของ คิมเมล เป็นการแสดงความเห็นคัดค้านจุดยืนของ ประธานาธิบดี ทรัมป์ อย่างชัดเจน เพราะ ผู้นำคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ประกาศมาตลอดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับ โอบามาแคร์ หากเป็นไปได้ก็จะยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ และยืนยันว่าจะหา “สิ่งที่ดีกว่า” มาแทน