“กาละแมร์” เปิดใจพิธีกรแย่แห่งปี ยันแค่อยากเอ็นเตอร์เทน ไม่มีเจตนาร้าย ปัดเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ใช่ดรามาที่หนักที่สุด แต่ยอมรับถ้าไม่มีธรรมะคงออกจากวงการไปแล้ว ไม่เข็ดพิธีกรงานเกาหลี ชี้ไม่กลัว ตอนนี้อยากจะเต้นเกาหลีด้วย เผยอยู่วงการ 20 ปี แต่ก็ยังต้องเรียนรู้เพิ่ม
เจอดรามาแรงแถมได้รับแฮชแท็กพิธีกรแย่แห่งปี 2017 กรณีเป็นพิธีกรคู่ “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ในงานเปิดตัว ShowDC งานนี้ “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” เผยระหวางมาร่วมงานจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน วิชั่น ณ ชั้น 4 โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนท์ ยันแค่อยากเอ็นเตอร์เทน ไม่มีเจตนาไม่ดี แต่เป็นเรื่องที่ตนต้องเรียนรู้
“ก็อย่างที่เราได้เห็นไป แมร์กับวู้ดดี้เอาจริงๆ ตอนทำงานเราก็ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ และมีเจตนาดีกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินหรือว่าแฟนๆ อยากเอ็นเตอร์เทนทุกคนด้วยความสนุกสนาน บรรยากาศที่อยู่หน้างานตอนนั้นมันก็สนุกสนานกันดี หัวเราะกัน ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดเหมือนกันค่ะ เราก็งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอเราได้อ่านคอมเมนต์ได้เข้าใจเขา เราก็ลงขอโทษ เราก็บอกเลยว่าเราไม่รู้จริงๆ เราขอโทษจริงๆ เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ตลอดเวลาจริงๆ บางทีเขาก็จะมีวัฒนธรรมแบบของเขา หรือว่ามีสิ่งที่อันนี้พูดได้ อันนี้พูดไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ค่ะ”
“ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นแมร์ก็ถือว่าดีค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันดีอยู่แล้วเสมอค่ะ มันทำให้เราเติบโตขึ้น ทำให้เราได้รู้ว่าในโลกใบนี้มันยังมีอะไรที่เราจะต้องเรียนรู้อีกบ้าง ฉะนั้น สำหรับแมร์เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องเจออยู่แล้วในการทำงาน 20 ปีที่ผ่านมาค่ะ มันก็ต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อยู่แล้วเสมอ ก็ถือว่าทำให้เราได้เติบโตขึ้นค่ะ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าอันนี้ควร อันนี้ไม่ควร แต่ถามว่าหนักที่สุดมั้ย หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้วค่ะ (หัวเราะ)”
รับอ่านข่าวบ้างแต่ไม่อ่านทุกคอมเมนต์ และไม่ได้เครียดถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ
“อ่านบ้างค่ะ แต่ในช่วงสงกรานต์ก็จะมีไปทำบุญ ไปวัด มันก็มีเรื่องราวให้เราได้ไปทำสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง ฉะนั้น ก็พอรู้บ้าง แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็ทำให้เราได้เห็นถึงความรักของคนรอบตัวเรา ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน แต่แมร์บอกได้เลยค่ะไม่ว่าสิ่งอะไรที่เกิดขึ้นมันส่งผลดีต่อตัวเองอยู่เสมอค่ะ เราโตขึ้น เราเข้มแข็งมากขึ้น”
“ก็ไม่ได้อ่านทุกคอมเมนต์ขนาดนั้น ไม่ได้เครียดมากขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับขนาดนั้น เพราะโชคดีที่เรามีธรรมะเป็นเพื่อนคู่คิด มีการปฏิบัติ เรามีครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนเรา มีกัลยาณมิตรที่ดี เตือนสติกัน ให้กำลังใจกัน ฉะนั้น เวลามีอะไรเกิดขึ้นมันเป็นการเทสทดสอบตัวเองว่าสิ่งที่เราเรียนรู้ที่ปฏิบัติมาพอถึงวันจริงปุ๊บเราจะทำยังไง ถ้าสมมติเราไม่มีธรรมะหรือสิ่งที่เราได้ฝึกฝนมาก่อน เราอาจจะแย่ อาจจะอยู่ไม่ได้ ออกจากวงการดีกว่ามั้ย แต่ถ้าเราเข้าใจว่านี่คือธรรมดาของโลก มีคนรัก มีคนเกลียด มีสุข มีทุกข์ นี่คือธรรมดาของโลก ฉะนั้นเราต้องยอมรับมันให้ได้”
“ตอนนี้ไม่มีใครมาโจมตีแล้วค่ะ คือ ในรายละเอียดลึกๆ ลงไปเราก็ไม่ทราบชัดเจนมากนะคะ แต่เราก็พอเข้าใจ ส่วนเรื่องไม่ทำการบ้านมาก่อน จริงๆ การทำงานบนเวทีวันนั้นเป็นแบบปกติเลยค่ะ แมร์กับวู้ดดี้ก็ทำไปตามธรรมชาติ แซวเล่นอะไรกัน คือหน้างานก็สนุกสนานดีนะ เธอก็ยังขำกันดี คือมันเป็นช่วงเดดแอร์ที่เราก็อยากจะเอนเตอร์เทนให้ทุกคนไม่เบื่อ ทุกอย่างก็ทำไปด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ใจ คือเราก็ทำงานเพื่ออยากให้ทุกคนแฮปปี้ เรามีหน้าที่ตรงนั้น แต่มันก็อาจจะมีบางจุดที่ทำให้เรารู้ว่าตรงนี้เขาไม่ชอบ ตรงนี้เขาไม่ได้เห็นอย่างที่เราเห็น ซึ่งมันทำให้เรารู้ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่นะ มันมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้และยอมรับในความแตกต่างนั้น”
ไม่เข็ดงานเกาหลี บอกไม่กลัวแถมอยากจะเต้นด้วย
“อุ้ย อยากรับมากเลยค่ะ (ยิ้ม) ตอนนี้ดิฉันพร้อมแล้วค่ะ ดิฉันอยากจะเต้นเกาหลีด้วยเลยค่ะ คือไม่กลัวหรอกค่ะ ถ้ามีใครอยากให้เราปรับเปลี่ยนเราก็ยินดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นประโยชน์ต่อเรา มันทำให้การทำงานของเราเติบโตมากขึ้นแล้วเป็นประสบการณ์ที่ดี ทำให้การทำงานดีมากขึ้น (กลัวว่างานจ้างเกาหลีจะลดลงมั้ย?) คือโดยปกติส่วนใหญ่ก็จะมีให้ไปสัมภาษณ์ออกทีวีอยู่แล้วค่ะ”
เมินได้แฮชแท็กพิธีกรแย่แห่งปี เข้าใจความรู้สึก ไม่โกรธ และตนไม่ได้มีเจตนาร้าย
“ก็ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นกันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะรู้จักตัวเราดีที่สุด เรารู้ว่าสิ่งที่ทำไปไม่ได้มีเจตนาร้ายกับใครเลย อยากให้เขามีความสุขสนุกกัน ฉะนั้นเราก็เข้าใจในความรู้สึกของเขา ไม่โกรธค่ะ”
“ที่บอกว่าศิลปินไม่พอใจ คือ ศิลปินก็ยังขอบัตร S2O ของวู้ดดี้นะคะ (หัวเราะ) เราคิดว่าศิลปินไม่น่ามีอะไร มีการคุยมั้ยเหรอ คือมันเป็นการเข้าถึงที่ยากมากนะคะ แมร์คิดว่าในระดับศิลปินทุกคนโอเคค่ะ มาจับมือเรา ความจริงเราไม่กล้าจับมือเขาด้วยซ้ำ แต่เขายื่นมือมาจับ เราก็จับ ศิลปินทุกท่านน่ารักอยู่แล้วค่ะและเข้าใจในการทำงานซึ่งกันและกัน เขาผ่านเวทีมาเยอะ และเราในฐานะพิธีกรก็อยากจะทำให้งานออกมาดีที่สุดค่ะ”