“จุ๋ย วรัทยา” เผยสวีต “พุฒ” ราคาประหยัดแค่หลักร้อย สนุกแต่งตัวธีมเดียวกัน มั่นใจคดีความจบเพราะได้ผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรมมาช่วยดูแล ยันไม่เรียกร้องอะไรแค่ต้องการกู้ศักดิ์ศรีคืน
เพิ่งควงแขนไปสวีตเกาหลี แต่งตัวธีมเดียวกันตั้งแต่หัวจรดเท้า สำหรับ “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” และ “พุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน” ล่าสุด ได้เจอตัวจุ๋ยในงานเปิดตัว “เมิร์ซ เอสเธติกส์” ลานลิฟต์แก้ว เซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวก็แผยว่าที่เห็นออกมาสวีตๆ ที่จริงราคาแค่หลักร้อยเท่านั้น
“สนุกดีค่ะ แต่ก็ได้หวัดกลับมาด้วย ก็เป็นก๊วนที่เราไปเที่ยวกันอยู่แล้วค่ะ ก็จะมีพี่เป้ คิริน พี่อร ที่ดูแลจุ๋ย แล้วก็พุฒ ซึ่งก็จะเป็นก๊วนที่เราจะนัดกันทุกอาทิตย์อยู่แล้วในการกินข้าว จะมีโปรเจกต์ต่างๆ ร่วมกัน แต่ทริปนี้ไปด้วยกันแบบเต็มตัวค่ะ จริงๆ เมื่อปีที่แล้วก็ไปเจอกันที่สวิส นะคะ ปีนี้ก็เอาใกล้ๆ เพราะว่าเวลาที่เรามีก็น้อยลง ไปมาประมาณ 7 - 8 วันค่ะ”
“ที่ดูหวานมันเป็นสิ่งที่พี่เป้คิด เพราะว่ามันเป็นช่วงซากุระ เสื้อชมพูกำลังมา แต่ต้องบอกว่าที่เราแต่งกันเป็นกรุ๊ปเนี่ยเราไม่ได้ใช้ตังค์เปลืองเลยนะ ราคาย่อมเยาว์มากๆ เลย ตัวละหลักร้อย แต่พอถ่ายรูปมาแล้วมันดูดี (หัวเราะ)”
“ชุดเป็นคู่ก็มีคนชอบเยอะนะคะ มีคนส่งไดเร็กแมสเสจมาถามพี่อรส่วนตัวเลยว่าเสื้อซื้อที่ไหน ถามจุ๋ยว่าเวลาแต่งอย่างนี้มันยากมั้ย ก็ง่ายๆ ค่ะ สบายๆ นัดกันแต่งเป็นกรุ๊ปมันก็มีธีมในการถ่ายรูป ก็เป็นสีสันในการไปเที่ยวที่เราไม่ต้องเปลืองตังค์มาก ชุดเราก็ไม่ได้ต้องแบรนด์เนม นี่ซื้อกันตัวละหมื่นวอนเองนะ”
ยิ้มรับคู่เหมือน สนุกสนานแต่งตัวธีมเดียวกัน
“ก็เป็นปกติอยู่แล้วค่ะที่เวลาเราไปเที่ยวก็อาจจะมีชุดที่มันคล้ายๆ กัน แต่งในธีมเดียวกัน มันเหมือนสนุกสนานมากกว่าในการไปเที่ยวน่ะค่ะ”
“ก็เป็นทริปพักผ่อนประจำปีค่ะ ต้องบอกว่าจุ๋ยจะมีวันพักผ่อนได้แค่ช่วงปีใหม่กับสงกรานต์ ถ้าไม่รับงานก็จะเป็นช่วงที่ได้หยุด ก็ต้องตัดสินใจว่าทั้งปีถ้าเราเหนื่อยมาแล้วก็เป็นช่วงที่ขอไปพักผ่อนบ้าง ก็อาจจะเป็นต่างประเทศหรือในเมืองไทยก็แล้วแต่ แต่จุ๋ยกับพุฒเพิ่งไปประจวบฯ ไปราชบุรีมา ก็เลยตกลงว่าไปเกาหลีแล้วกัน”
บอกรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ได้ทุกวันไม่ใช่เฉพาะสงกรานต์ รู้สึกดีมาก ได้ทำพิธีกรรมขอขมาพ่อแม่ ร้องไห้กันระงม
“ไปก่อนหน้านี้ค่ะ จริงๆ ต้องบอกว่าการรดน้ำไม่ใช่เฉพาะแค่วันสงกรานต์หรือวันครอบครัว แต่ทำได้ทุกวันค่ะ วันเกิดจุ๋ยปีนี้ก็ตั้งใจว่าจะกลับไปรดน้ำคุณพ่อคุณแม่เหมือนกันค่ะ แต่พุฒเขาเคยไปสวัสดีปีใหม่พ่อกับแม่แล้วค่ะ บรรยากาศสนุกสนาน แล้วก็อบอุ่นสำหรับครอบครัว เราก็เคยรดน้ำดำหัวป๊าม๊าพุฒเหมือนกัน เขาก็ดีใจเนอะผู้ใหญ่ เราก็มีเขินๆ นิดหนึ่ง มีพิธีมีดอกมะลิ คือแต่ละปีก็ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าเราสะดวกหรือมีแพลนไปไหนมากกว่า”
“ก็ทำเป็นประจำทุกปีค่ะ สมมติว่าไม่ใช่วันสงกรานต์หรือวันครอบครัว จุ๋ยก็จะทำวันเกิดตัวเอง สามารถทำวันไหนก็ได้นะที่เรารู้สึกสบายใจ เพราะจุ๋ยรู้สึกว่าในการที่เราไปรดน้ำดำหัวคุณพ่อคุณแม่หรือล้างเท้าให้ท่าน แต่มีพิธีกรรมนิดหนึ่งนะ เตรียมอย่างดีด้วยใจ มีผ้าขาว มีขันใบใหญ่เอาไว้ให้เขาล้างเท้า แล้วก็มีธูปเทียนแพ พวงมาลัยสั่งร้อยอย่างดี แล้วก็ขอขมาในสิ่งที่เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราทำไปนี่ดีหรือไม่ดี หรือมันอาจจะมีผลทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ ก็เหมือนได้เปิดใจตัวเองทั้งหมด พูดไปก็ร้องไห้ไป คุณพ่อคุณแม่ก็ร้องไห้ด้วย ก็เป็นการขอพร ขออโหสิกรรมคุณพ่อคุณแม่ ขอขมาในสิ่งที่ลูกอาจจะล่วงเกินตั้งแต่เด็ก มันดีมากๆ เลย พิธีกรรมนี้จุ๋ยชอบมาก ก็ฝากแล้วกันค่ะ วันดีๆ ที่เราว่างก็ลองทำดู จะประทับใจและมีความสุขกับมัน”
“ส่วนบ้านพุฒที่ราชบุรีไปมาก่อนหน้านี้ค่ะ แป๊บหนึ่ง แต่ก็อาจจะไม่ได้ไปบ่อยมากค่ะ ผลัดๆ กันไป แต่ถ้าเกิดว่างตรงกันก็จะแบ่งกันไปราชบุรีบ้าง ไปประจวบฯ บ้าง แต่ถ้าเกิดว่างไม่ตรงกันก็จะแยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมัน (หัวเราะ)”
“วันเกิดที่จะไปประจวบฯ จุ๋ยไม่แน่ใจว่าพุฒว่างหรือเปล่า เพราะพุฒเพิ่งไปทริปพี่เป้ คีรินที่ไปประจวบฯ กันมา ไปกันชุดใหญ่ไฟกะพริบอยู่แล้วค่ะ พ่อกับแม่ก็เตรียมอาหารไว้ต้อนรับ ซึ่งอาหารที่ประจวบฯ นี่อร่อยและถูกมาก ใครอยากไปเที่ยวก็ไปได้นะคะ”
คืบหน้าคดีฟ้องหมิ่น ได้ผู้ใหญ่จากกระทรวงยุติธรรมเข้ามาดูแล มั่นใจจบดี อีกฝ่ายติดต่อขอยอมความแล้ว
“จริงๆ คือโชคดีมีผู้ใหญ่จากกระทรวงยุติธรรมเข้ามาช่วยในการดูแลคดีนี้ ช่วยให้คำปรึกษาค่ะ จริงๆ แล้วทางคู่กรณีเขาขอยอมความนะคะ เขาติดต่อมา และมีที่ต้องมาสอบปากคำเพราะว่าเราแจ้งความไปแล้ว เขาติดธุระไม่ว่างเขาก็ให้ทนายส่งมาเลื่อนวันเวลา เราก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรค่ะ ที่ทำไปเพื่อให้เป็นกระบวนการของสิ่งที่มันถูกต้อง และเป็นการยืนยันในสิ่งที่มันปลอม แค่ตรงนั้นจริงๆ ถ้ามีการมาพูดคุยหรือขอยอมความเดี๋ยวก็คงคุยกันภายหลัง เพราะจุ๋ยก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร แต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกๆ คนว่าถ้ามันไม่จริงก็อย่าออกมาทำแบบนี้ มันเสียหายและเสียเวลา จริงๆ เสียเวลาจุ๋ยมากเลยนะ จริงๆ จุ๋ยไม่ได้อยากทำอะไรแบบนั้นนะ แต่ว่าก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเราด้วย ปกป้องความถูกต้องของเราด้วยค่ะ”
“ก็มีน้องคนหนึ่งที่เป็นนักข่าวติดต่อมา เขาบอกว่าหนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะพี่ หนูอายุ 20 เอง หนูไปเอามาจากคอมเมนต์แล้วไปเขียนต่อ แล้วเขาก็มีพ่อแม่ต้องเลี้ยงดูอะไรแบบนี้ เราก็ไม่เอาความอยู่แล้ว คือ จุ๋ยก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องราวที่เราต้องแค้นเคืองอะไรกันขนาดนั้น แต่อยากให้รู้ว่ามันเป็นผลเสียนะ เพราะคดีแบบนี้มันยอมความกันได้ค่ะ แต่อยากให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมมากกว่า ให้เขาได้เข้ามาในส่วนของกระบวนการยุติธรรมว่าถ้าเขานำเสนอสิ่งที่ไม่จริง แล้วมันมีผลเสียต่อผู้อื่น มันก็สร้างความลำบากให้กับตัวเองแบบนี้เท่านั้นเองค่ะ”
“ถ้ามีเรื่องอีกก็จะเอาจริงค่ะ คือโชคดีที่ได้ผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรม คือเขาใหญ่มากเลยมาคอยดูแล ก็เลยจะคอยมารายงานเราตลอดว่าตอนนี้ความคืบหน้าเป็นยังไง คือถ้าไปถามพุฒเขาก็อาจจะไม่รู้ เพราะเป็นเพื่อนของคุณอาจุ๋ย เขารายงานมาทางฝั่งเรา ก็จบด้วยดีค่ะ ถ้าพี่เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำไปมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันผิดและทำให้คนอื่นเสียชื่อเสียง และยินดีขอโทษ เห็นหน้าค่าตากันและจะไม่ทำกันอีก จุ๋ยว่าก็เป็นเรื่องน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ก็ยอมอยู่แล้วค่ะ”
“ส่วนเขาจะนัดขอโทษเมื่อไหร่ อันนี้คงต้องรอกระบวนการสอบปากคำของตำรวจก่อน ยังไงมันถึงคดีการแจ้งความไปแล้ว มันต้องดำเนินการต่อให้ไปถึงจุดนั้นก่อน พอสอบปากคำเสร็จได้ความว่ายังไงก็คงมานัดเราเพื่อไปเจอคู่กรณีและยอมความกัน”