xs
xsm
sm
md
lg

วันวาน-วันนี้ของ "เจี๊ยบ พิสุทธิ์" ภาพลักษณ์เปลี่ยน แต่จิตวิญญาณยังเหมือนเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับตั้งแต่หันมาจับงานทางด้านการเมืองก็ต้องบอกว่าค่อนข้างจะเปลี่ยนไปจนหลายคนจดจำภาพเก่าๆ แทบไม่ได้เสียแล้วสำหรับอดีตนักร้องร็อกเกอร์ นักแต่งเพลงชื่อดังแห่งยุค 90 อย่าง "เจี๊ยบ พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร"

ที่ผ่านมา หากพูดถึงเจ้าของเพลงฮิตชื่อดังที่เจ้าตัวแต่งเองร้องเอง และแต่งเองให้คนอื่นร้องคนนี้ อาทิ รักไปช้ำไป, พร้อมจะยอมแพ้ , สยามพาเหรดถึงผู้ทำลาย, แจ๋วจริง, ไม่ต่างกัน, อรุณสวัสดิ์, ขอคืน, ข้าวมันไก่ ฯลฯ หลายคนคงจะต้องนึกถึงภาพของหนุ่มร็อกเกอร์ผมยาว มีผ้าคาดหัว ใส่กางเกงขาเดฟ ฯ

อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ กับบทบาทของการเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโครงการเสียงปฏิรูป สปท. ของเจ้าตัว ภาพดังกล่าวได้หายไปแล้วแต่กลายเป็นหนุ่มใหญ่ ผมสั้น ใส่สูทผูกไทด์ เข้ามาแทน

"ย้อนไปเราก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งนะ ผมยาว ฮิปปี้ เล่นเพลงร็อก บางคนก็บอกตัดผมทำไม คืออย่างเมทัลลิก้ายังตัดผมเลย(หัวเราะ) คือ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของยุคและวัยของเรา วันนี้เราเดินผ่านกาลเวลา ผ่านบทบาทแบบเดิมแล้วมาสู่หน้าที่การงานอีกบทบาทนึง"

"วันนี้เราไปทำงานอีกหน้าที่หนึ่ง ต้องมีการพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ เราก็คิดว่าน่าจะสุภาพจะดีกว่า"

อดีตร็อกเกอร์คนดังเผยว่าการเข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโครงการเสียงปฏิรูปประเทศ ในนาม สปท. นั้นถือเป็นโอกาสดีของตนเองในการที่จะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ซึ่งแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไป(มาก) แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าจิตวิญญาณภายในของตัวเองนั้นยังคงเหมือนเดิม

นอกจากนี้บทบาทหน้าที่ของเจ้าตัวก็ยังคงอยู่ในสายงานที่ตนเองถนัด นั่นคือการทำงานเพลงให้กับหน่วยงานองค์ กรต่างๆ เช่น แต่งเพลงรณรงค์เลิกใช้ความรุนแรงกับสตรีและเด็กให้กับคณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ของทางสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. หรือจะเป็นเพลงอย่าง “ดีใจได้เรียนฟรี (ลุงตู่จัดให้)”

"ผมมองว่าในชีวิตของคนเรา เราสามารถทำอะไรได้มากกว่าหนึ่งอย่างได้มากกว่าหนึ่งบทบาท"

"เมื่อหลายปีก่อน พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร คนที่เป็นผู้ชายไว้ผมยาว เค้าก็อยู่ในช่วงเวลานั้น ทำเพลงรับใช้ยุคนั้น แต่วันนี้เค้าเดินผ่านเวลามาแล้ว เค้ามีประสบการณ์ เค้ามีความคิด เค้าก็อยากเสนอประสบการณ์อยากเสนอความคิดของเค้าในอีกรูปแบบหนึ่ง"

ย้อนกลับไปไม่กี่ปีที่แล้ว เจี๊ยบ พิสุทธิ์ เคยลงสมัครรับเลือกตั้งในนามสมาชิกของพรรคมาตุภูมิมาแล้ว ซึ่งเมื่อถูกพูดถึงการเข้าไปเป็น "นักการเมือง" หลายคนอาจจะรู้สึกยี้ แต่สำหรับอดีตร็อกเกอร์ชื่อดังแล้วเจ้าตัวหาได้สนใจตรงนั้นมากไปกว่ารู้ว่าสิ่งที่ตนเองจะทำแต่อย่างใด

"ตอนนั้นผมรู้สึกแค่ว่า ผมเป็นนักดนตรีพเนจร เป็นนักดนตรีคนหนึ่ง แล้วผู้ใหญ่ให้โอกาสมาช่วยงานเราก็ไม่ควรจะปฏิเสธโอกาส เพราะผมคิดเสมออยู่แล้วว่าถ้ามีโอกาสมาทำงานให้กับประเทศชาติบ้านเมืองในเรื่องที่เกี่ยวกับความสามารถที่เรามีอยู่ เราก็น่าจะทำ"

ทั้งนี้เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งที่เจ้าตัวอยากจะทำ ณ ตอนนี้ เจ้าตัวตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าอยากจะแก้ไขเรื่องกฏหมายให้ความเป็นธรรมกับผู้สร้างสรรค์สิทธิ์ และการส่งออกวัฒนธรรมที่ดูเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้

"สิ่งที่เราไม่เคยทำเลยก็คือเรื่องของการสร้างงานแบบบูรณาการ ทั้งเพลง ภาพยนตร์ อย่างวันนี้ใครจะไปคิดว่ามวยไทยจะดังไปทั่วโลก แล้วมีใครมาต่อยอดหรือยัง ฟีฟ่ายังคุมเรื่องบอล แล้วมวยไทยล่ะ ทำไมเราทำไม่ได้ ผมมองว่าเรายังมีโอกาสที่จะส่งออกวัฒนธรรมอย่างที่อื่นเค้าทำกัน"

"จะเป็นเกาหลี ฮอลลีวูด บอลลีวูด ล่าสุดก็รัสเซีย รู้มั้ยว่าเดี๋ยวนี้เค้ามาหันมาบุกเรื่องวัฒนธรรมหนังมากขึ้น เค้าเอา อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ มาเล่นกับเฉิน หลง แล้ว ขณะที่ของเรานั้นมีหมดทั้งวัฒนธรรม เรื่องอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว เราเพียงแค่รอการเข้ามาต่อยอดให้มันเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแค่นั้นเอง..."
...
หมายเหตุ : ติดตามชมบทสัมภารณ์ทั้งหมดได้ที่รายการ พระอาทิตย์ LIVE ช่อง News1

กำลังโหลดความคิดเห็น