“อาร์ อาณัตพล” ยอมรับห่วงแฟนเก่า ดรามาถาโถม หลุดเปรยเหมือนอยู่คนเดียวในโลก เชื่อไม่คิดสั้น ถึงจะนอยด์แต่กำลังใจดี ชี้ ไม่เคยมีนิสัยก้าวร้าว คาดคุยผ่านคนกลาง - สื่อสารคลาดเคลื่อน ด้าน “บอย ถกลเกียรติ” ลั่นเป็นเด็กน่ารัก บอกดีลงานเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องปรับตัว
กำลังเป็นประเด็นร้อนแรง สำหรับกรณี “ซอ จียอน” มีปัญหากับ “พชร์ อานนท์” ก่อนจะลุกลามถูกปลด 2 รายการรวดโดย “เป็ด เชิญยิ้ม” จนทำให้เจ้าตัวเครียดหนักชักมือหงิกเข้าโรงพยาบาล ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เจอกับ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” และ “อาร์ อาณัตพล ศิริชุมแสง” ซึ่งเคยร่วมงานกับสาวจียอนมาก่อน ทั้งคู่ยืนยันในงานแถลงข่าว คอนเสิร์ต 10 ปี เมืองไทยรัชดาลัย The musical celebration ณ ห้องมินิเธียเตอร์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเอสพลานาด บอกจียอนเป็นคนที่น่ารัก คาดสื่อสารผ่านคนกลางแล้วอาจคลาดเคลื่อน
คุณบอย : “ผมได้ยินข่าวประมาณเสี้ยวหนึ่ง และผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร ผมจะให้ความคิดเห็นเรื่องนี้ไม่ค่อยจะได้ แต่ถ้าถามว่าจากที่เคยร่วมงานกับจียอน เขาเป็นเด็กน่ารัก ก็ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้มีอะไรไม่ดี เขาก็น่ารักของเขา ผมว่าบางทีมันเป็นเรื่องของการสื่อสาร ทุกวันนี้เขาก็ยังพูดไทยคำเกาหลีคำ ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ คุยกับเขาดีๆ ผมว่าทุกวันนี้ทุกอย่างมันไปเร็ว แล้วบางทีการสื่อสาร คนนี้สื่อสารผ่านคนนี้คนนั้นผ่านกี่คน บางทีคุยกันตัวต่อตัวยังเข้าใจกันประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์เลยอย่าว่าแต่คุยผ่านกันเลย จียอนน่ารักครับ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร”
“เรื่องการทำงาน ความรับผิดชอบมันก็ส่วนหนึ่ง ผมตอบไม่ได้ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกวันนี้ทุกคนมีจุดมุ่งหมายในชีวิต มันอาจจะแตกต่างจากสังคมไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่ว่าผู้ใหญ่ชี้นิ้วแล้วเด็กต้องทำตาม อันนี้มันต่างกัน มันเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ ดังนั้นทุกคนต้องเรียนรู้ เด็กก็ต้องเรียนรู้ว่าจริงๆ มันคืออะไร และผู้ใหญ่ก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะดีลกับเด็ก อันนี้ผมพูดทั่วไปนะไม่ได้หมายถึงใคร”
“ทุกวันนี้ผมก็ต้องบอกกับทีมงานของผมในเรื่องการดูแลศิลปิน ทุกคนเขามีชีวิตของเขานะ เขามีทางเดินของเขาขึ้นอยู่กับว่าจะมาเจอกับเราหรือเปล่า เราก็ต้องปรับและเปิดใจมากขึ้น ความรับผิดชอบนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง การจะผิดคำพูดกันมั้ย อันนั้นผมไม่ทราบ ผมคิดว่าทุกวันนี้สังคมต้องเปิดใจกันมากขึ้นเพราะทุกคนก็พูดออกสาธารณะได้ทุกเมื่อผ่านโทรศัพท์มือถือโซเชียลของตัวเอง มันเป็นไปได้หมด เราก็ต้องยอมรับความจริง เขาทำงานกับเราอยู่มั้ย จำไม่ได้ครับ ช่วงนี้มีเล็กน้อยประปรายครับ แต่ว่าผมก็ไม่ได้มีปัญหา”
ด้าน “อาร์ อาณัตพล” ยอมรับเป็นห่วง คาดสื่อสารไม่ตรงกัน ยันจียอนไม่มีนิสัยก้าวร้าว
“จริงๆ ก็เป็นห่วงมากครับ ถาโถมมาเยอะขนาดนี้ เราเป็นคนที่ไม่ตามข่าว ไม่ดูคลิป ดูอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าดูแล้วยิ่งเป็นห่วงน้องเขา ก็ไลน์ไปถามตั้งแต่แรก แล้วก็คุยกับผู้จัดการเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริงๆ แล้วผมว่ามันเป็นการสื่อสารไม่ตรงกันมากกว่า จริงๆ น้องเขาเป็นคนน่ารักครับ ส่วนตื้นลึกหนาบางผมไม่ได้ถามตรงนั้น แค่ให้กำลังใจเขา”
“เรื่องนิสัยก้าวร้าวไม่เคยเจอแบบนั้น มันอาจจะเป็นเพราะตอนนี้น้องมีงานเยอะมาก อาจจะรับงานเยอะจนงานซ้อน ก็อาจจะต้องรีบไป จัดระเบียบไม่ถูก คืออันนี้ผมเดาว่าเป็นแบบนี้ จริงๆ น้องเขาไม่ได้มีนิสัยอย่างนั้นครับ ก้าวร้าวอะไรแบบนี้ไม่มีครับ ส่วนตัวผมคิดว่าน้องอาจจะงานเยอะมาก อาจจะต้องจัดระเบียบเวลา”
“ส่วนที่น้องเข้า รพ. อันนี้บอกตรงๆ ว่าผมไม่รู้เลย เพิ่งรู้ตอนที่น้องเขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ถามว่าเป็นยังไง เขาก็บอกพักผ่อนน้อย เครียดด้วย เราก็ให้คำแนะนำไปไม่เยอะครับ น้องเขาน่าจะมีคนให้คำปรึกษาอยู่แล้วครับ ผู้จัดการเขาก็ดี ก็ให้กำลังใจ ผ่านจุดนี้ไปมันก็ไม่มีวันที่เลวร้ายตลอดเวลาหรอก ผ่านอันนี้ไปเดี๋ยวมันก็ดีเอง เดี๋ยวก็เข้มแข็งขึ้นนะ”
นอยด์หนัก จริงจังในชีวิต เผยอีกฝ่ายเปรยเหมือนอยู่คนเดียวในโลก
“เขาไม่ค่อยแสดงออกให้ผมเห็นนะ แต่เขาคิดว่าเขาอยู่คนเดียวในโลก เราก็บอกไม่ใช่ดิ เราต้องมองคนที่รักและเป็นห่วงคอยให้กำลังใจเราเยอะแยะก็มี เขาเป็นคนที่นอยด์หนัก เป็นคนจริงจังในชีวิต ทุกอย่างไม่ว่าจะทำงานหรือทำอะไรในการใช้ชีวิต เขานอยด์ไปเลย”
เชื่อไม่คิดสั้น ถึงจะนอยด์แต่กำลังใจดี
“เขาไม่มีมาร้องไห้ เพราะเราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ผมรู้ว่าเขางานหนักมาก ก็เลยไม่อยากโทร.ไปกวนครับ จีไม่เป็นคนคิดสั้นแบบนั้นแน่นอน เขาเป็นคนมองโลกในแง่บวก กำลังใจเขาดี ถึงจะเป็นคนนอยด์ แต่เขาก็หามางออกได้ด้วยวิธีการของเขา ผมว่ามันเป็นการให้เวลาแหละ ให้เวลากับตรงนี้หน่อยเท่านั้นเอง”
เผยอีกฝ่ายอยู่เกาหลี เชื่อคุยผ่านคนกลาง อาจตีความคลาดเคลื่อน
“กับชมพู่ ก่อนบ่าย ก็ยังให้กำลังใจกันในไลน์กรุ๊ปนะครับ ตอนนี้น้องก็น่าจะอยู่เกาหลี ซึ่งเขาไม่เคยบ่นให้ผมฟังว่าไม่อยากทำตรงนี้แล้ว แต่เท่าที่ฟังจากผู้จัดการคือเหมือนเกิดจากการเข้าใจผิด ผมว่ามันเป็นการสื่อสารแล้วเข้าใจไปคนละทาง เหมือนกับว่าเราตั้งใจจะบอกกับผู้ใหญ่แบบนี้ แต่ว่าคนกลางอาจจะไปพูดอะไรไม่รู้ อาจจะตีความคลาดเคลื่อนไปนิดหนึ่งอะไรประมาณนี้ครับ”