“เหมย” แฟนเก่า “เทพพิทักษ์” มาแล้วจ้า มาช้าแต่มาเต็ม จัดชุดใหญ่คอมโบ้ฟาดปาก “เทพพิทักษ์” โต้สูบเงินจนหมดตัว ยันฝ่ายชายไม่เคยมีเงินล้าน โกหกเรื่องขายรถมาจ่ายค่าห้อง ยันตนเป็นฝ่ายไปหายืมเงินมาจ่าย แฉคบกัน 3 เดือนให้ใช้เงินวันละ 500 เหลือต้องทอนคืน กินข้าวตลาดนัด เหล้าที่ดีที่สุดรีเจนซี่ หรูสุดได้กินพิซซ่า ตอนหลังไม่มีตังค์เหมยต้องทำงานร้านเหล้าชงเหล้าหาเลี้ยงอีก ท้าเจอหน้าขอเคลียร์ อยากถุยน้ำลายใส่
หลังจากตกเป็นข่าวให้คนด่าเล่นๆ อยู่นานจนคนมองว่า “เหมย นารีรัตน์ สำเภาเงิน” หลอกเอาเงินกว่าล้านบาทของ “เทพพิทักษ์ แอลสะ" เน็ตไอดอลหน้าขาวปากแดง อดีตแฟนหนุ่มไปไปจนหมดตัว จนเจ้าตัวต้องเร่ร่อนไปนอนวัด ก่อนจะไปตกเป็นข่าวปิ๊งกับ "เจ๊หนึ่ง บางปู" นักธุรกิจ 100 ล้าน ฝ่ายหญิงหลงหนักถึงขั้นถอยรถสปอร์ตคันละหลายล้านให้ขับ กลายเป็นตำนานนางฟ้ากับพญาปลวก ล่าสุดเจ้าตัวออกมาพูดเองหมดเปลือกทุกซอกมุมว่า แท้จริงๆ เทพพิทักษ์ ไม่ได้มีเงินล้าน คบกัน 3 เดือนยังไม่เคยเห็นเงินล้านเลย แถมยังให้ใช้เงินวันละแค่ 500 บาท เหลือต้องคืน! กินข้าวตลาดนัด เหล้าที่ดีที่สุดรีเจนซี่ หรูสุดได้กินพิซซ่า
"วันนี้ออกมาพูดเพราะว่าความจริงมันไม่ได้เป็นแบบที่เขาพูดเลย ทุกเรื่องที่เขาพูดก็มีบางเรื่องที่จริง แต่บางเรื่องก็ไม่จริง เริ่มรู้จักเมื่อเดือนกรกฎาคม เพื่อนแนะนำให้รู้จักกัน ก็คุยกันแล้วก็นัดเจอ และเขาก็พาไปเที่ยวลพบุรี เสร็จแล้วก็ไปหนองบัวบ้านเขา และพอกลับมาช่วงเดือนสิงหาก็ยังมีไปเที่ยวโน่นกันอยู่ เพราะเขาทำงานวันเว้นวัน คือตอนแรกเรารู้จักเขา แต่ไม่ใช่ในฐานะนักแสดง ซึ่งตอนที่ตัดสินใจคบก็เพราะว่าพอคุยกันไปมันก็โอเค เขาดีนะในช่วงแรกๆ เขาดูแลเราดี ไม่มีทะเลาะ เวลาเราไปบ้านเขาก็ดี แม่เขาก็ดี คือเขาดูแล โอเคในทุกๆ ด้าน ก็เลยคบกันย้ายมาอยู่ด้วยกัน”
“ยืนยันค่ะว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันเพราะเขาดีค่ะไม่ใช่เพราะเปย์ ไม่มีค่ะ เราก็ไม่ใช่ลูกคุณหนูมาจากไหน รับงานกลางคืนบ้าง เราเป็นคนธรรมดา บ้านก็ไม่ได้เลิศหรู พ่อแม่ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน หน้าตาเราก็ไม่ใช่ว่าจะสวยเป็นพริตตี้อะไรขนาดนั้น คนก็เลยคิดว่าเราอยู่เพราะเงินหรือเปล่า ถ้าเขาจะคิดแบบนี้ก็ไม่ผิดค่ะ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราอยู่กับเขาไม่เคยเอาเงินมาใช้ส่วนตัว พี่เทพขอเงิน 5 หมื่นได้ไหมไปทำนมใหม่ ไม่เคยมีแบบนี้"
"คบกับเน็ตไอดอลชีวิตไม่ได้ดีขึ้นเลย โดนคนอื่นมาด่าแม่ของเรา อยู่ดีๆ ก็มีคนมาด่าก-หรี่ ไปหลอกแดกเขา มันไม่ใช่เรื่อง ชีวิตมันไม่ได้ดีอย่างที่คนอื่นมอง เสื้อผ้าของเรายังไม่เคยขอเงินเขาซื้อเลย เราใส่เท่าที่มีในตู้ อาจจะซื้อบางตัวแต่ตัวละร้อยตามตลาดนัด ก็อยู่กันแต่ในห้องไม่ได้ไปเที่ยวปาร์ตี้ดูคอนเสิร์ตอะไรไม่มีค่ะ แต่ถ้าเขาไปไหน เราก็ไปกับเขาทุกที่ค่ะ ที่ๆ เขาไปต้องมีเรา เมนูที่หรูที่สุดคงเป็นพิซซ่ามั้ง เหล้าดีที่สุดก็รีเจนซี่มั้ง อาหารปกติที่กินด้วยกันก็ซื้อส้มตำมากินกัน ทุกอย่างซื้อที่ตลาดนัดหมดเลย"
“เทพพิทักษ์” ให้ใช้เงินวันละ 500 เหลือต้องทอน อยู่ได้กัน 3 เดือนได้เงินมา 45,000 ยันไม่ได้ผลาญเงินหมดเป็นล้าน เพราะไม่เคยเห็นเงินล้านในบัญชีของเทพพิทักษ์
“ตอนที่เขาอยู่กับเราก็มีข่าวออกมาว่า เขามีเงินเก็บเป็นล้านๆ เขายังบอกกับเราเลยว่า จะมีได้ยังไง เพิ่งเข้าวงการ เราก็เชื่อเขา และในตอนนั้นเฟสบุคของเรายังตั้งว่า อยากจะเอาสมุดบัญชีให้ดูซะเหลือเกินว่ามีเงินถึงล้านจริงหรือเปล่า ช่วงที่คบกันเขาก็ให้กิน ให้เงินใช้วันละ 1,000 บาท ถ้าเงินเหลือ 200 บาทเขาก็เก็บเงินคืนเข้ากระเป๋าเขาไป ตอนคบกันหนูไม่มีเงินติดกระเป๋าสักบาทเลย คือเรากินอยู่ด้วยกัน จะคิดเป็นเงินยังไง งั้นเฉลี่ยว่าใน 1 พันบาท กินอยู่ด้วยกันก็คนละ 500 เริ่มจากเดือนกันยา แต่ในสองเดือนแรกไม่นับเพราะเป็นช่วงจีบกัน คบกันประมาณ 3 เดือนรวมๆ ก็น่าจะประมาณ 45,000 บาท และรวมที่ให้แม่หนูไปอีก 10,000 บาทก็ได้รวมๆ ประมาณนั้น หนูไม่เคยไปกดเงินของเขาเอามาใช้เลย ยืนยันให้ตายว่าก็ไม่เคยเอาเงินของเขาไปค่ะ เรื่องเงินล้านอันนั้นไม่ทราบ ก่อนเข้าวงการอาจจะมีเป็น 4-5 ล้านก็ได้ ตอนเขามาอยู่กับเราก็ไม่ได้บอกว่ามีหรือไม่มี เขาบอกว่ามันมีไม่ถึง"
แฉ “เทพพิทักษ์” ให้เงินแม่เดือนละ 1 หมืนแค่ครั้งเดียว โกหกเรื่องขายรถเอาเงินมาจ่ายค่าห้อง เพราะตนเป็นคนไปยืมเงินเพื่อนมาจ่ายค่าห้องเอง
“มันมีหลายอย่างที่มันไม่ใช่ความจริง เช่นที่บอกว่าให้แม่เราเดือนละ 1 หมื่นบาท คือเขาให้แค่เดือนเดียวนะคะ คือเดือนกันยายน พอเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนเขาก็เริ่มไม่มีงาน หนูก็ต้องไปเป็นคนทำงานร้านเหล้าไปชงเหล้า เพราะว่าช่วงนั้นไม่มีตังค์แล้ว เพราะเขาไม่เคยให้เงิน เราเหลือเก็บในกระเป๋าเลย ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงไม่มีเงินประวัติการขอยืมเงินเพื่อนหรือทางบ้านที่เรายืมก็มีอยู่ค่ะ และประเด็นที่บอกว่าขายรถเพื่อที่เอามาจ่ายค่าห้องไม่จริงค่ะ เพราะเราเพิ่งไปยืมเงินเพื่อนมาจ่ายค่าห้องมา เราเลิกกันตอนเดือนธันวา และพอเลิกกันพี่สาวโอนเงินมาให้ 7 พันบาทเพื่อจ่ายค่าห้องค่ะ”
เลิกกันเพราะ “เทพพิทักษ์” ขี้หึง ไปไหนก็ไม่ได้ คุยกับใครก็ไม่ได้ แต่ตัวเองก็ดันไปแชตคุยกับผู้หญิงซะเอง
"หึงเกินไปบังคับไม่ให้เราไปไหนเลย เขาหึงเรา ไม่ให้ออกไปไหน คุยกับลูกค้าที่มาซื้อของก็ไม่ให้เราคุย และกับเพื่อนผู้หญิงก็ไม่ให้คุย ออกไปไหนก็ไม่ได้ ไปไหนนานก็โทรตามยิกๆ ไปไหนกับเพื่อนนี่แทบจะไม่ให้ไป ยกเว้นเพื่อนจะมาข้างห้องข้างตึกถึงจะลงไปแบบนี้ได้ เขาก็คุยกับผู้หญิงคนอื่นในเฟซบุคในตอนที่เราออกไปทำงาน ก็นั่นแหละคนหน้าตาดีทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก (ยิ้มเบาๆ) พอเราจับได้ เราก็บอกว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าทำแบบนี้คราวหลังก็ขอเงินพวกแฟนคลับกินข้าวสิ อย่ามาให้เราทำงานแบบนี้ เขาก็บอกว่าจะไม่ทำแล้ว ซึ่งเราไปทำงานเหนื่อยกลับมา แล้วมาเจอแบบนี้ก็เหวี่ยงสิ แต่พอเขาได้เงินรีวิวมา เขาก็มาหารค่าข้าวนะ รีวิวครั้งหนึ่งก็จะได้เงิน 2 หมื่น"
"แฟนใครบ้างจะไม่หึง ต่อให้หน้าจะไม่หล่อขนาดไหนก็หวง ก็คิดว่ามีแฟนอยู่แล้วยังจะไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นอีก ยังจะเจ้าชู้อีก แชทล่าสุดก่อนที่จะไป เห็นทักไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง เนี่ยพี่หลอกแฟนว่าไปทำงาน แต่กำลังจะไปหานะ"
ไม่หล่อ ไม่มีเงินล้านอย่างที่เป็นข่าว แถมเมาแล้วขับรถชน “เหมย” ยังเป็นคนที่ไปหายืมเงินมาจ่ายค่าเสียหายให้อีกต่างหาก
“ช่วงเดือนที่มีปัญหาเรื่องเงิน เราก็ไม่เคยไล่เขาไปนะ มีแต่ปลอบตลอดว่า ไม่เป็นไร ไม่มีเงินก็อยู่ด้วยกัน และพอไปทำงานลพบุรีก็ขับรถไปชนอีก เราก็ไปขอยืมเงินเพื่อนเราพาเขาไปโรงพัก ซื้อกระเช้าดอกไม้ตามที่เห็นในข่าวไปให้คู่กรณี ก็บอกเขาว่าเอาเงินไปจ่ายให้เขานะจะได้จบไป แต่เงินค่าซ่อมรถก็ยังไม่ได้จ่าย พอจบเรื่องนี้ก็ไปชนกับแท็กซี่อีก พอแท็กซี่เขาเรียกเงิน 8 พันบาท และเงินเดือนเราก็ยังไม่ออก เราก็ขอยื้อออกไปก่อน แล้วบังเอิญผู้ใหญ่ทางเขามาจ่ายให้ เราก็เลยไม่ต้องยืมใครมาจ่าย"
สุดทน บอกไม่มีเงินแต่ไปร้องคาราโอเกะกับผู้หญิงเลยไลฟ์สดด่าซะเลย
"ไม่ได้ทะเลาะกันเลยค่ะ เขาไปก็ไม่ได้พูดคำว่าเลิกกันเลย เขาไปประมาณวันที่ 22-23 ธันวาคม บอกว่าจะออกไปขับรถตู้ เขาออกไป 3 ครั้ง แต่พอกลับมาร้องไห้ทุกครั้ง เพราะเขาบอกว่าเขาคิดถึงเรา แล้วตอนหลังก็ไม่รู้ยังไงออกไปและไม่ได้บอกเลิก แล้วเราไปเห็นในเฟซบุ๊คว่าเขาร้องคาราโอเกะอยู่กับผู้หญิง เราก็ห๊ะ!! เราโกรธมากเลยไลฟ์สดในเฟสบุ๊ค แล้วก็บล็อกเขาทุกอย่างเลย ซึ่งไลฟ์เราก็ไม่ได้ด่าเขาเลย แต่ยังพูดให้เขาดูดีว่าเขาให้เราใช้วันละพัน ปกป้องเขา แต่เขาไม่ได้ปกป้องเราเลย ก็เลยไม่รู้จะปกป้องเขาทำไมอีก ตอนที่ยังไม่เห็นรูปร้องคาราโอเกะก็ยังโอเคนะ ห่วงว่าเขาจะไปทำอะไร อยู่ที่ไหน เพราะเราสงสารเขาด้วย แล้วยิ่งออกไปตอนที่ไม่มีเงินด้วย ถ้าไปตอนช่วงมีเงินนี่ตัวใครตัวมันก็ได้ แต่นี่ยังมาหาว่าขายรถมาจ่ายค่าห้องให้เราอีก"
ยั๊วถูกรุมด่า ก-หรี่ หลอกเงินผู้ชาย สร้างความอับอายให้กับพ่อแม่ อยากจะถุยน้ำลายใส่ “เทพพิทักษ์”
"อยากจะบอกคนที่ด่าหนูว่า ต้องดูความจริงก่อนว่ามันจริงหรือเปล่า ต้องฟังความทั้งสองข้าง ที่ต้องออกมาพูดเพราะแม่เป็นคนต่างจังหวัด พอเขาให้ข่าวไปแบบนั้นชาวบ้านเขาก็บอกว่า ลูกเธอไปหลอกเงินผู้ชาย แม่เราพอได้ยินข่าวก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง กลับมาอยู่บ้านเราไหม เราบอกแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องไร้สาระ เราก็บล็อกเฟสบุคแม่ไปเลย ไม่อยากให้แม่เห็น เดี๋ยวแม่เครียดอีก เพราะเราถูกคนอื่นมารุมด่าว่าเป็นก-หรี่ หลอกแดกเงินผู้ชาย ซึ่งเราไม่เคยเล่าให้แม่ฟัง แต่แม่ก็จะเล่าให้ฟังว่ามีคนมาถามที่บ้านว่าจริงไหม และแม่ก็อาย เขาบอกมีลูกเขยเป็นดาราแล้วสบาย แม่ก็บอกโอ้ย..ลำบากจะตาย แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ"
"กับคำพูดที่ว่า ผมก็หมดกับเขาไปเยอะ ฟังแล้วถ้าถุยน้ำลายใส่ได้จะถุยไล่ไปเลย แต่ถุยลงพื้นนะ ถุยใส่หน้าเดี๋ยวเขาต่อยเอา"
เลิกกันแล้วชีวิตดี๊ดี หาเงินได้เยอะกว่าเดิม
“เราคบกับใครแล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเลิกกัน ไม่มีใครอยากจะมีแฟนหลายๆ คนหรอก คบแล้วก็ไม่อยากจะเสียตัวกับใครหลายๆ คนแบบนี้หรอก คบแล้วก็อยากจะจริงจังด้วย แต่ในเมื่อมันไปกันไม่ได้จะให้ทำยังไง ชีวิตตอนนี้ก็ดีค่ะหาเงินได้เยอะกว่าเดิมค่ะตอนนี้เราทำงานก็รับรีวิวบ้าง เขียนเว็บไซต์ แล้วก็ขายสบู่ ได้วันละพัน รวมๆ แล้วก็ 3-4 หมื่นได้มั๊งคะ เลิกกันแล้วชีวิตดีขึ้นค่ะ ชีวิตเขาก็ดี"
"ที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตค่ะ (หัวเราะ) ถ้าเลือกได้ก็จะไม่คุยไม่คบ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ ใครบ้างจะคบ ถ้าจะให้กลับมาคบกันอีกก็ไม่เอาค่ะ เขาด่าเราขนาดนั้น จะเอาเขามาทำบ้าอะไรอีก"