“โอริเวอร์” เผยหย่าเมียเงียบๆ เดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมา บอกเคยเลิกกันแล้วกลับมาคบใหม่ แต่ไม่มีใครรู้ ชี้ ครอบครัวตัวเองต้องมาก่อน ความรักมาทีหลัง ประกาศจะไม่แต่งงานอีก แต่ถ้ามีกิ๊กใหม่อย่าแปลกใจ เพราะตนก็เป็นผู้ชาย เปิดใจเรื่องลูกไม่เกี่ยว
เข้าประตูวิวาห์ไปอย่างชื่นมื่น เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 57 หลังคบหาดูใจกันมาเงียบๆ เป็นเวลาถึง 5 ปี แต่อยู่ดีๆ ต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ก็มีกระแสว่าผู้จัด - นักแสดง “โอริเวอร์ บีเวอร์” หย่าเมีย “ยี่หวา สุธาสินี ทองสาริกา” ไปแล้วอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี 59 ด้วยเหตุผลคลาสสิก ทัศนคติไม่ตรงกัน
ล่าสุด หนุ่มโอริเวอร์ เผยหมดเปลือกเรื่องหย่าในระหว่างงานบวงสรวงละคร “เล็บครุฑ” บอกโชคดีที่มีงาน และทำให้ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องหย่าเมีย เชื่อเดี๋ยวก็ลืม
“ก็เปิดกล้องละครแล้วผมก็คงทำงานตลอด กำกับเองด้วยก็คงฆ่าเวลาด้วยการใช้เวลาในการคิดเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว กลับถึงบ้านก็นอน ตื่นเช้าคนรถก็มารับ ถ่ายทั้งวันเลิกสี่ทุ่ม กลับมาได้สักพักก็หลับ แล้วโปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์ยาวด้วย ละคร 18 ตอนใช้เวลาเป็นปี ถึงเวลานั้นความรู้สึกคงจะเกลี้ยงแล้ว”
“ก็โสดแล้วล่ะตอนนี้ ไม่มีใคร แต่ก็มีบ้างแหละตอนกลางคืน ก็เป็นเรื่องปกติ ดูหนังฟังเพลง ก็ธรรมดา คนคบกันมาตั้ง 8 ปี ก็ต้องมีบ้าง แต่เดี๋ยวมันก็หาย เดี๋ยวมันก็ลืม แต่ตอนนี้มันก็ดีกว่าเดิมเยอะ”
เวลางานกินเวลาครอบครัว เผยเริ่มห่างแต่ยังไม่ขาดสะบั้น หวังจะเป็นเพื่อนกันได้
“จริงๆ เวลางานกินเวลาส่วนตัวผมไปแทบจะเกือบหมด ทั้งวันทั้งคืน ผมอยู่ออฟฟิศถึงเที่ยงคืน กลับบ้านก็นอน ตื่นมาก็เข้าออฟฟิศทำงานอีก ส่วนใหญ่เวลามันจะถูกฆ่าไปด้วยตรงนั้น โชคดีที่มีงาน ถ้าไม่มีงานก็อาจจะใช้เวลา สมมติไม่มีงาน ผมก็ไปตีกอล์ฟเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนฝูง เฮฮา ซึ่งตอนนี้มันก็ไม่ได้มีปัญหาแล้ว”
“เริ่มห่างเรื่อยๆ เป็นระยะๆ ตามสเต็ป มันเป็นไปตามกระบวนการทางอารมณ์ ตามสถานการณ์ ก็ยังหวังดีเป็นห่วงเขา มันก็เป็นธรรมดา คนคบกันเป็นสามีภรรยากัน สุดท้ายมันคงไม่ได้ขาดสะบั้นเพราะเราไม่ได้เลิกกันเพราะทะเลาะกันเราเลิกกันเพราะความคิดเห็นหลายๆ อย่างที่เป็นองค์ประกอบ เยื่อใยสุดท้ายก็คือความเป็นเพื่อนอยู่แล้ว ก็เป็นห่วงกัน มีอะไรก็โทร.หากัน มีปัญหาก็ช่วยกันได้”
แผลยังสด หลบมุมไปพัก ไม่อยากเป็นแผลเป็น
“ก็อะไรประมาณอย่างนั่นแหละ แต่เดี๋ยวพอแผลมันตกสะเก็ด สะเก็ดร่อน แค่อย่าเป็นแผลเป็นแล้วกัน (หัวเราะ) แผลเป็นนี่จำนานนะ”
ลั่นจะไม่แต่งงานแล้ว ถ้าใครจะเข้ามาต้องรับได้ เพราะความรักมาเป็นที่ 3 รองจากงานและครอบครัว
“ไม่เคยคิด จากนี้ไปก็คงไม่แต่งแล้วละ ไม่เอาแล้ว ถ้าเข้ามาได้เลย มา ได้หมดผมก็เป็นผู้ชาย แต่ว่าปัญหาก็คือคนที่เข้ามาจะรับผมได้มากแค่ไหน ผมทุ่มกับงานมากกว่าทุ่มเรื่องความรัก วัยผมงานอันดับ 1 ครอบครัวอันดับ 2 ความรักอันดับ 3 ฉะนั้น คนที่จะเข้ามาก็ต้องรับให้ได้ เงื่อนไขผมเป็นแบบนี้”
“ความรักจากผู้หญิง ผมก็เป็นผู้ชาย มันเป็นเรื่องปกติก็ต้องมีกุ๊กกิ๊กบางอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้โหยหา ถ้ามันใช่ มันเจอเดี๋ยวก็มาเอง แต่ไม่แต่งแล้ว”
คุ้มค่า 5 ปีเร่งสร้างตัว ทำให้คนในครอบครัวมีงาน มีรากฐานที่มั่นคง
“เวลาสำคัญนะ แต่มันก็จำเป็น เราเป็นผู้ชาย ไม่สร้างตัวตอนนี้แล้วจะไปสร้างตอน 50 มันก็ไม่ใช่แล้ว ทุกวันนี้ถามว่าคุ้มค่ามั้ย เอาจริงๆ คือคุ้มค่า ภายใน 5 ปี ถ้าคุณผู้ชมเห็นจากผมเป็นนักแสดง มีข่าวเรื่องทำอาวุธ ทำเอฟเฟ็กต์ เป็นผู้จัด จนมาทำเรื่องที่ 4 แล้ว”
“ผมทำให้คนในครอบครัวทุกคนมีงาน บริษัทผม ประกอบไปด้วย 5 บริษัทย่อย เป็นคนในครอบครัวหมด แยกเป็นบริษัทกล้องซึ่งเป็นน้องเขย โมเดลลิ่งซึ่งเป็นของภรรยามาร์คน้องชายผม เอฟเฟกต์ของน้องชายผม บริษัทปืนของผมกับแม่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ ผมมีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมในการถ่ายทำฉากแอ็กชั่นอีก บริษัทละครอีก และบริษัทในเครือ แล้วเราเกื้อหนุนกันหมด เพราะเราไม่ได้ทำธุรกิจที่เป็นครอบครัวแล้วทำ แต่เราแต่ละคนไปทำคนละอย่าง แล้วแต่ละคนไม่ต้องมาขึ้นตรง เวลาเราไปทำหนังนอก หนังฮอลลีวูด เขาไม่ใช้กล้อง แต่ใช้โมเดลลิ่ง ไม่ใช้โมเดลลิ่งแต่ใช้เอฟเฟ็กต์ ก็ต่างคนต่างออกไปมีประสบการณ์สุดท้ายก็มารวมกันกลายเป็นละคร มันคุ้มครับ”
“และเอาจริงๆ ทุกคนก็ต้องมองครอบครัวตัวเองเป็นหลัก อันนี้ถ้าผมเสียสิ่งหนึ่งไป แต่ผมมีความยั่งยืนของฐานครอบครัว ผมว่าผมก็ต้องเอาตรงนั้นก่อน วันหนึ่งที่ผมลอยตัวแล้ว หน้าตาหล่อๆ แบบนี้ คุณลองทายดูว่าผมจะอยู่คนเดียวได้อีกนานแค่ไหน ถ้าจะมองว่าผมไปคบใครต่อ แล้วยังไงอะ ก็เลิกกับเมียแล้วจะให้ไปคบกับใคร คบกับแมวเหรอ ก็ไม่ใช่ ก็ต้องดูตามเวลาครับ”
หย่าเงียบเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมา บอกเคยเลิกกัน แล้วกลับมาคบกันใหม่แต่ไม่มีใครรู้
“จริงๆ ผมอย่าตั้งแต่ พ.ย. แล้ว แต่มามีข่าว ก.พ. คนเริ่มมองว่าเขาไปไหน งานใหญ่ๆ เขาไม่อยู่ อันนี้มันก็ปิดไม่อยู่หรอกจริงๆ ด้วยความสัตย์จริงผมคิดว่าผมไม่ดัง นักข่าวคงไม่สนใจหรอก ไปหย่าที่อำเภอกันเงียบๆ เขาก็ไม่สนใจหรอก ก่อนหย่าก็คุยกันนานครับ เราเคยเลิกกัน แล้วกลับมาคบกันใหม่อีกรอบหนึ่งด้วย แต่ไม่มีใครรู้
ชี้เรื่องลูกไม่เกี่ยว เพราะตนไม่อยากมีอยู่แล้ว
“มีคนเคยพูดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ผมว่ามันไม่น่าจะเกี่ยว เพราะจริงๆ ผมไม่อยากมี ไม่อยากตื่นตี 4 ตี 2 ไม่ได้นอน ถ้าทำงานแล้วกลับมาบ้านลูกร้องตี 2 ไม่ได้นอนอยู่แล้ว โอเคมองว่าถ้าเรื่องนี้เป็นปัญหาผมก็อาจจะยอมรับได้ แต่ก็เอาน่า ลิขิตมาแค่นี้ก็แค่นี้”