“หญิงลี” โชว์สปิริตขึ้นเวทีทั้งที่หน้าบวมฉึ่งเพราะแพ้ยา รับเครียดแขนขาอ่อนแรง นอนไม่หลับ ปลงตกชีวิต มีเงินท่วมหัวแต่ซื้อสุขภาพดีๆ ไม่ได้ ปีหน้าขอเลือกงานที่มีความสุข ทึ่งปาฏิหาริย์แม่รอดตายจากอาการโคม่า เผยกลับมาพูดและจำได้ แต่สมองซ้ายยังบวมและมีน้ำ รับให้อภัยคู่กรณีแล้วแม่ฟื้นทันที เชื่อแม่รับเคราะห์แทนตน
มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ #ยิ่งส่งยิ่งสุข ณ ลานเอเทรียม ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ ในสภาพใบหน้าบวมฉึ่งจากฤทธิ์ยาที่ใช้รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง สำหรับ “หญิงลี ศรีจุมพล” ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตอนแรกอยากแคนเซิล แต่เนื่องจากแคนเซิลไม่ได้ เลยจำเป็นต้องลากสังขารมาโชว์เพลงใหม่ทั้งที่ป่วยๆ ก่อนอัปเดตอาการคุณแม่ ซึ่งถูกรถชนต่อหน้าต่อตา อาการโคม่า ล่าสุดออกจากรพ. มาพักฟื้นที่บ้านแล้ว
“หญิงมีภาวะนอนไม่หลับ แล้วทานยา และมีอาการแขนขาอ่อนแรง ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดจากอะไร เราก็ผัดวันประกันพรุ่งเพื่อไปหาหมอซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่ อันนี้ก็กำลังที่จะรักษาอย่าเต็มที่ บังเอิญกับที่คุณแม่ประสบอุบัติเหตุก็เลยอยู่ในภาวะนอนไม่หลับเป็น 10 วันเลย รู้สึกไม่ค่อยดี ขาหญิงต้องเอามือยก ตัวเองขึ้นบันได”
“เบื้องต้นได้ไปหาหมอมาแล้ว 2 - 3 วันที่แล้ว ได้ไปตรวจเลือดดูก็ไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเป็นเพราะว่านอนไม่หลับแล้วสมองตีบตันหรือเปล่า ยังไม่ได้ไปเช็ก กะว่าวันนี้จะไปเช็ก ทางคุณแม่ก็หมดห่วงแล้วกลับมาที่บ้านแล้ว เรื่องค่ารักษาอะไรก็จัดการหมดแล้ว วันนี้หญิงก็ได้มาเคลียร์งาน จากตอนแรกที่จะไม่ได้มา เพราะหญิงไม่สวย ร่างกายไม่พร้อม หญิงเต้นไม่ได้ ก็บอกกับทางผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็บอกว่าไม่ได้ เพราะงานเขาแพลนมาแล้ว หนูก็โอเค ถ้างั้นหนูจะไป แต่ก็ขออภัยที่หนูไม่สมบูรณ์”
“ถ้าเวลาที่หญิงกินยาจะมีอาการหน้าบวม ประมาณนี้ ยาหญิงต้องทาน บางทีก็ทานไม่เป็นเวลา เป็นเรื่องของระเบียบวินัยของตัวเองด้วย เวลาหน้าบวมมาก็จะใช้เวลาหลายๆ วัน เคยบวมแล้วหายไป คงใช้เวลาประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ก็จะนิ่งๆ ไป มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่หน้าบวมเหมือนเวลาเรากินอะไรเยอะๆ มันก็จะออกที่หน้า ที่แขนอะไรบ้าง”
“บางครั้งก็ไม่ทาน เพราะถ้าทานบ่อยๆ ก็ไม่ดี ทานเฉพาะวันที่หญิงต้องการนอน แบบที่ต้องไปทำงานตอนเช้า หญิงคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับยานอนหลับ น่าจะเกี่ยวกับการที่หญิงเครียด แล้วก็เบลอ นอนไม่หลับ แขนขาชา แล้วก็กินยาตัวนี้ ก็กลัวว่ากล้ามเนื้อจะอ่อนแรง ในอนาคตหญิงจะมีร่างกายกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงขึ้นคุณหมอก็เตือนอยู่ว่า ให้ทานยาให้ตรงเวลา”
ปลง! มีเงินก็ซื้อสุขภาพที่ดีไม่ได้ ปีหน้าจะเลือกงานที่ทำแล้วมีความสุข งดโลดโผน
“ก็คิดว่าจะหายไปเอง เพราะมันก็หลายวันแล้ว บังเอิญกับวันนี้ที่มีงานด้วย ที่เราได้มีโอกาสเจอกับพี่ๆ นักข่าว ความจริงตั้งใจจะไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วกะจะขอแคนเซิลงานนี้ แต่ในเมื่อต้องมาแล้วก็ได้ออกสื่ออย่างเต็มที่เลย ยังไงก็ขอความเข้าใจหญิงด้วย สำหรับร่างกายที่... เงินทองมันซื้อไม่ได้กับสุขภาพ เพราะถ้าสุขภาพแย่ความสุขก็จะหายไปเลย หญิงเลยคิดว่าปีนี้ปีหน้าปีต่อๆ ไปหญิงขอทำงานด้วยความสุข ไม่โลดโผนวิ่งหางานมากมาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างที่เราไม่เคยมีมาก่อน มีเงินทองมีชื่อเสียง เราก็อยากมีความสุข หามากมาย แต่ไม่ได้ใช้ด้วยความสุข อยากทำอะไรเพื่อสังคม เพราะเอ่ยปากไปแล้วว่าหญิงเป็นคนของประชาชน เป็นจิตอาสาไปไหนก็ได้ งานราชการที่สังคมให้ไป บรรยายหรืออะไร หรือเกี่ยวกับการทำอะไรเพื่อสังคมก็ยินดีไป ไม่คิดตังค์ก็ไป หรือให้ไปเล่าเรื่องคุณแม่ที่อยู่ในภาวะที่ทั้งจะตายทั้งจะเป็น”
ยันไม่เคยเสียใจ ทำดีกับแม่ทุกวันทุกเวลา ส่วนเงินให้ตามอัตภาพ
“หญิงไม่เคยเสียใจเลยว่าหญิงไม่ได้ทำดีกับเขา เพราะที่ผ่านมาหญิงทำดีกับเขาตลอด จากให้ 3 พัน 5 พัน ทุกวันนี้ก็ให้ได้มากกว่าเดิม ให้ตามอัตภาพของเรา สิ่งที่ภูมิใจมาตลอดว่าเรามีน้อยให้น้อย มีมากก็ให้ตามสมควร”
เผยปาฏิหาริย์แม่รอดชีวิต
“ชั่วโมงต่อชั่วโมงเลยตั้งแต่วันแรก เราก็ โทร.ตามพี่ชาย เพราะพี่ชายไม่เจอกับแม่มา 2 ปี ก็บอกว่าให้เขารีบกลับมานะ เพราะว่าแม่จะตายจากเราไปตอนนี้หรือเปล่า เพราะความดันขึ้นๆ ลงๆ หนูก็ร้องไห้ บอกให้พี่ชายรีบมาเพราะถ้าแม่จะจากเราไปก็อยากให้เรามาอยู่ด้วยกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราได้รู้ว่าชีวิตมันมหัศจรรย์แค่ไหน”
“บางคนถามว่าทำไมไม่พาแม่ไปโรงพยาบาลดีๆ เวลานั้นมันไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่อบต.บ้านครู มาที่ อ.นาโพธิ์จากนั้นก็ส่งรถมาที่ จ.บุรีรัมย์ เรียกว่าได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและได้รับการผ่าตัดในคืนนั้นจึงต้องอยู่ไอซียูของโรงพยาบาลบุรีรัมย์ไม่สามารถย้ายผู้ป่วยออกจากตรงนั้นกะทันหัน คุณหมอและโรงพยาบาลที่นั่นก็ดูแลเป็นอย่างดี”
ยอมรับไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พึ่งทุกอย่าง
“ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างเลยค่ะ ตรงนี้เพราะเชื่อในปาฏิหาริย์ แรงศรัทธา และแรงอธิษฐานของคนทั้งประเทศที่ส่งมาให้แม่ของหญิง”
ใจชื้นแม่กลับมาพูดและจำได้ แต่ยังมีอาการสมองซ้ายบวมและมีน้ำ หมอรับประกันจะค่อยๆ หายไป
“ตอนนี้คุณแม่พูดคุยได้ปกติ จำทุกคนได้และจำได้เยอะกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ ยังร้องเพลงผู้หญิงลั้นลาได้ท่อนหนึ่ง แต่ว่าคุณแม่ยังเหมือนเด็กอยู่ พูดเยอะ บางทีก็พูดไปเรื่อยเปื่อย หญิงเชื่อว่าเดี๋ยวทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ถึงคุณแม่จะมีอาการอะไรแต่ก็ได้คืนมาเยอะมาก ตอนนี้ไม่มีอะไรกังวลแล้วน่าจะมีอาการเหมือนเด็กก็เป็นเรื่องปกติ สมองซ้ายยังบวมและมีน้ำอยู่แต่คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวมันจะค่อยๆ หายไป ส่วนตัวคิดว่าคุณแม่ปลอดภัยมากๆ เลย ตอนนี้กลับมาอยู่ที่บ้านซึ่งหญิงก็จัดบ้านให้โล่งโปร่งสบาย”
ควัก 1 แสนบริจาคซื้อเก้าอี้ให้รพ.บุรีรัมย์
“ใช่ค่ะ หญิงได้รับการช่วยเหลือจากโรงพยาบาลอย่างดีมาก เลยคิดว่าจะตอบแทนโรงพยาบาลยังไงดี แล้วนึกถึงว่าหญิงก็นั่งปนกับญาติๆ ปูเสื่อนั่งกัน เลยนึกไปถึงเก้าอี้ว่ามีไม่เพียงพอจึงสั่งมา 50 ชุด ประมาณ 100,000 บาท”
ซื้อแหวนเพชรให้แม่ทันที
“ก่อนหน้านี้ แม่บอกว่าอยากได้แหวนเพชร แต่ด้วยความที่ตัวเรามีค่าใช้จ่ายเยอะ รวมถึงกำลังทำรีสอร์ตซึ่งใช้เงินเยอะด้วย เลยบอกว่าถ้ารีสอร์ตเสร็จแล้วก็ค่อยเอาแหวนแล้วกันนะ คราวนี้พอคุณแม่ฟื้นแล้วก็เลยคิดว่าต้องรีบซื้อให้เลย หญิงส่งรูปแหวนมาให้เขาเลือกทางไลน์ ซึ่งพอคุณแม่ได้แล้วก็นอนดูแหวนแบบสบายใจ”
“หญิงรู้สึกปลง พรุ่งนี้มะรืนนี้จะเป็นอะไรก็ตามตัวเราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว ต้องมีสติและทำในสิ่งที่ถูกต้อง อีกอย่างก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในครอบครัวคือพี่ชาติ พี่ชายของหญิงกับคุณแม่โกรธกันมาสองปี พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเขาสองคนก็ได้กลับมาคุยกัน”
ตั้งศาลพระภูมิที่บ้านให้พ่อใหญ่แม่ใหญ่มาอยู่ด้วย เผยแม่ชอบบนให้ทุกอย่างมาลงที่ตัวเอง
“หญิงไม่รู้ว่าคุณแม่ไปบนบานศาลกล่าวอะไรไว้หรือเปล่าแต่หญิงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าบนอะไรเพราะว่าขี้ลืม เลยจะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที่ให้ตัวเราได้ดี เจริญรุ่งเรือง ซึ่งหญิงจะเป็นคนดีของสังคมและตอบแทนสังคม แต่คุณแม่ของหญิงชอบพูดคำว่าใครจะเป็นอะไรให้มาลงที่แม่นะ หลานสาวเป็นเบาหวานเข้าห้องไอซียูเกือบจะตายก็บอกว่าให้แม่เป็นแทนนะ ตอนที่หญิงเจ็บป่วยอะไรแม่ก็บอกว่าให้แม่เป็นแทน เขาจะชอบพูดคำนี้ เมื่อวานหญิงก็เลยไปตั้งศาลพระภูมิที่บ้านให้พ่อใหญ่แม่ใหญ่มาอยู่ และเชิญสัมภเวสีที่ดุร้ายอะไรก็ไปรับกองบุญที่วัดค่ะ”
ไม่เรียกร้องเงินจากคู่กรณี ชี้ประมาทร่วม
“คู่กรณีก็มีความเป็นห่วงเป็นใยเสมอ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่าเป็นชาวบ้านเดียวกัน แต่ส่วนที่เป็นกฎหมาย 3 กระทงที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ ไม่พกใบขับขี่ เมาแล้วขับ และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย แต่ในส่วนของการฟ้องร้องที่จะเอาเงินมารักษาพยาบาลหญิงไม่เรียกร้องอะไรเลย เพราะว่าทางครอบครัวของคู่กรณีก็มีภาวะความเครียดเช่นกัน”
“หญิงก็บอกพวกเขาว่าไม่ต้องเครียดเพราะว่าตอนนี้หญิงได้รับกำลังใจจากพี่น้องทั้งประเทศ และบอกให้พวกเขาไปทำงาน อย่านอนเครียดอยู่บ้าน อีกอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นความประมาทร่วม คุณแม่ก็ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก ขับปาดขวาเข้าซ้ายยังไงก็ไม่ได้เห็นชัดเจน ซึ่งมีภาพถ่ายที่ทางตำรวจไปคุยกัน แต่ว่าหลักๆ แล้วเขาก็จะมีมาผูกข้อต่อแขนเรียกขวัญตามประเพณีคนอีสาน แล้วกับเรื่องนี้ให้อภัยคู่กรณีมาตั้งแต่วันแรกเลยเพราะได้ขอว่าให้อภัยเขาเถอะเพื่อที่คุณแม่จะได้ตื่น ซึ่งคุณแม่ก็ลืมตาขึ้นมาแล้วก็หลับต่อค่ะ”