โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
ใบไม้ร็อกแอนด์โรล ปลิดปลิวสลัดขั้วไปอีกหนึ่งใบสำหรับ “ชัค เบอร์รี่” ด้วยวัย 90 ปี
แต่คนสิ้น เพลงยังอยู่ เพราะสำหรับชัค เบอร์รี่แล้ว เขาถือเป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งร็อกแอนด์โรลอันลือลั่น ที่ทิ้งบทเพลง ทางกีตาร์ ท่าเต้น และจิตวิญญาณแห่งร็อกแอนด์โรลไว้ให้กล่าวขาน
ชัค เบอร์รี่ (Chuck Berry) หรือชื่อเต็ม “ชาร์ลส เอ็ดวาร์ด แอนเดอร์สัน "ชัค" เบอร์รี” (Charles Edward Anderson "Chuck" Berry) เกิดเมื่อ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1926(พ.ศ. 2469) ที่เซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี
ชัคเกิดในครอบครัวนักดนตรี เขาฟังเพลงบลูส์ ฝึกเล่นกีตาร์มาตั้งแต่เด็ก โดยมี “มัดดี้ วอเตอร์ส” (Muddy Waters) อีกหนึ่งตำนานแห่งเพลงบลูส์เป็นไอดอลสำคัญ
เมื่อเติบใหญ่ ชัคเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางสายดนตรีด้วยการเล่นเพลงบลูส์ เวสต์โคสต์ และคันทรี ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1955 ชัคได้เดินทางไปขอร่วมงานกับมัดดี้ วอเตอร์ส ทำให้มัดดี้เห็นแววของเด็กหนุ่มคนนี้ และแนะนำส่งเสริมให้ให้ชัค ออกซิงเกิ้ลแรกคือ “Maybellene” (1955)
เพลง Maybellene สร้างชื่อแจ้งเกิดให้กับชัคอย่างเต็มตัว และขึ้นถึงอันดับ 3 ในท็อปชาร์ตริธึ่มแอนด์บลูส์
หลังจากนั้นชัค เบอร์รี่ได้กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ ที่มาพร้อมกับการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ผสมผสานกันทั้ง บลูส์, ริธึ่มแอนด์บลูส์, คันทรี, บูกี้-วูกี้ รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้แผ้วถางบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่โลกต้องจารจารึกไว้
บทเพลงส่วนใหญ่ที่ชัคแต่งขึ้นนั้น เป็นการนำสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวมานำเสนออย่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย จึงกลายเป็นที่โดนใจของแฟนเพลงหมู่มากได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ชัคมีสไตล์การเล่นกีตาร์ที่เล่นด้วยสำเนียงแปลกหู(สำหรับยุคนั้น) มีสำเนียงดุดัน กระแทกกระทั้น เน้นช่วงโซโลกีตาร์ที่ยาวกว่าบทเพลงของคนอื่น
ที่สำคัญคือชัคมีลีลาท่าทางที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เขานิยมเล่นกีตาร์ไป พร้อมกระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะกีตาร์ ซึ่งชัคได้ตกผลึกและคิดค้นท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาขึ้นมาคือท่า “เดินเป็ด”(Duck Walk) ที่เป็นการเขย่งก้าวยกขาข้างเดียว กระโดดสไลด์ข้างไปทีละก้าว ส่วนขาที่ยกลอยนั้นทำท่าถีบอากาศดูคึกคักสนุกสนาน
สำหรับบทเพลงขึ้นชื่อของชัคเบอร์รี่นั้นก็อย่างเช่น "Maybellene" , "Sweet Little Sixteen" , "School Days", "Memphis", "Rock and Roll Music" ,"Roll Over Beethoven" และ "Johnny B. Goode" บทเพลงร็อกแอนด์โรลชื่อดังก้องโลก
Johnny B. Goode เป็นบทเพลงที่พูดถึงชีวิตเด็กหนุ่มในชนบทที่ยากจน แต่มีฝีมือในการเล่นกีตาร์เป็นที่เลื่องลือ เขาฝันว่าสักวันหนึ่งจะตั้งวงดนตรีและจะโด่งดังมีชื่อเสียง ซึ่งเด็กหนุ่มคนนี้ได้เดินทางตามล่าหาความฝันของเขาต่อไป
แน่นอนว่าเนื้อบางส่วนมาจากชีวิตจริงของชัคเอง แต่แรงบันดาลใจของเพลงนี้ ชัคกับได้มาจาก “จอห์นนี จอห์นสัน”(Johnnie Johnson) มือเปียโนผู้ร่วมวงของเขานั่นเอง(ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว)
สำหรับจอห์นนีชายผู้เป็นตำนานในบทเพลง Johnny B. Goode นั้น เกิดที่เวสต์เวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1924 จอห์นนีเริ่มเล่นเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ครั้นเมื่อเติบใหญ่ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้เข้ารับราชการในกองทัพเรือสหรัฐฯ และเป็น 1 ในสมาชิกวง Special Services Band
จากนั้นในช่วงหลังสงคราม จอห์นนีได้เข้าไปเป็นนักดนตรี เล่นเพลงบลูส์ เพลงแจ๊ซ ในคลับที่ชิคาโก ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่เซนต์หลุยส์ พร้อมกับตั้งวง Johnnie Johnson Trio ขึ้นในช่วง ต้นคริสต์ทศวรรษ 1950
ต่อมาในปี 1952 เมื่อสมาชิกวง Johnnie Johnson Trio คนหนึ่งล้มป่วยลง จอห์นนีจึงชวนชัค แบร์รี เข้ามาร่วมวงด้วย แล้วเมื่อเล่นกันไปสักระยะ ชัคก็ได้กลายมาเป็นหัวหน้าวง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ร่วมกันสร้างสรรค์บทเพลงดังขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Maybellene,” “Brown Eyed Handsome Man,” “Roll Over Beethoven,” “Almost Grown,” “You Never Can Tell,” และ “Johnny B. Goode” ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปในปี 1973
เดิมจอห์นนีไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง กระทั่งในปี 1987 เมื่อเขาปรากฏตัวในหนังสารคดีเรื่อง “Chuck Berry - Hail! Hail! Rock ‘n’ Roll” ของเทย์เลอร์ แฮกฟอร์ด (Taylor Hackford) ทำให้จอห์นนีกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น
อย่างไรก็ดีในปี 2000 จอห์นนีได้ฟ้องชัค เบอร์รี่ เพื่อเรียกร้องขอค่าสิทธิและเครดิต ในการมีส่วนร่วมแต่งเพลงต่างๆ ในอดีต แต่ปรากฏว่าศาลยกฟ้อง(ในปี 2002) เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว
วันนี้แม้ทั้งชัค เบอร์รี่ และ จอห์นนี จอห์นสัน จะล้วนต่างลาลับ ซึ่งอาจขึ้นไปแจมเพลง Johnny B. Goode กันบนสรวงสวรรค์ แต่บทเพลง Johnny B. Goode ยังดำรงคงอยู่เป็นอมตะคู่เคียงโลกแห่งวงการเพลง โดยเฉพาะการเป็นหนึ่งในต้นแบบของบทเพลงร็อกแอนด์โรล ที่มีอิทธิพลต่อคนตรีร็อกทั่วโลก
บทเพลง Johnny B. Goode ถูกศิลปินชื่อดังทั่วโลกนำมาร้องเล่น และแสดงในเวทีคอนเสิร์ตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เอลวิส เพรสลีย์”(Elvis Presley),"เดอะ บีทเทิ้ล"(The Beatles) “จอห์น เลนนอน”(John Lennon), “โรลลิ่ง สโตน” (Rolling Stones), “จิมมี เฮนดริกซ์”(Jimi Hendrix),“เอลตัน จอห์น”(Elton John), “บรู๊ซ สปริงทีน”(Bruce Springsteen), “เอซี ดีซี”(AC/DC), “จูดัส พรีส” (Judas Priest) และศิลปินอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับในเมืองไทยเรานั้น น้า“แหลม มอริสัน” เจ้าของฉายากีตาร์คิงส์ ก็เป็นผู้หนึ่งที่นำเพลง Johnny B. Goode มาเล่นอยู่บ่อยๆ
ขณะที่เจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังอย่างวง "คาราบาว" แม้จะไม่ได้นำเพลง Johnny B. Goode ของชัค เบอร์รี่ มาเล่นปรากฏชัดเจน แต่เขาได้รับอิทธิพลของเพลงนี้อย่างเด่นชัด จนเป็นที่มาของเพลง “บิ๊กสุ” ในชุด“วิชาแพะ” กับบทเพลงร็อกแอนด์โรล สนุกๆ พูดถึง 2 บิ๊กสุผู้ยิ่งใหญ่ในวงการเพลงไทย คือ “สุรพล สมบัติเจริญ” และ “สุรชัย จันทิมาธร”
นับได้ว่าเพลง Johnny B. Goode ของชัค เบอร์รี่ นั้นยิ่งใหญ่และคงความอมตะจริงๆ
วันนี้แม้ชัค เบอร์รี่ จะลาลับจากไป แต่บทเพลง Johnny B. Goode ของเขายังคงอยู่คู่โลกไปตราบนานเท่านาน
***********************************************
หมายเหตุ : เรื่องราวของเพลง Johnny B. Goode บางส่วนอ้างอิงข้อมูลจากบทความ “Johnny B. Goode” โดย “รุ่งมณี เมฆโสภณ”
Johnny B. Goode – Chuck Berry
Johnny B. Goode – Judas Priest
บิ๊กสุ-คาราบาว
ใบไม้ร็อกแอนด์โรล ปลิดปลิวสลัดขั้วไปอีกหนึ่งใบสำหรับ “ชัค เบอร์รี่” ด้วยวัย 90 ปี
แต่คนสิ้น เพลงยังอยู่ เพราะสำหรับชัค เบอร์รี่แล้ว เขาถือเป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งร็อกแอนด์โรลอันลือลั่น ที่ทิ้งบทเพลง ทางกีตาร์ ท่าเต้น และจิตวิญญาณแห่งร็อกแอนด์โรลไว้ให้กล่าวขาน
ชัค เบอร์รี่ (Chuck Berry) หรือชื่อเต็ม “ชาร์ลส เอ็ดวาร์ด แอนเดอร์สัน "ชัค" เบอร์รี” (Charles Edward Anderson "Chuck" Berry) เกิดเมื่อ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1926(พ.ศ. 2469) ที่เซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี
ชัคเกิดในครอบครัวนักดนตรี เขาฟังเพลงบลูส์ ฝึกเล่นกีตาร์มาตั้งแต่เด็ก โดยมี “มัดดี้ วอเตอร์ส” (Muddy Waters) อีกหนึ่งตำนานแห่งเพลงบลูส์เป็นไอดอลสำคัญ
เมื่อเติบใหญ่ ชัคเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางสายดนตรีด้วยการเล่นเพลงบลูส์ เวสต์โคสต์ และคันทรี ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1955 ชัคได้เดินทางไปขอร่วมงานกับมัดดี้ วอเตอร์ส ทำให้มัดดี้เห็นแววของเด็กหนุ่มคนนี้ และแนะนำส่งเสริมให้ให้ชัค ออกซิงเกิ้ลแรกคือ “Maybellene” (1955)
เพลง Maybellene สร้างชื่อแจ้งเกิดให้กับชัคอย่างเต็มตัว และขึ้นถึงอันดับ 3 ในท็อปชาร์ตริธึ่มแอนด์บลูส์
หลังจากนั้นชัค เบอร์รี่ได้กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ ที่มาพร้อมกับการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ผสมผสานกันทั้ง บลูส์, ริธึ่มแอนด์บลูส์, คันทรี, บูกี้-วูกี้ รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้แผ้วถางบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่โลกต้องจารจารึกไว้
บทเพลงส่วนใหญ่ที่ชัคแต่งขึ้นนั้น เป็นการนำสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวมานำเสนออย่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย จึงกลายเป็นที่โดนใจของแฟนเพลงหมู่มากได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ชัคมีสไตล์การเล่นกีตาร์ที่เล่นด้วยสำเนียงแปลกหู(สำหรับยุคนั้น) มีสำเนียงดุดัน กระแทกกระทั้น เน้นช่วงโซโลกีตาร์ที่ยาวกว่าบทเพลงของคนอื่น
ที่สำคัญคือชัคมีลีลาท่าทางที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เขานิยมเล่นกีตาร์ไป พร้อมกระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะกีตาร์ ซึ่งชัคได้ตกผลึกและคิดค้นท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาขึ้นมาคือท่า “เดินเป็ด”(Duck Walk) ที่เป็นการเขย่งก้าวยกขาข้างเดียว กระโดดสไลด์ข้างไปทีละก้าว ส่วนขาที่ยกลอยนั้นทำท่าถีบอากาศดูคึกคักสนุกสนาน
สำหรับบทเพลงขึ้นชื่อของชัคเบอร์รี่นั้นก็อย่างเช่น "Maybellene" , "Sweet Little Sixteen" , "School Days", "Memphis", "Rock and Roll Music" ,"Roll Over Beethoven" และ "Johnny B. Goode" บทเพลงร็อกแอนด์โรลชื่อดังก้องโลก
Johnny B. Goode เป็นบทเพลงที่พูดถึงชีวิตเด็กหนุ่มในชนบทที่ยากจน แต่มีฝีมือในการเล่นกีตาร์เป็นที่เลื่องลือ เขาฝันว่าสักวันหนึ่งจะตั้งวงดนตรีและจะโด่งดังมีชื่อเสียง ซึ่งเด็กหนุ่มคนนี้ได้เดินทางตามล่าหาความฝันของเขาต่อไป
แน่นอนว่าเนื้อบางส่วนมาจากชีวิตจริงของชัคเอง แต่แรงบันดาลใจของเพลงนี้ ชัคกับได้มาจาก “จอห์นนี จอห์นสัน”(Johnnie Johnson) มือเปียโนผู้ร่วมวงของเขานั่นเอง(ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว)
สำหรับจอห์นนีชายผู้เป็นตำนานในบทเพลง Johnny B. Goode นั้น เกิดที่เวสต์เวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1924 จอห์นนีเริ่มเล่นเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ครั้นเมื่อเติบใหญ่ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้เข้ารับราชการในกองทัพเรือสหรัฐฯ และเป็น 1 ในสมาชิกวง Special Services Band
จากนั้นในช่วงหลังสงคราม จอห์นนีได้เข้าไปเป็นนักดนตรี เล่นเพลงบลูส์ เพลงแจ๊ซ ในคลับที่ชิคาโก ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่เซนต์หลุยส์ พร้อมกับตั้งวง Johnnie Johnson Trio ขึ้นในช่วง ต้นคริสต์ทศวรรษ 1950
ต่อมาในปี 1952 เมื่อสมาชิกวง Johnnie Johnson Trio คนหนึ่งล้มป่วยลง จอห์นนีจึงชวนชัค แบร์รี เข้ามาร่วมวงด้วย แล้วเมื่อเล่นกันไปสักระยะ ชัคก็ได้กลายมาเป็นหัวหน้าวง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ร่วมกันสร้างสรรค์บทเพลงดังขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Maybellene,” “Brown Eyed Handsome Man,” “Roll Over Beethoven,” “Almost Grown,” “You Never Can Tell,” และ “Johnny B. Goode” ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปในปี 1973
เดิมจอห์นนีไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง กระทั่งในปี 1987 เมื่อเขาปรากฏตัวในหนังสารคดีเรื่อง “Chuck Berry - Hail! Hail! Rock ‘n’ Roll” ของเทย์เลอร์ แฮกฟอร์ด (Taylor Hackford) ทำให้จอห์นนีกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น
อย่างไรก็ดีในปี 2000 จอห์นนีได้ฟ้องชัค เบอร์รี่ เพื่อเรียกร้องขอค่าสิทธิและเครดิต ในการมีส่วนร่วมแต่งเพลงต่างๆ ในอดีต แต่ปรากฏว่าศาลยกฟ้อง(ในปี 2002) เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว
วันนี้แม้ทั้งชัค เบอร์รี่ และ จอห์นนี จอห์นสัน จะล้วนต่างลาลับ ซึ่งอาจขึ้นไปแจมเพลง Johnny B. Goode กันบนสรวงสวรรค์ แต่บทเพลง Johnny B. Goode ยังดำรงคงอยู่เป็นอมตะคู่เคียงโลกแห่งวงการเพลง โดยเฉพาะการเป็นหนึ่งในต้นแบบของบทเพลงร็อกแอนด์โรล ที่มีอิทธิพลต่อคนตรีร็อกทั่วโลก
บทเพลง Johnny B. Goode ถูกศิลปินชื่อดังทั่วโลกนำมาร้องเล่น และแสดงในเวทีคอนเสิร์ตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เอลวิส เพรสลีย์”(Elvis Presley),"เดอะ บีทเทิ้ล"(The Beatles) “จอห์น เลนนอน”(John Lennon), “โรลลิ่ง สโตน” (Rolling Stones), “จิมมี เฮนดริกซ์”(Jimi Hendrix),“เอลตัน จอห์น”(Elton John), “บรู๊ซ สปริงทีน”(Bruce Springsteen), “เอซี ดีซี”(AC/DC), “จูดัส พรีส” (Judas Priest) และศิลปินอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับในเมืองไทยเรานั้น น้า“แหลม มอริสัน” เจ้าของฉายากีตาร์คิงส์ ก็เป็นผู้หนึ่งที่นำเพลง Johnny B. Goode มาเล่นอยู่บ่อยๆ
ขณะที่เจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังอย่างวง "คาราบาว" แม้จะไม่ได้นำเพลง Johnny B. Goode ของชัค เบอร์รี่ มาเล่นปรากฏชัดเจน แต่เขาได้รับอิทธิพลของเพลงนี้อย่างเด่นชัด จนเป็นที่มาของเพลง “บิ๊กสุ” ในชุด“วิชาแพะ” กับบทเพลงร็อกแอนด์โรล สนุกๆ พูดถึง 2 บิ๊กสุผู้ยิ่งใหญ่ในวงการเพลงไทย คือ “สุรพล สมบัติเจริญ” และ “สุรชัย จันทิมาธร”
นับได้ว่าเพลง Johnny B. Goode ของชัค เบอร์รี่ นั้นยิ่งใหญ่และคงความอมตะจริงๆ
วันนี้แม้ชัค เบอร์รี่ จะลาลับจากไป แต่บทเพลง Johnny B. Goode ของเขายังคงอยู่คู่โลกไปตราบนานเท่านาน
***********************************************
หมายเหตุ : เรื่องราวของเพลง Johnny B. Goode บางส่วนอ้างอิงข้อมูลจากบทความ “Johnny B. Goode” โดย “รุ่งมณี เมฆโสภณ”
Johnny B. Goode – Chuck Berry
Johnny B. Goode – Judas Priest
บิ๊กสุ-คาราบาว