กลายเป็นคลิปที่ทำให้คนดูยิ้มกันได้ทั่วโลกสำหรับคลิปการให้สัมภาษณ์ของ “มิสเตอร์ โรเบิร์ต เคลลี” นักวิชาการชาวอเมริกาที่ใช้ชีวิตเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยที่เกาหลี ซึ่งระหว่างให้สัมภาษณ์ผ่าน Skype ออกอากาศสดทางสถานี BBC ของอังกฤษลูกๆก็เข้ามาป่วนจนกลายเป็นคลิปน่ารักที่คนพูดถึงกันทั่วโลก ล่าสุดครอบครัวยกขบวนมาเปิดใจโดยระบุว่าเป็นความผิดของผู้เป็นพ่อที่ไม่ยอมล็อกประตูเอง
โดยโรเบิร์ต เคลลี ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกศึกษาได้ถูกขอให้ทำหน้าที่พูดถึงเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮของเกาหลีใต้ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และสถานการณ์ภายในบ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้นที่เกาหลีใต้ในเวลานี้ โดยเขาได้เตรียมตัวและเตรียมข้อมูลอย่างดีที่จะไลฟ์สดในเวลาทุ่มตรง ของวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา
แต่แล้วระหว่างที่กำลังคุยกันผ่านทาง Skype พร้อมกับการรายงานสดออกอากาศ ก็เกิดเหตุการณ์ที่ แมเรียน ลูกสาววัย 4 ปีและเจมส์ ลูกชายวัย 8 เดือน บุกเข้ามาในห้องของผู้เป็นพ่อทำให้ทั่วโลกอมยิ้มกับภาพที่เห็น
โดยโรเบิร์ต เคลลี ที่ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC มาหลายครั้งถึงสถานการณ์ทางการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้นในเอเชียก็ได้กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า “มันคือเรื่องผิดพลาดที่ตลกมาก ซึ่งเราคิดว่านั่นคือหายนะ เพราะคงไม่มีใครเรียกผมไปออกรายการอีกแน่ๆ”
โดยเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นเมื่อเขาต้องออกอากาศโดยใช้ห้องทำงานที่บ้านพักในปูซาน เกาหลีใต้ เป็นห้องส่งสำหรับการสัมภาษณ์สด ขณะที่คิมจองอา ภรรยาครูสอนโยคะทำหน้าที่บันทึกภาพจากโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับลูกเล็กๆอีก 2 คน โดยที่วันนั้นทั้งคู่ยืนยันว่าเป็นวันที่ยุ่งมากๆเพราะต้องคอยเกาะติดสถานการณ์ดังกล่าวโดยทำได้เพียงสั่งพิซซามากินพร้อมกับคอยอัพเดตข่าวอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์
แต่ในขณะที่ผู้เป็นพ่อทำหน้าที่รายงานข่าวไปยังต่างประเทศ ตอนเริ่มสัมภาษณ์ไปได้สักพัก ลูกสาววัย 4 ปีก็เดินเข้ามาในห้องอย่างร่าเริง จากนั้นลูกชายวัย 8 เดือนที่อยู่ในรถเข็นหัดเดินก็เดินตามพี่สาวเข้ามา โดยที่คิมจองอาผู้เป็นแม่ยังคงโฟกัสกับการบันทึกการรายงานสดของสามีอยู่ที่หน้าจอ
“ทันทีที่ลูกเปิดประตูเข้ามา ผมก็เห็นเสื้อสีเหลืองของเธออย่างชัดเจนบนหน้าจอ เธอเดินไปกระโดดไปเพราะว่าวันนั้นที่โรงเรียนมีจัดงานปาร์ตีทำให้เธออารมณ์ดีทั้งวัน”
สิ่งที่เขาทำได้ในเวลานั้นคือการยิ้มกับกล้องและพยายามกันลูกสาวให้ออกห่างไปหรือไปหลบอยู่หลังเก้าอี้ โดยอยากให้ไปสนใจหนังสือและของเล่นที่อยู่ในห้องแทน ซึ่งเขาระบุว่าตอนที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเขาเข้าใจว่าทาง BBC จะตัดภาพไปยังคลิปอื่นหรือตัดภาพแคบย้ายมุมกล้องไม่คิดว่าจะปล่อยให้ออกอากาศสดแบบนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อลูกชายคนเล็กเดินเข้ามาด้วยอีกคนเวลานั้นเขาก็คิดแค่ว่าทุกอย่างพังหมดแล้ว
แต่สิ่งที่เป็นคำถามตามมาอย่างมากมายคือทำไมเขาถึงไม่ลุกออกจากเก้าอี้หรือขยับตัวเพื่อไปจัดการกับลูกๆ จนทำให้สงสัยกันว่าหรือเป็นเพราะท่อนล่างของเขาอยู่ในลักษณะที่ไม่สุภาพ ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าเขาทำหน้าที่คอยรายงานข่าวให้กับสถานีโทรทัศน์ของต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง เขาเตรียมพร้อมใส่สูทผูกเนคไทเพื่อรอออกอากาศสด ส่วนท่อนล่างไม่ใช่กางเกงขาสั้นหรือแต่งกายไม่สุภาพโดยยืนยันว่าวันนั้นท่อนล่างเขาใส่กางเกงยีนส์อยู่ ไม่ได้แต่งกายไม่เหมาะสมตามที่ชาวเน็ตคาดเดาแต่อย่างใด
ส่วนทางด้านคิมจองอา ที่กำลังบันทึกภาพสามีผ่านทางโทรศัพท์อยู่ที่ห้องรับแขกก็ได้ระบุว่า เนื่องจากการออกอากาศทางทีวีจะล่าช้ากว่าเหตุการณ์จริงอยู่เล็กน้อย ทำให้เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดเหตุการณ์ลูกๆบุกเข้าห้องทำงานพ่อไปเรียบร้อยแล้ว
“ปกติเขาจะล็อกประตูค่ะ ส่วนมากเด็กๆจะกลับออกมาหาฉันเวลาที่ไปที่ห้องแล้วเจอว่าประตูถูกล็อกอยู่ แต่คราวนี้ไม่กลับมาแล้วฉันหันไปดูถึงเห็นว่าประตูเปิดอยู่ ทำเอาฉันพุ่งตัวและวุ่นวายไปหมดเลยค่ะ” และแน่นอนว่าสำหรับเหตุการณ์นี้เธอโทษฝ่ายชายที่ไม่ยอมล็อกประตูให้เรียบร้อยโดยที่ไม่โทษลูกหรือทำโทษลูกใดๆทั้งสิ้น
“ผมมองว่ามันเป็นเรื่องผิดพลาดที่น่ารักมากๆ ผมได้ดูคลิปเหมือนกับทุกๆคน ภรรยาผมทำหน้าที่ได้ดีมากจัดการเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างดีที่สุดที่เธอจะสามารถทำได้ มันตลกดี ถ้าคุณดูคลิปดีๆคุณจะเห็นเลยว่าผมพยายามกลั้นหัวเราะขนาดไหน พวกเขายังเล็กมากๆ เรื่องแบบนั้นมันก็เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว”
โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเขาระบุว่าเขาได้รีบส่งข้อความไปขอโทษทาง BBC ทันที แต่หลังจากผ่านไป 15 นาทีก็มีการตอบกลับจากทางสถานีโดยระบุว่าขอโพสต์คลิปดังกล่าวลงในอินเทอร์เน็ตได้หรือไม่ โดยตอนแรกทั้งคู่ปฏิเสธ เพราะลำบากใจเกรงว่าจะมีคนมาหัวเราะเยาะลูกๆ แต่สุดท้ายก็ต้องยินยอมให้โพสต์เมื่อพยายามมองโลกในแง่ดีว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ซึ่งหลังจากทาง BBC โพสต์คลิปไปได้เพียงหนึ่งชั่วโมง ชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเพราะการแจ้งเตือนข้อความทั้งทางเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ต่างมีเข้ามาไม่ขาดสายโดยผู้คนต่างแชร์วิดีโอดังกล่าวออกไป จนถึงขั้นที่วันต่อมาเขาต้องตั้งค่าโทรศัพท์ในโหมดเครื่องบิน เพื่อปิดกั้นการรับรู้ทั้งจากอีเมลและโทรศัพท์จากคนรอบข้างและสื่อต่างๆที่ติดต่อเข้ามาหาเขาอย่างล้นหลาม โดยสื่อต่างๆทั้งจากอเมริกา, อุรุกวัย, ไนจีเรีย ไปจนถึง ออสเตรเลีย ต่างก็ร่วมรายงานคลิปข่าวนี้ ทางชาวเน็ตก็ร่วมกันโพสต์และแชร์คลิปนี้กันไปทั่วโลก โดยมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและแสดงความไม่เห็นด้วยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีการเข้าใจผิดว่า ภรรยาของเขาคือพี่เลี้ยงเด็กที่ฉุดกระชากเด็กๆออกไปอย่างไร้ความปราณีด้วย
“ผมผิดเองที่ทำให้ครอบครัวกลายมาเป็นคนดังทาง YouTube มันตลกมากเลย” โรเบิร์ต เคลลี กล่าวอย่างยอมรับในความผิดของตนเอง ที่ทำให้ทุกคนต้องเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม