"เธอมาช้าวันเดียวเธอตายแล้วนะ เธอไม่รอดแล้วนะ..." ประโยคแรกจากคุณหมอที่บอกกับอดีตนักร้องและเซ็กซี่สตาร์ชื่อดัง "แอน อังคณา ทิมดี" ที่ตอนนี้กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งจากสารพัดอาการป่วยกระทั่งทำให้เธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
และแน่นอนว่าแทบจะไม่เหลือเค้าของความเป็นอดีตเซ็กซี่สตาร์แต่อย่างใด
โดยอดีตเซ็กซี่สตาร์ได้เล่าย้อนกลับไปถึงสาเหตุอาการป่วยของเธอว่าเป็นเพราะที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ทานอาหารประเภทแป้งเลย ประกอบกับความล้มเหลวในธุรกิจที่ทำไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอาหารเสริม ร้านอาหาร เปิดผับ ทำรายการทีวี ฯ ทำให้เธอกับตัวตลอด 2-3 ปีไม่อยากเจอเพื่อนฝูง แถมรายได้ก็ไม่มี และนั่นทำให้เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้าขึ้นมา
"ก็แบบว่าหลังๆ เริ่มแย่ ป่วย ผมร่วงเลือดไม่ไปเลี้ยงสมองเพราะว่าเราไม่ได้ทานอะไรที่มีสารอาหารเลยอาการซึมเศร้าถึงเกิดขึ้น เท้าบวมมาก เดินไม่ได้ เป็นโรคซึมเศร้าไม่อยากเจอใคร เพื่อนก็โทรมาแต่ว่าไม่อยากไป เบื่อหน่าย" อยากทำงานแต่มันไม่มีงานทำ ก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ดูหนังดูซีรีส์ ไม่สนใจอะไร ข้าวปลาก็ไม่กิน กินไม่ลง ทานน้ำยังอาเจียน"
"ร่างกายก็เลยแย่แล้วก็เป็นอัลไซเมอร์นิดๆ ขนาดเพื่อนชื่ออะไรยังจำไม่ได้แต่ว่าไม่ได้เป็นมากมายนะคะ จนมีวันนึงเพื่อนก็บอกออกมาเจอบ้าง เราก็ไม่อยากจะไป แต่ก็ไป เพื่อนๆ ก็สั่งอาหารมา ตอนนั้นก็แบบว่าชั้นจะทานปลาให้หายอยากเลย เพื่อนก็คิดว่าจะกินเยอะ ที่ไหนได้ ชิ้นเดียวยังกินไม่หมด แล้วก็ล้มหัวคะมำก็พามส่งโรงพยาบาล"
บอกต้องเปลี่ยนถึง 3 โรงพยาบาลถึงจะพบว่าตนเองป่วยเป็นอะไร
"ธรรมดาเลือดคนทั่วไปจะอยู่ที่ 38 - 40 ของพี่ 15 ตาเหลือง ผอม ซูบ แต่พุงป่อง คือเหมือนคนท้องแปดเดือน บวมมาก สรุปหมอบอกว่าเป็นตับอักเสบ เป็นโรคเลือด แพ้ภูมิตัวเอง พี่ออกจากห้องไม่ได้เลย เลือดพี่น้อยมาก เค้าก็ให้เลือดไม่รู้ตั้งกี่ถุง แล้วตับนี่เป็นอะไรที่รักษายากมากเลยนะ"
"หมอบอกว่าถ้าจะให้ดีก็ต้องเปลี่ยนตับ พี่ตกใจกลัวและกังวลมากๆ ถ้าเปลี่ยนตับต้องนอนระยะนึง 3 เดือน 4 เดือน แล้วก็ใช้เงินไม่ใช่น้อยๆ เป็นล้าน แล้วพี่ไม่มีเงินเลยสักบาท"
เผยหลังจากที่เพื่อนนำภาพตัวเองไปเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลทำให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างมากมาย ทั้งเพื่อน เก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน ครูบาอาจารย์ ดีไซเนอร์ที่ทำงานด้วย เพื่อนๆ ศิลปินทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก
"คือตอนที่เพื่อนเอารูปไปลงยังเกรงใจเค้าเลยนะ นังเฮเลน (เฮเลน ปวรา) ก็บอก โอ๊ยพี่แอน นี่ยังจะมาอายอะไรอีก ถ้าอย่างนั้นใครเค้าจะช่วยล่ะ ก็ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมันก็ทำให้เรารู้เลยว่าใครที่เค้ามีน้ำใจบ้าง คนที่ไม่รู้จักอย่าเสก โลโซ พี่บิลลี่ โอแกน บางคนโอนเข้ามาเราก็ไม่รู้ว่าใคร"
อาการตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
"น้ำหนักขึ้นมาแล้ว 2 โล แต่หน้ามันไม่ขึ้น หน้ามันตรอบ ทุกเดือนก็จะต้องเข้าไปหาหมอ ก่อนหน้านี้ก็ไปมา ก็ภาวนาว่าเลือดอย่าได้ลดลงเลย ปรากฏว่าเพิ่มขึ้น ก็ไม่ต้องให้เลือด คือให้เลือดทีถุงนึงก็ 4 ชั่วโมงนะ แขนนี่ไม่เหลือแล้วโดนเจาะหมด ขนาดที่เท้ายังโดนเลยเพราะว่าต้องเอาวิตามันเข้าไป"
"ตอนนี้คุณหมอก็ห้ามทานของมัน ห้ามทานเค็ม ซึ่งปกติชอบมาก (หัวเราะ) ให้ทานน้ำหวานเยอะๆ แต่ก่อนเราดูแลหุ่นมาก น้ำอัดลมไม่ได้เลย ตอนนี้ทาน ส่วนข้าวยังแปลกๆ ยังเขี่ยอยู่ (หัวเราะ) แต่อตอนนี้ก็โอเค เพราะหมอให้ยาดีด้วย ทำให้เราทานข้าวได้ แล้วก็ไม่อาเจียนแล้ว
"ส่วนเรื่องตับ เธอไม่ต้องและ หาย หมอบอกว่าหายสนิท ตับไม่ได้รักษาง่ายๆ เลยนะ นี่ยังงงเลยนะหมอทำไมเก่งอย่างนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเราเริ่มมีกำลังใจที่ด้วย ตอนนี้ก็ต้องดูเกี่ยวกับเรื่องเลือดคือพี่ขาดมานานมาก ไม่ได้เพิ่งขาด แล้วก็ห้ามล้ม สะดุดไม่ได้เลยนะ สะดุดนี่ไปเลย"
"พี่เข้าโรงพยาบาลทั้งหมด 2 เดือนกว่า จริงๆ คุณหมอยังไม่อยากให้ออก แต่เราอยากออกเพราะไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไมเฉยๆ หมอกก็บอกอย่าหักโหม ให้รอสักระยะ ถ้าล้มตอนนี้จะหนักเลย สมองไปหมด คืออย่าให้ล้ม"
พร้อมกลับมารับงานในวงการบันเทิง ส่วนเรื่องลงทุน-เป็นเจ้าของกิจการคงไม่แล้ว
"ตอนนี้สมองยังคิดอะไรไม่ค่อยออก ก็ฝากเนื้อฝากตัวไปผู้จัดก็ไหวแล้ว ถ้าเค้าคิดว่าอยู่ในตรงนั้นได้ก็โอเค ก็มีเพื่อนชวนทำร้านอาหารนะ แต่ชั้นจะไม่ลงทุนแล้วนะคะ ชั้นขอเป็นลูกจ้างค่ะ (หัวเราะ) ก็มีไปช่วยเพื่อนที่เค้ามีร้านทำเล็บ ทำสปากระเป๋า ถ้าว่างก็จะไปอยู่ตรงนั้น"
เรื่องผู้ชาย?
"หายหมดเลย (หัวเราะ) ก็มีคนมานะแต่พี่มันเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว ก็ยังงงเหมือนกันนะว่าทำไม จากคนที่อย่างนั้นอย่างนี้ อยู่ๆ อะไรก็ไม่รู้ พี่เองอาจจะเบื่อหน่ายเค้าก็เลยไป แต่ตอนนี้ไม่ได้จูนเรื่องนั้นเลย คิดแต่จะทำงานอย่างเดียว เราจะต้องไหวนะ เพราะเรามีค่าใช้จ่ายเยอะเราจะต้องดูแลครอบครัวอีก"
บอกประสบการณ์เฉียดตายครั้งนี้ทำให้ได้ข้อคิดอะไรมากมาย ก่อนลั่นจะกลับมาเซ็กซี่อีกครั้งให้ได้
"ถ้าจะฝากคืออย่าขาดสารอาหาร ทานแป้งด้วย นมด้วย ทานให้ครบห้าหมู่ดีที่สุด อีกอย่างออกกำลังกายให้เป็นประจำ อย่างแอนไม่ได้ออกมาตั้ง 3 ปี ตอนนั้นซิทอัพมันก็ไม่ขึ้นแล้ว ติดพุง (หัวเราะ) แล้วก็อย่าเครียด อย่าไปคิดมาก ออกกำลังกายดีที่สุด แล้วเราก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง"
"คือเราสอนคนมาเยอะมาก ทุกคนปประสบความสำเร็จในเรื่องการดูแลสุขภาพแต่เรากลับมาแย่เอง (หัวเราะ) แล้วก็ต้องออกไปเจอผู้คน ไปเจอเพื่อน บางทีเราอาจจะคิดไปเองว่าไม่มีใครสนใจ แต่จริงๆ ไม่ใช่ ก็ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมาเรารู้เลยว่าใครคือเพื่อน ใครคือผู้มีพระคุณกับเรา"
"ส่วนอนาคตคิดว่าน่าจะทำหนังสือสักเล่ม ก็มีน้องดาราหลายๆ คนที่อยากจะมาประชัน (หัวเราะ) มาร่วมถ่ายด้วย คงน่าจะใกล้ๆ ปีใหม่ ให้ท้องมันยุบไปอีกนิดนึง (หัวเราะ)..."
...
(หมายเหคุ : เรียบเรียงจากรายการ "คนเคาะข่าว" ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง News1)