“อีฟ พุทธธิดา” แต่งสามีเข้าบ้าน ลั่นเป็นเงื่อนไขเพราะตนเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อแม่อายุเยอะแล้วอยากอยู่ดูแล เปิดใจคบ 6 เดือน มั่นใจเป็นคนที่ใช่ เจ้าบ่าวทุ่มแหวนเพชรให้ 8 กะรัต แต่อุบสินสอดบอกไม่ได้นับ จดทะเบียนแล้วแต่ขอใช้นามสกุลเดิม เผยพ่อสร้างอะไรไว้เยอะไม่มีคนสืบทอด เจ้าบ่าวบอกพ่อตา “ต้อย เศรษฐา” ฝากฝังให้ดูแลลูกให้ดี ไม่ได้ชมตัวเอง แต่มั่นใจเป็นคนดี
เข้าพิธีรดน้ำสังข์ไปเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ล่าสุด วันที่ 4 มีนาคม 2560 คู่สามีภรรยา “อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา” ลูกสาว “ต้อย เศรษฐา - อรัญญา นามวงศ์” และ “ต้น เติมศักดิ์ ศักดาพร” ได้จูงมือเข้าพิธีฉลองมงคลสมรส ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะปิดห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี รองรับแขกเหรื่อกันเลยทีเดียว โดยเจ้าบ่าวถือเคล็ดเลขมงคล มอบแหวนเพชร 8 กะรัต ด้านสินสอดสมน้ำสมเนื้อ
อีฟ : “แต่งแล้วค่ะ แต่งตั้งแต่วันที่รดน้ำสังข์ วันที่ 26 ก.พ. ค่ะ ที่บ้านพิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิมทอมสัน ค่ะ”
ต้น : “เรื่องสินสอดทองหมั้นผมเป็นคนดูแลแค่เรื่องแหวนครับ ส่วนเรื่องสินสอดอย่างอื่นพวกแก้วแหวนเงินทองก็คือจะเป็นทางผู้ใหญ่ของผมเป็นคนดูแล ผมไม่ทราบเหมือนกัน”
อีฟ : “และไม่ได้นับด้วยค่ะ (หัวเราะ)”
ต้น : “แต่สมน้ำสมเนื้อครับ”
อีฟ : “พ่อก็ยกให้นะ คือกล้ายกลูกสาวให้แล้ว เขาก็น่าจะพอใจแล้ว”
แหวนเพชร 8 กะรัต ยึดหลักเลขมงคล อีฟขอใช้นามสกุลเดิม
ต้น : “แหวน 8 กะรัตครับ เลข 8 เป็นเลขมงคลครับ เพราะผมมีเชื้อจีนอยู่ด้วยก็เลยเลือกเลข 8”
อีฟ : “อีฟใช้นามสกุลเดิมค่ะ”
ต้น : “ชีวิตหลังแต่งมีความสุขดีนะครับ (หัวเราะ)”
อีฟ : “ชีวิตคู่น่ะค่ะ อีฟรู้สึกว่าเราเป็นสามีภรรยาแล้วนะ จริงๆ ในวันงานที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอย่างนี้เอง วันที่ทุกคนมาแสดงความยินดีกับเราด้วยความตั้งใจมา เต็มใจมา และที่สำคัญคือ พรต่างๆ ที่ได้รับในวันแต่งทำให้พวกเรารู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไป คือเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการได้รับพร ได้ผ่านพิธีมันทำให้ชีวิตเปลี่ยน (หัวเราะ)”
ต้น : “คือ จากเดิมที่เราใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ทำแต่งาน ต่อจากนี้ไปเราก็ต้องคิดถึงเขา ก่อนหน้านี้เราอาจจะกลับบ้านไม่เป็นเวลาบ้าง แต่หลังจากนี้ก่อนจะกลับบ้านก็จะโทร.บอกเขาว่าเราจะกลับบ้านแล้วนะ เพื่อให้เขาสบายใจ เพราะไม่ใช่คนๆ เดียวแล้ว เราสองคนคือคนๆ เดียวกัน”
อีฟ : “ก็แฮปปี้ดีค่ะ เพราะต้นเขาค่อนข้างเหมือนพ่อ เพราะฉะนั้นเขาก็เข้ากันได้ดีอยู่แล้ว พ่อก็เหมือนมีลูกชายใหม่ ตอนแรกเราก็เหมือนเป็นคู่เฉยๆ แต่ตอนนี้อีกหน่อยเราจะเป็นครอบครัว เราก็เหมือนอัปเลเวลขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งเป็นครอบครัวค่ะ”
“ต้อย เศรษฐา” พ่อตาฝากฝังดูแลลูกสาวให้ดี เจ้าบ่าวมั่นใจตนเป็นคนดี อีฟเผยไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธคนที่กล้าเลือกเรา
ต้น : “ดูแลลูกสาวคนเดียวของพ่อให้ดีนะครับ แค่นั้นเอง สั้นๆ เลย (หัวเราะ) ผมก็จะดูแลให้ดีครับ ดูแลทุกวันให้ดีที่สุด ผมก็ทำได้แค่สัญญากับแกว่าจะดูแลให้ดีที่สุด เหมือนกับที่แกรักและเป็นห่วง”
อีฟ : “เขาชนะใจเรา ตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆ ตั้งแต่เดตครั้งแรกอีฟก็อยู่กับเขา คือ คนไม่เคยเจอกันเลย แต่ไปเดทกันครั้งแรกวันวาเลนไทน์ คือไปทำความรู้จักกัน ณ วันนั้นมากขึ้น เหมือนกับพอเจอกันแล้วได้คุย กินข้าว 7 ชั่วโมง ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไป 7 ชั่วโมงแล้ว อันนั้นเป็นประกายแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เคยอยู่กับใครที่เราไม่รู้จักและใช้เวลาได้ถึง 7 ชั่วโมง แสดงว่าเขาต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย มันเริ่มจากตรงนั้น และเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่นและเป็นผู้ชายที่โตแล้ว มีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจ ที่สำคัญคือถ้าเขารักเราและเขากล้าที่จะเลือกเรา เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฎิเสธค่ะ”
ต้น : “สำหรับผมวันแรกที่เจอเขา เราไม่รู้จักกันเลย แต่เขาเป็นคนพูดเก่งมาก เราก็นั่งฟัง ครับๆ ตอบได้คำเดียวว่าครับ ผมเป็นคนที่ชอบเรื่องสัพเพเหระ ชอบฟังซะส่วนใหญ่ เป็นคนที่พูดน้อย และผมแพ้คนสวยครับ (หัวเราะ)”
คบ 6 เดือนแล้วแต่งเลย เผยระยะเวลาไม่สำคัญ
อีฟ : “6 เดือนค่ะ”
ต้น :“ระยะเวลาไม่สำคัญนะ เพราะหลังจากที่ผมรู้จักเขาทุกๆ วันผมจะมีเวลาให้เขาทุกๆ เย็น อยู่ด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน มีเวลาดูหนังตามประสาวัยรุ่นน่ะครับ (หัวเราะ) ออกกำลังกายบ้าง จนเรารู้สึกว่าเรามีเวลาเยอะนะสำหรับทุกๆ วัน วันละ 3 - 4 ชั่วโมง จนถึง 6 เดือนก็เยอะอยู่นะ แต่จะทำยังไงให้เราได้เข้าใจเขามากขึ้นในทุกวันๆ ทำให้เรารู้สึกว่าคนๆ นี้แหละใช่ ก็ขอเลยแล้วกัน ณ ตอนนั้นนะครับ”
อีฟ : “ตอนถูกขอก็ตกใจนิดหนึ่ง คือเขาชอบพูดเล่น เวลาไปกินข้าวกับเพื่อนๆ เขาก็จะชอบพูดเล่นว่าเดี๋ยวถ้าเกิดแต่งงานเพื่อนๆ กั้นประตูอย่ากั้นโหดนะ คือ เหมือนเขาจะแซว เขาพูดเล่นอยู่เรื่อย ก็ไม่เคยคิดว่าเขาตั้งใจจะขอจริงๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้นค่ะ แต่ว่าพอตอนที่ถูกขอจริงๆ แล้วเราก็รู้สึกอึ้งไปแป๊บหนึ่ง มันเหมือนเรื่องโกหกน่ะ มีกล้องหลอกรึเปล่า (หัวเราะ) คือ โดนขอแล้วอีฟก็ยังนิ่งอยู่นานเลยค่ะ เขาถึงกับต้องมาเขย่าตัวว่าตกลง yes หรือ no คือเรานึกว่าโดนหลอก พอเขาถามเราว่าตกลงจะแต่งหรือไม่แต่ง อีฟก็เลยตอบว่า yes ณ วินาทีที่เราเงียบไปเราก็นึกไม่ออกว่าเราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะตอบว่าไม่น่ะค่ะ เราก็รักกัน และเขาก็เป็นคนที่พร้อมแล้ว ถ้าเขาพร้อมเราก็ควรจะต้องพร้อมค่ะ”
ปิดอิมแพ็คฉลองมงคลสมรส บอกขำๆ มีคนอยากมาแสดงความยินดีกับพ่อแม่เยอะ เพราะไม่คิดว่าตนจะขายออก
อีฟ : “จริงๆ ตัวอีฟอยากจะมีงานเล็กๆ ด้วยซ้ำนะคะ แต่ด้วยพ่อแม่เรา คือมีคนที่อยากจะมาแสดงความยินดีกับพ่อแม่เราว่าลูกขายออกเนี่ยเยอะมาก (หัวเราะ) รวมถึงตัวเราเอง เพราะทุกคนไม่เคยคิดว่าอีฟจะแต่งงาน พอบอกออกไปว่าเราจะแต่งงานนะ ทุกคนก็ดูดีใจมาก ทุกคนก็อยากจะมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งอีฟก็เลยคิดว่าถ้าทุกคนตั้งใจจะมา เราก็อยากจะมีพื้นที่มากพอที่จะรองรับทุกคนอย่างสะดวกสบาย อีฟก็เลยเลือกสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่เพื่อที่จะรองรับได้ทุกคน”
ธีมงานแนววินเทจ ยึดแม่เป็นต้นแบบ บอกถ้าแม่ใส่สวย เราก็ต้องสวย
อีฟ : “อันนี้เป็นสิ่งที่เราคิดตรงกัน คือ อีฟเป็นคนที่ชอบแนววินเทจ ต้นก็ชอบ อีฟเป็นผู้หญิงหุ่นแบบคนยุคเก่า ใส่เสื้อผ้าแบบยุคร่วมสมัยไม่สวย ก็เลยอยากใส่ชุดในยุคที่เรารู้ว่าแม่เราใส่สวย ถ้าแม่เราใส่สวยเราก็ต้องใส่สวย ก็เลยเอาแม่เป็นแบบค่ะ เพราะเราก็อยากให้ดูย้อนยุคนิดหนึ่งด้วยค่ะ”
เจ้าบ่าวประกาศ ต่อให้เจ้าสาวไม่ทำงานตนก็เลี้ยงไหว เพราะธุรกิจมีทั่วประเทศ อีฟลั่นวุฒิภาวะพร้อมเป็นภรรยาและแม่บ้าน
ต้น : “ถ้าไม่ทำก็เลี้ยงไหวครับ แต่เราก็อยากให้เขาทำในสิ่งที่เขารักและเขาโตมากับวงการนี้ ผมก็คิดว่าปล่อยเขาให้ได้ทำงานในสิ่งที่เขารักดีกว่า ส่วนเขาจะมาช่วยงานผมผมก็ยินดี มาได้ตลอดครับ ธุรกิจของผมมีทั่วประเทศครับ ส่วนเรื่องเซ็กซี่จริงๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างหวงนะ หวงแฟนมาก แต่ว่าเขาโตแล้ว เขาก็ต้องรู้ลิมิตของตัวเองอยู่แล้ว”
อีฟ : “อีกหน่อยเขาก็จะบอกว่าถ้ามีลูกไม่อายลูกเหรอ คือ เขาก็จะมีวิธีดักทางเราเองแหละ และอีฟได้ใช้ชีวิตในช่วงที่อีฟต้องการแบบเป็นตัวของตัวเองเยอะมากแล้วค่ะตลอดเวลา 7 - 8 ปีที่ผ่านมา (หัวเราะ) มันก็เป็นช่วงเวลาที่อีฟได้ใช้อย่างเต็มที่ค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราจะโตขึ้นโดยวุฒิภาวะแล้วก็คงต้องมีความพร้อมที่จะเป็นภรรยาและเป็นแม่บ้านให้มากขึ้น”
ฝ่ายชายเสียสละย้ายเข้าบ้านเจ้าสาว อีฟรับไม่เปลี่ยนนามสกุลเพราะเป็นคสุดท้ายที่สืบทอดวงศ์ตระกูล ส่วนพ่อก็สร้างไว้เยอะ
ต้น : “ผมย้ายเข้าบ้านเขาครับ ด้วยที่พ่อกับแม่ของคุณอีฟก็อายุพอสมควรแล้วครับ ผมเป็นคนที่ชอบดูแลผู้หลักผู้ใหญ่อยู่แล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่ผมจะย้ายเข้าไปแล้วได้ช่วยเขาแบ่งเบาภาระด้วย”
อีฟ : “จริงๆ ที่ใช้นามสกุลเดิมเพราะในตระกูลอีฟไม่รู้จักญาติที่ไหนอีกแล้วที่นามสกุลนี้ คืออีฟเป็นคนสุดท้ายเท่าที่พ่อบอก ก็เลยรู้สึกว่าพ่อสร้างไว้เยอะ เลยอยากจะเก็บไว้ถ้าทางนี้เขาไม่ว่าอะไร ซึ่งคุยกันแล้ว ก็ต้องบอกว่าต้นเป็นผู้ชายที่ใจดีมาก ก็ตกลงกันว่าไม่เป็นไรงั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยน และที่เขายอมย้ายเข้าบ้านเงื่อนไขก็คืออีฟเองตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าแต่งงานอีฟจะไม่ออกจากบ้าน คือผู้ชายอาจจะต้องเสียสละนิดหนึ่ง เพราะบ้านมีแค่นี้ แค่อีฟ พ่อ แม่เท่านั้น แม่ก็ป่วยมาแล้ว เรามีประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้ว เราไม่อยากไปไหนไกล ซึ่งทางนี้ก็เข้าใจ ครอบครัวเขาก็เข้าใจ ก็เลยไม่มีปัญหา ยิ่งทำให้ทุกๆ อย่างเข้าล็อกค่ะ”
เรื่องทายาทขอลองปล่อยตามธรรมชาติไปก่อนสัก 1 ปี
อีฟ : “ตั้งใจไว้ว่าไม่คุมค่ะ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ จริงๆ หลายคนก็ทักว่าไม่เด็กแล้วนะ ไม่ปรึกษาหมอก่อนเหรอ แต่ใจก็คุยกันไว้ว่าจะลองธรรมชาติไปก่อน ลองไปก่อนสักปีหนึ่งค่อยว่ากันถ้ายังไม่มา”
ต้น : “สำหรับผมจะผู้หญิง ผู้ชายก็ได้หมดนะ แต่ถ้าที่อยากได้จริงๆ อยากได้ผู้ชายครับ”
หยอดหวานหยด เป็นคนดีพอที่จะดูแลผู้หญิงคนนี้ ฝ่ายหญึงรับอยากแก่ไปด้วยกันเหมือนพ่อกับแม่
ต้น : “พ่อสอนสั้นๆ มาก เป็นคนดี เข้าใจ รักครอบครัวให้มาก แค่นั้นเอง ส่วนผมแล้วคือไม่ได้ชมตัวเองนะ ผมก็คิดว่าผมก็เป็นคนดีคนหนึ่งครับ ที่จะดูแลผู้หญิงคนนี้ได้ ในเมื่อเรารักเขา เราก็ต้องทำให้เขาได้ทุกอย่าง ผมคิดแค่นี้เองครับ ง่ายๆ”
อีฟ : “คือ เราต้องหาจุดกึ่งกลางให้กันและกัน คือต้นเขาก็เป็นผู้ชายที่ทำงานสุด อีฟเองทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัวก็สุดเหมือนกัน ก็คิดว่าเราคงต้องจูนกัน และอาศัยคำว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยและให้เกียรติซึ่งกันและกันให้มาก อีฟคิดว่าเป็นจุดที่ทำให้ชีวิตคู่ประสบความสำเร็จ อย่างพ่อกับแม่เขาก็อยู่ด้วยกันแค่นั้น ความรักมันเป็นตัวก่อเกิด อย่าให้อะไรอย่างอื่นมากระทบความรักของเรา คือต้องสร้างภูมิความรักของเราด้วยความเข้าใจ ยอมลด ยอมวาง และให้พื้นที่กันและกันบ้าง สิ่งเหล่านี้เรามีพ่อแม่เป็นตัวอย่าง และโชคดีที่พอเราอยู่ด้วยกันเราก็เห็นเขาทุกวัน เราก็จะได้ไม่ลืมว่าเรารู้จักเขายังไง และสักวันหนึ่งเราก็จะเป็นแบบเขา จะแก่ไปด้วยกันแบบเขา”
โยนหน้าที่ฮันนีมูนให้เจ้าบ่าวตัดสินใจ
อีฟ : “ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”
ต้น : “ก็คิดไว้บ้างนะครับ”
อีฟ : “เรื่องนี้อาจจะโยนไปให้เจ้าบ่าว เพราะงานแต่งอีฟคิดหมดแล้ว ทำเองทุกอย่าง (หัวเราะ) ที่ผ่านมายุ่งจริงๆ ค่ะ ไม่ได้ทำงานหลายเดือนเลย ก็เลยอาจจะขอคิดก่อนเรื่องนี้ เพราะไม่ได้ทำงานนานด้วยก็เลยอยากกลับไปทำงานก่อน มีงานที่ต้องสะสางเยอะเลย”
สมใจ อยากได้แฟนเด็ก
อีฟ : “ใช่ (หัวเราะ) โดนหลอกมา”
ต้น : “ยอมให้หลอกมากกว่ามั้ง (หัวเราะ) อายุเป็นแค่ตัวเลขครับ (ยิ้ม)”