“เอสเธอร์” ยันคืนเงินมัดจำไปแล้ว หลังถูกอีเวนต์แคนเซิลงาน ตอกสัจจะสำคัญแต่ตนหยวนให้ ซัดออแกไนซ์รู้แก่ใจว่าตนไม่ได้เบี้ยว เชิดใส่ถูกแจกสตรอว์เบอร์รี ครั้งหน้าขอของจริง
ถูกแฉต่อเนื่องเลยทีเดียว สำหรับ “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ล่าสุด โดนตราหน้าว่าเป็นนางเอกสตรอว์เบอร์รีเบี้ยวอีเวนต์ เอาเงินมัดจำไปแล้วก็ไม่คืน ทำอีเวนต์ป่วน ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าไม่น่าจะใช่ตนเพราะสัจจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเป็นงานอีเวนต์เกี่ยวกับเครื่องสำอางแบรนด์หนึ่งนั้น ตนเป็นฝ่ายที่ถูกแคนเซิลและได้คืนเงินมัดจำไปแล้ว
“ไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะเร็วๆ นี้ ยังไม่มีออกอีเวนต์ไหนเลย อย่างที่เพิ่งมีปัญหาไปอันนั้นเราก็ไม่ได้ไปงานอีเวนต์ด้วยอย่างที่บอกคือโดนแคนเซิลงาน ไม่น่าจะเกี่ยวแน่นอนค่ะ”
“(มีงานที่มีชื่อเราแต่ตอนหลังเปลี่ยนเป็นคารีสา?)ไม่แน่ใจ เพราะหนูไม่รู้เลยค่ะ ถ้าเป็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแสดงว่าน่าจะเป็นอันหนึ่งที่เขาติดต่อมาก่อนค่ะ แล้วได้มีการแคนเซิลไป เหมือนทางออแกไนเซอร์บอกว่าอยากให้โฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์มากกว่าค่ะ ก็เลยแคนเซิลไป”
อีเวนต์อ้างต้องแคนเซิล เพราะอยากให้คนโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์ ปัดไม่คืนเงินมัดจำ แต่ไม่แน่ใจแม่คืนทั้งหมดหรือไม่
“เป็นปกติค่ะ เวลาเราทำงานก็ต้องมีการมัดจำถ้าได้คอนเฟิร์มแล้ว พอมัดจำปุ๊บถ้าแคนเซิลเขาก็ได้รับปากไว้แล้วว่าถ้ามีการแคนเซิลคุณก็ต้องจ่ายมาทั้งหมดใช่มั้ยคะ แต่สุดท้ายได้มีการแคนเซิลเขามาบอกว่าถ้างั้นขอคืนได้มั้ยค่ามัดจำ ซึ่งถ้าตามที่ทำงานสัจจะลั่นแล้ว มันก็ต้องทำตามที่เซ็นสัญญาไว้ แต่โอเคไม่เป็นไรเขาคุยกับคุณแม่ไว้ ซึ่งหนูไม่รู้รายละเอียดอะไร โอเคไม่เป็นไรหยวนๆ ไปแล้วกัน เราก็เลยคืนไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าคุณแม่คืนหมดมั้ย หนูไม่รู้รายละเอียด แต่ได้ยินคุณแม่คุยโทรศัพท์ทำให้รู้แค่เบื้องต้นค่ะ”
“เขาเป็นฝ่ายแคนเซิลค่ะ ก็อย่างที่บอกไปตอนแรก เขาอยากจะโฟกัสที่ตัวผลิตภัณฑ์เขา อยากให้สัมภาษณ์เรื่องผลิตภัณฑ์เขามากกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับข่าว แต่หนูมองว่าลูกค้ามองสถานการณ์ ณ ตอนนั้นเป็นยังไง”
ถูกแคนเซิลเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เสียความรู้สึก คาดเคลียร์ไม่ตรงกันเหตุตนไปตอบคำถามประเด็นข่าวในงานอีเวนต์งานอื่น
“ไม่เสียความรู้สึกนะคะ หนูว่ามันเป็นปกติ มีการตกลง มีการแคนเซิล เดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรที่ธรรมดาแล้ว การทำงานมันก็ต้องมีการตกลงทั้งสองฝ่ายตามที่เห็นปรองดองกัน (มีกระแสว่าถูกแคนเซิลเพราะไปตอบประเด็นข่าวงานก่อนหน้านั้น?) จริงๆ แล้วด้วยความที่งานนั้นมันมาก่อน เราก็ต้องให้เกียรติพูดงานนั้นก่อน อยู่ดีๆ เราจะไปไม่พูด เก็บเอาไว้พูดอีกงานก็ไม่ได้ พี่ๆ นักข่าวทุกคนก็มาแล้ว เราก็ต้องให้เกียรติงานที่มาก่อน คือถ้าคุณต้องการแบบนั้นคุณต้องบอกแต่แรกว่าคุณต้องการอะไร ให้เข้าใจและเคลียร์กันตรง เราจะได้รู้ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะได้ไม่รับตั้งแต่แรกแล้ว”
“เราไม่ได้ถามคุณแม่ว่าคุยอะไรกับออแกไนซ์ เพราะคุณแม่อยู่ด้วย สัมภาษณ์กันทุกคนได้ยินหมด มันก็มีข่าวออกไป มีไลฟ์สด หนูว่าต่างคนต่างแสดงความต้องการที่ไม่ชัดเจน ไม่บอกความต้องการที่ชัดเจนของตัวเอง ทางนั้นเขาไม่ได้บอกอย่างนี้ค่ะ เขาแค่บอกว่าเซฟๆ ไว้นะ แล้วคือเราก็ไม่รู้เซฟๆ คือยังไง เพราะทุกครั้งที่ทำงานมันก็ต้องมีการสัมภาษณ์หลังงานอีเวนต์ มันก็เป็นเรื่องปกติที่เราทำมา เราไปออกงานไหนก่อนเราต้องให้สิทธิ์เขาก่อน”
รับเริ่มงง รู้แก่ใจ ไม่ได้เบี้ยว! ไม่กลัวคนไม่กล้าจ้าง
“ถ้าจะมาบอกว่าเบี้ยวงานต่างคนก็ต่างรู้อยู่แก่ใจค่ะ รู้ว่าอะไรมันคืออะไร เราก็ไม่ต้องไปแก้ไขอะไรแล้ว เจอปัญหาอีเวนต์ เริ่มงงๆ แล้ว แต่ก็เข้าใจค่ะ การทำงานมันมีปัญหากันได้อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ ไม่กลัวคนไม่กล้าจ้างค่ะ จ้างได้ๆ ก็ยังมีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ว่างค่ะว่าง คิวไหนว่างจ้างได้เลยค่ะ (หัวเราะ)”
ปัดอัปค่าตัวหลักแสน ขอเก็บเรื่องเงินเป็นเรื่องส่วนตัว
“ว้าย ไม่นะคะ ปกติ เรตการทำงานหนูไม่ได้ขึ้นค่ะ เป็นเรตที่คงที่มาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่อย่ารู้เลยเรื่องจำนวนเงิน เรื่องเงินเอาไว้เป็นส่วนตัวดีกว่าค่ะ ส่วนตัวสโคปของงานหนูว่าเป็นกันทุกคนนะคะ ถ้าใช้ให้ทำงานในปริมาณเยอะ เราก็ต้องคิดงานตามลักษณะของงานค่ะ เราคุยตกลงกันด้วยดีอยู่แล้วค่ะ เพราะที่ผ่านมาทำอีเวนต์ก็ไม่ได้มีปัญหาตลอดเลยค่ะ”
ไม่เครียดถูกแจกสตรอว์เบอร์รี ตอกวันหลังจะแจกขอเป็นของจริง!
“แล้วแต่คนจะคิดแล้วกันค่ะ เพราะเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และอีกอย่างเราก็ชินแล้ว เพราะมันเป็นอาชีพที่สิ้นเปลืองเหมือนกันนะ คนจะเอาเราไปว่า เอาเราไปพูดอะไร ทั้งๆ ที่เขาก็ยังไม่ได้รู้จักเราดี เราก็ต้องทำใจและเข้าใจ ณ จุดๆ นี้ค่ะ”
“ไม่เครียด พยายามจะไม่คิด หนูถือว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ ถ้าวันหลังจะแจกขอเป็นของจริงดีกว่า (หัวเราะ) ช่วงแรกๆ บั่นทอนค่ะ แต่หลังๆ ชินแล้ว มันเหมือนเป็นยาชั้นดีให้เรารู้สึกว่าเรามีเกราะที่แข็งแรงมากขึ้น เราโตขึ้น เรามองเห็นโลกที่กว้างมากขึ้นค่ะ”
“เคน ภูภูมิ” ให้กำลังใจเหมือนเดิม
“ปกติค่ะ ให้กำลังใจเหมือนเดิม เขาไม่ได้มีถามอะไร เราคุยกันเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่าช่วงนี้เป็นยังไง”