“เชน ธนา” ใช้ชีวิตช้าลงหลังมีเมีย เล็งควง “เจมส์ กณิการ์” ไปฮันนีมูนที่นิวยอร์ก 3 เดือน บอกต้องมีลูกให้ได้ปลายปีนี้ ไม่ตกใจภาษีสินสอด คาดเป็นแค่เรื่องดรามาในอินเทอร์เน็ต เพราะยังไม่มีใครเรียกตัวเข้าไปชี้แจง บอกถ้าผิดจริงพร้อมแก้ไข เปิดใจสินสอด 168 ล้านบาท ยังอยู่ในกระเป๋า วางเป็นพิธีในงาน แม่ยายคืนให้เป็นทุนเริ่มต้นชีวิตคู่
เป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันที่หวานกันสุดๆ สำหรับหนุ่ม “เชน ธนา ลิมปยารยะ” และ "เจมส์ กณิการ์ ลิมปยารยะ” ที่หลังจากแต่งงานแบบอลังการด้วยสินสอดกว่า 168 ล้านบาท เมื่อไม่นานมานี้ยังจูงมือไปจดทะเบียนสมรสบนบอลลูนที่เชียงราย ซึ่งพอเจอทั้งคู่ในงาน HOWE AWARDS 2016 ณ ห้อง เมแฟร์ บอลลูม โรงแรม เบอร์เคลี่ย์ โฮเตล ประตูน้ำ กรุงเทพฯ ทั้งเชนและเจมส์ก็เผยมีความสุขสุดๆ ที่ได้ใช้ชีวิตคู่กันเต็มรูปแบบแล้ว
เชน : “เป็นช่วงวาเลนไทน์ก็อยากให้เป็นอะไรที่น่าจดจำสำหรับชีวิตคู่ ไปจดทะเบียนกันที่ จ.เชียงราย ก็ดีนะ เรารู้สึกว่าชีวิตช้าขึ้น เราเป็นมนุษย์ออนไลน์อยู่ในกรุงเทพฯ ก็จะวุ่นวาย พอไปอยู่เชียงรายด้วยอากาศ บรรยากาศมีบอลลูน ทำให้เรามีช่วงชีวิตที่น่าจดจำเพิ่มขึ้น ตอนนี้เรียกได้ว่าชีวิตคู่เต็มรูปแบบแล้ว ทั้งเตรียมตัวเรื่องแต่งบ้าน ทั้งวางแพลนมีลูกช่วงปลายปี ทุกอย่างเข้าสู่ชีวิตครอบครัวเต็มรูปแบบ ปลายนี้จะไปฮันนีมูนก็อาจจะมีน้องนิวยอร์ก (หัวเราะ) ถ้าเคลียร์งานได้ผมก็กะจะไปสัก 2 - 3 เดือนเลยครับ”
เจมส์ : “พี่เชนเขามักมีเรื่องเซอร์ไพรส์ตลอดเวลาอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เป็นเซอร์ไพรส์ที่น่ารักดี อยู่ในบรรยากาศดีๆ ด้วย รู้สึกสดชื่น ได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกับเขา และเปลี่ยนมาใช้นางนำหน้าชื่อด้วย ก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ (หัวเราะ) แต่จะพยายามปรับตัว”
เปิดใจพร้อมมีลูกมาก ห่วงเมียต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน มะเร็งปากมดลูก
เชน : “ก็พร้อมมีน้องแล้วครับ น้องเจมส์เขาต้องไปฉีดวัคซีนเพิ่ม ต้องมีการตรวจร่างกายก่อน เพราะเขามีโอกาสเป็นโรคหัดเยอรมัน มะเร็งปากมดลูกอีก ต้องเว้นไว้ประมาณ 3 - 6 เดือน สำหรับสุขภาพของผมแข็งแรงดีร้อยเปอร์เซ็นต์ พร้อมทุกอย่าง ตั้งใจจะมีน้องให้ได้ปลายปีนี้”
เจมส์ : “ส่วนตัวเจมส์ไม่มีความกังวลอะไร ก่อนที่จะเตรียมตัวมีน้องเราไปตรวจไว้ก่อน ถือเป็นการป้องกันที่ดี ก็ไว้ใจคุณหมอ ถามว่ามีดูฤกษ์สำหรับการมีลูกไว้บ้างมั้ย ก็เป็นฤกษ์ปลายปี”
เผยไม่ตกใจข่าวว่าโดนเรียกเก็บภาษีสินสอด เชื่อเป็นแค่ดรามาในอินเทอร์เน็ต บอกสินสอด 168 ล้านทำทุกอย่างถูกต้อง
“จริงๆ เรื่องนี้ผมทราบข่าวสักพักใหญ่แล้ว ก็ไม่ได้ตื่นตัวอะไร เพราะตัวผมเองทำตามกฎระเบียบมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นนักร้อง มีอะไรเราติดต่อตลอด แต่เรื่องนี้เนื่องด้วยตัวสินสอด เราวางเป็นพิธีในงาน พอให้แม่ยายไปเขาก็ให้คืนกลับมาเป็นเงินไว้เป็นต้นทุนชีวิตสำหรับเราสองคนในการเริ่มต้นชีวิต นั้นก็หมายถึงว่าก็ยังเป็นเงินของเราเหมือนเดิม”
“ก็ยังไม่มีทางไหนเรียกไปพบนะครับ แต่ทางบริษัทได้ติดต่อทุกปีอยู่แล้ว เพราะเราทำธุรกิจด้วยความถูกต้อง ตามกฎระเบียบทุกอย่าง คิดว่าเขาก็เลยไม่ได้เรียก เราก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า แต่ถ้าทำผิดจริงๆ ก็ยินดีที่จะทำให้มันถูก ตอนนี้รู้สึกว่ามันก็เป็นเงินของเรา ถ้าเกิดว่ามีปัญหาอะไร สมมติเลิกรากันไปเราก็ต้องแบ่งให้เขาอยู่แล้ว เพราะเราเป็นลูกผู้ชายพอที่จะแบ่งทุกอย่างที่หาด้วยกันมาตั้งแต่บาทแรก”
“คงเป็นดรามาในอินเทอร์เน็ตทั่วไป อยากให้ลองศึกษาดีๆ ดรามาเรื่องผมมันมีทั้งเรื่องบวกและลบ ก็มีคนเข้ามาเถียงแทนว่าทำไมฉันให้เงินแม่ยายไปไม่เห็นต้องเสียภาษีหรืออะไรเลย มันกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนก็ยังงงกันอยู่ ซึ่งพอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นผมก็มีได้ปรึกษาทนายส่วนตัว จริงๆ ยังไม่เข้าข่าย ถ้าเกิดว่าผิดจริงๆ ก็ยินดีเข้าไปทำให้มันถูกต้อง”
“ตอนนี้ยังมั่นใจว่าเป็นแค่เงินเราที่เอาออกมาทำตามพิธีในงานแต่ง แล้วก็เอาเก็บเข้าไปในบัญชี ต้องบอกว่ามันมีนัยหลายอย่าง อย่างเรื่องบ้าน 147 ล้าน ผมก็ไม่ได้ซื้อสด พูดกันแบบสามัญชน ถ้าเราวางแผนที่จะมีลูกสร้างครอบครัว บางทีเงินสดก็สามารถเอาไปทำอะไรได้อีกเยอะ ยิ่งเราเป็นนักธุรกิจผมเชื่อว่า ถ้ามีเงินในมือผมสามารถสร้างให้มันเยอะขึ้นได้อีก บ้านก็มีการดาวน์และผ่อนเหมือนสามัญชนทั่วไป ผมยังคงใช้ชีวิตและทำมาหากินต่อไปครับ”
