xs
xsm
sm
md
lg

"ไทด์" เหลืออด "ภรรยา" กุภาพสวีต ซัดด่าอะไรก็ด่าอย่าด่าว่าเลว เผยดูแลครอบครัวมาดีตลอด อย่าให้ลูกต้องออกมาลากไส้ ไม่งั้นจบ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ไทด์ เอกพันธ์” มาเต็ม หลังภรรยาปล่อยภาพสวีตบอกยังรักกันดี แฉนั่นมันภาพเก่าฝ่ายหญิงขอร้องให้ไปร่วมงานแล้วถ่ายภาพเอามาโพสต์ เผย 3 ปีที่ผ่านมาภรรยาเป็นฝ่ายขอหย่า พอตนจะหย่าจริงๆ กลับไม่ยอมหย่า ลั่นจะด่าอะไรก็ด่าอย่าด่าว่าเลว สุดทนไม่ใส่ใจตนไม่ว่าแต่ไม่ใส่ใจลูกรับไม่ได้ อย่าให้มากไปกว่านี้ ไม่งั้นลูกจะออกมาพูดเองว่าความจริงเป็นยังไง คราวนี้ล่ะจบเกมส์!



เป็นข่าวตั้งแต่ปลายปีว่าจะหย่าขาดกับภรรยา “ยุ้ย คนึงนิจ ศิริพงศ์ปรีดา” แต่งงหนักมากจู่ๆ ภรรยาก็ออกมาประกาศว่า ยังไม่ได้เลิกกับ "ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" และเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาภรรยาก็ได้ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ส่งภาพสวีตมาให้กับสื่อมวลชนดู พร้อมกับยืนยันว่ายังรักกันดี มีภาพไปฉลองครบรอบแต่งงาน 12 ปี ภาพจุ๊บหน้าผากที่สนามบิน เล่นเอางงกันไป สรุปสามีบอกจะหย่า ภรรยาบอกยังรักกันดี แต่ก็แอบได้ข่าวว่าฝ่ายไทด์ก็กำลังจะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับแฟนใหม่ จึงอยากทำให้เรื่องที่ค้างคาจบลงเพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่อีกครั้ง

สอบถามไปทางยุ้ย ภรรยาของไทด์ ได้รับการปฏิเสธบอกว่า จะเปิดแถลงข่าวเร็วๆ นี้ ทีมข่าวก็เลยตามติดไทด์ไปขอสัมภาษณ์ขณะที่เจ้าตัวกำลังไปรับลูกที่โรงเรียน เจ้าตัวก็เลยยอมเปิดใจกันแบบภรรยาฟังแล้วคงจะหงายท้อง ชัดๆ ทุกคำฟังจากใจไทด์

“จริงๆ แล้วโดยความเป็นจริง ผมก็ไม่ได้อยากพูดอะไรออกไป เพราะผมเป็นลูกผู้ชายพอ แต่ผมก็ไม่กล้าโกหกกับสังคมอีกแล้ว ผมอยู่ในวงการนี้มาเกือบ 40 ปี ผมไม่เคยมีเรื่องด่างพล้อยเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ แต่สิ่งที่ผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้ ผมแค่ขอหย่ากับภรรยาเท่านั้นเอง นั่นคือความจริงที่จะบอก เพราะว่าบอกเหตุผลไปแล้วว่าต่างคนต่างหมดใจ ไม่ได้ใส่ใจซึ่งกันและกัน โอเคเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะผมต้องทำหน้าที่ของพ่อ เขาทำหน้าที่ของแม่ให้ลูกมีความสุข ซึ่งสังคมมองมาว่าครอบครัวเรายังรักกันหวานชื่น แต่จริงๆ แล้วสถานะของเราสองคนนั้นไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว เราทำหน้าที่ในฐานะคนเป็นพ่อ ส่วนเขาทำหน้าที่ในฐานะของแม่ และก็มาร่วมกันดูแลลูก”

“ สิ่งต่างๆ ที่เขาเอาไปลงในโซเซียลต่างๆ นั้น มันก็แค่เป็นเรื่องที่ผมขอหย่าเขาดีๆ แต่เขาเอารูปต่างๆ มาลง ซึ่งผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ถ้าเขายอมรับความจริง เรื่องราวมันคงไม่ออกมาเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมรับความจริง เขาจะเอาชนะ และผมเองก็ได้ปฏิเสธนักข่าวเยอะมากที่จะมาขอสัมภาษณ์ ผมถือว่าผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมจะไม่รังแกผู้หญิง”

“และในเมื่อผู้สื่อข่าวมาดักรอสัมภาษณ์เพื่อจะถามผมว่าอยากให้ผมพูดอะไรกับสังคมที่ตีความกันไปยกใหญ่ สิ่งแรกที่ผมอยากจะบอกเลยคือคุณพ่อของเขา ผมไม่โกรธนะที่ป๋าพูดออกมาแบบนั้น แน่นอนป๋าอาจจะห่วงลูกสาว เห็นว่าผมมาขอเลิกกับลูกสาวป๋า แต่ป๋าไม่ได้รู้ความจริงว่า ในความจริงแล้วมีอะไรมันเกิดขึ้น และป๋าก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนลูกสาว และมาว่าผมเป็นผู้ชายเลวที่ป๋าเป็นคนยกลูกสาวให้ โอเคอันนั้นผมไม่ได้โกรธป๋าเลย แต่ผมอยากจะให้ป๋าถามคนข้างๆ ตัวของป๋าเอง ไม่ว่าจะเป็นหลานของป๋าซึ่งเป็นลูกของผม ให้เด็กๆ ได้อธิบายว่าอะไรมันคืออะไร ก่อนที่จะมาว่าผม ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”

เผย 3 ปีที่แล้วตั้งแต่ปี 57 ภรรยาเป็นฝ่ายแยกเตียงแยกห้องเอง และเป็นคนเอ่ยปากขอหย่ามาโดยตลอดแต่ “ไทด์” เป็นฝ่ายไม่เลิก จนกระทั่งโดนขอหย่ามา 3 ปีจึงตัดสินใจจะเลิกกันปีนี้เพราะอยู่ไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา
“คือชีวิตของผมกับเขาอยู่กันมา 10 กว่าปีที่ผ่านมา และพอมา 3 ปีหลัง ที่เขาแยกตัวออกไป อยู่ๆ นอนด้วยกันอยู่ เขาก็แยกตัวของเขาเองออกไปอยู่ข้างล่าง และทุกๆ ปีที่ผ่านมาเขาก็พยายามจะขอเลิก ขอหย่าตลอดเวลา แต่ผมไม่เลิกไม่หย่ากับเขาเพราะเห็นว่าลูกยังเล็กอยู่ แต่พอมาวันหนึ่งผมเห็นว่ามันสมควรแก่เวลาแล้ว ที่ผมจะต้องขอปลีกตัวออกมาเพราะชีวิต 3 ปีให้หลังนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม เสาร์อาทิตย์ผมมารับลูก เขาก็มาด้วย คือด้วยลูกผม ขอให้ผมมาด้วยเพราะเวลาไปไหนมาไหนก็อยากให้มีทั้งพ่อและแม่มาพร้อมกันได้ไหม”

เผยภาพที่ภรรยาโพสต์โชว์ว่ายังรักกันไม่ได้เลิกกันนั้น เป็นภาพที่ลูกขอให้มาเจอกันพร้อมหน้าครอบครัว หลังจากไม่ได้เจอกับภรรยาตั้งแต่ปี 58 แค่มาทำหน้าหน้าที่พ่อแม่เท่านั้นไม่ใช่หน้าที่สามีภรรยา จวกภรรยาเอารูปมาลงเพื่อให้สังคมมองว่าตนเลว ไปมีผู้หญิงคนอื่นเลยมาขอเลิก ซึ่งมันไม่แฟร์
“ตั้งแต่ปลายปี 57 ตั้งแต่ที่เราแยกกัน และพอมาปี 58 ทั้งปีเราไม่ได้เจอกันเลย คือไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน เหมือนอยู่กันคนละโลกเลย แต่พอมาต้นปี 59 ลูกถึงขอให้เรามาเจอกับแม่เขาได้ไหม เราก็โอเคเหมือนว่าเรากลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ไม่ใช่ในสถานะสามีภรรยากัน แค่มาทำหน้าที่พ่อกับแม่ เวลาเขาจะไปไหนมาไหนเขาจะถ่ายรูปอะไร ผมก็ไม่ได้สนใจ เขาเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปมาก แล้วเขาจะเอาไปโพสต์อะไร มันก็เป็นนิสัยของเขา”

“และการที่เขาเอารูปต่างๆ มาลง มันหมายถึงว่าเขาอยากจะเอาชนะผม ให้สังคมมองว่าผมเป็นคนเลว ว่ายังอยู่กับเขาแล้วไปมีผู้หญิงคนใหม่ และผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเป็นมือที่สาม และก็มาขอเลิกเขา และสังคมก็ลงโทษเขาไปแล้วว่าผมเป็นผู้ชายที่เลว ซึ่งทุกคนตัดสินไปแล้ว ผมก็มอวงว่ามันไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรมกับผม แต่ไม่เป็นไร ผมเป็นผู้ชายพอ ผมยอมรับ แต่ในวันนี้เมื่อผู้สื่อข่าวมาหาผม ซึ่งผมมารับลูกและไม่รู้ว่านักข่าวรู้ได้ยังไง ผมก็อยากจะบอกกับสังคมว่า ผมก็แคร์แค่ป๋าของเขา ที่มาว่าผมเป็นผู้ชายเลว”

ฝากถึงพ่อตา จะด่าอะไรก็ด่าแต่อย่าด่าว่า “เลว” เพราะพ่อตาก็รู้ดีว่าที่ผ่านมาเป็นคนที่ดูแลหลานมากกว่าภรรยาของตนเสียอีก
“และที่โพสต์ว่าเสียใจมากที่ยกลูกสาวให้ ซึ่งผมติดใจกับคำนี้มาก ถ้าว่าผมเป็นคนเลว ผมว่าด่าอย่างอื่นจะดีกว่ามาด่าว่าผมเป็นคนเลว เพราะมันเป็นคำที่จุกมากเลย คือป๋าเป็นคนที่ดูแลลูกผมมากกว่าตัวเขาดูแลลูกซะอีก มากกว่าคนที่เป็นแม่ดูแลลูกตัวเอง ป๋าห่วงหลาน ป๋าพยายามใส่ใจเราสองคน พอเรามีเหตุการณ์ที่ทะเลาะกัน ป๋าจะเป็นคนไกล่เกลี่ยให้และคอยให้คำพูดที่ดีๆ ให้เรามีความคิดความอ่านที่ดี ซึ่งผมเคารพป๋ามาก และป๋าก็เป็นเหมือนไอดอลของผม และเวลาที่เรากับเขาทะเลาะอะไรกัน ป๋าก็จะเรียกมาคุยพร้อมกัน แต่วันนี้ป๋ามาหาว่าผมเป็นคนเลว ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรป๋าเลย แต่ขอให้ป๋าได้รู้ความจริงที่มันผ่านมา ป๋าก็จะได้ไม่ว่าผมว่าผมเป็นผู้ชายที่เลว ซึ่งก็เหมือนทุกคนในโซเซียลต่างๆ ที่ถ้าเขามาเป็นผม เขาก็จะไม่ได้มาว่าผมแบบนี้ แต่อันนี้เขาก็ยังไม่ได้รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง แต่ผมไม่ได้โกรธใครสักคนเลยในโซเซียลที่ว่าผม เพราะเขายังไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง”

“ซึ่งที่ผ่านมาผมอยากจะบอกมาก แต่เลือกที่จะไม่พูดดีกว่า เพราะว่าผมไม่ได้อยากเอาชนะใคร เพราะเขาก็ยังเป็นแม่ของลูกผม มันไม่รู้ว่าจะเอาชนะไปทำไม และเขาก็เป็นผู้หญิงด้วย และถ้าเขาต้องการเอาชนะผม และผมก็ยอมแพ้ก็ได้ครับ”

เผยเหตุที่ภรรยาเปลี่ยนใจไม่ยอมหย่า ทั้งที่เป็นฝ่ายร้องขอให้หย่ามาโดยตลอดนั้น เป็นเพราะรู้ว่า “ไทด์” มีแฟนใหม่ จึงไม่ยอมหย่า
“คือเขาเองก็รู้ว่าชีวิตของเราสองคนแยกกันอยู่มานานแล้ว คือผมมีความตั้งใจเลยว่าสิ้นปี 59 ผมจะบอกเขาว่าผมขอหย่า เพื่อจะเริ่มชีวิตใหม่ในปี 60 แต่บังเอิญมันไปคาบเกี่ยวที่เขาไปรู้มาแล้วว่าผมกำลังคุยกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ มันก็เลยมีปัญหานี้ขึ้นมา ซึ่งถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ เรื่องการหย่าก็ไม่น่าจะมีปัญหา น่าจบลงด้วยดี และเผอิญเป็นเรื่องผู้หญิง เขาก็เลยมีปัญหาขึ้นมาทันที ไม่หย่าให้ผม”

จริงๆ ผมเตรียมหย่าวันที่ 13 กุมภาที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่หย่า ยืดเยื้อ บอกว่าจะแถลงเรื่องมีมือที่สามเข้ามา ผมก็บอกว่าคุณเห็นว่าผมไปมีชู้เหรอ ผมไปนอนกับเขาเหรอ คือไปเที่ยวไหน ไปต่างจังหวัดก็ไปกันเป็น 10 คนตลอดเวลาทุกครั้ง ทั้งลูกเขาลูกผม มีคนอื่นอีกมากมายไปด้วยกันตลอดเวลา”

“ถ้าเกิดเขาทนไม่ได้ มันทนไม่ได้ตั้งแต่เกือบ 3 ปีแล้ว ว่าทำไมเราไม่มีอะไรกัน แต่คือผมไม่ได้มีคุณค่า ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาอยู่แล้ว เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยเป็นปีๆ โทรมาก็แค่เรื่องถึงวันที่จะต้องจ่ายค่าเทอม ค่าประกันลูก ต้องซื้อนู้นนี่ให้ผม เขาถึงจะโทรมาหาผม และเราก็ไม่เคยได้เล่นไลน์กันด้วยซ้ำ ถ้าเป็นสามีภรรยาที่รักกันอยู่เขาต้องเอาออกมาโชว์แล้ว”

แฉภาพที่ภรรยาโพสต์เลี้ยงฉลองแต่งงานครบรอบ 12 ปีนั้น แท้จริงแค่ไปร่วมงานวันเกิดภรรยา เป็นการสร้างภาพให้เกียรติว่าครอบครัวยังโอเคกันอยู่ ส่วนภาพจุ๊บหน้าผากภรรยานั้น ไม่อยากทำ สุดอึดอัดใจ
“สถานะชัดเจนแยกกันอยู่ตั้งแต่ปี 57 - 59 แต่ก็งงว่าจะเอารูปเก่าๆ มาลงทำไม และภาพที่จัดครอบรอบวันแต่งงาน 12 ปี ผมขอพูดตามความสัจจริงเลยว่าผมกลับมาจากสวิสฯ และวันที่ 4 มิ.ย. คือวันที่เราแต่งงาน วันที่ 5 มิ.ย. คือวันเกิดของเขา ผมจำได้ว่าผมเลี้ยงย้อนหลังวันเกิดให้เขา และเขาก็ขออนุญาตผมว่าขอเชิญเพื่อนๆ มาได้ไหม ผมก็เลยบอกไปว่าโอเค และผมจำได้ว่าเลี้ยงวันเกิดให้เขา และเขาก็เอาไปโพสต์ว่าครบรอบ 12 ปีอย่างโน้นอย่างงี้ ซึ่งผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมทำให้เขา ผมให้เกียรติเขา ทำเพื่อครอบครัว ทำเหมือนว่าครอบครัวเรายังโอเคอยู่ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าสถานะเราเป็นอะไรกัน ซึ่งผมทำแบบนี้ ผมผิดเหรอ”

“ผมอยากจะบอกกับทุกๆ คนว่าสิ่งต่างๆ ที่ออกมาจากโซเซียลนั้น ที่เห็นๆ กันอยู่ ผมขออธิบายอย่างงี้ เริ่มจากรูปที่เป่าเค้กต่างๆ เขาจะเขียนอะไรก็ตามแล้วแต่ นั่นมันเรื่องของเขา ซึ่งถ้าผมจัดครบรอบแต่งงาน 12 ปีจริงๆ ผมไม่จัดเล็กๆ แบบนั้น ขนาดครบรอบ 10 ปีผมปิดห้องอาหารเลี้ยง เชิญคนนับร้อยมาร่วมแสดงความยินดี แต่นี่ 12 ปีมีคนมาร่วมงานแค่ 20 กว่าคน ซึ่งผมคิดว่านี่คือการเลี้ยงวันเกิดให้เขา แต่เขาจะเอาไปเขียนว่าครอบรอบ 12 ปีนั้น อันนั้นผมไม่ทราบ”

“คือถ้าผมจะจัดฉลองครบรอบ 12 ปีนั้น ผมจะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ เพราะมันครบ 1 รอบพอดี และรูปต่างๆ ที่หอมกันที่สนามบินนั้น เขาไปส่งผมแล้วเขาก็กลับ ซึ่งรูปหอมหน้าผากนั้น เขาก็บอกให้ลูกมาบอกเราว่า ให้กอดม่าม้าหน่อย เพราะหม่าม้าจะถ่ายรูป ซึ่งผมอึดใจมาก แต่โอเคตอนนั้นคนเยอะและทำเพื่อลูก ก็เลยโอเค หอมแก้มเขา ซึ่งแทนที่จะหอมแก้มก็เปลี่ยนเป็นการไปจุ๊บหน้าผากแทน นี่คือความสัจจริงของผม ผมไม่ได้มีอะไรมากมาย ผมไม่เข้าใจว่าการแค่ขอหย่าดีๆ นั้นทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งชีวิตของเราสองคนนั้นคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”

ดูแลภรรยาอย่างดีมาโดยตลอด ให้เงินเดือนละ 50,000 บาททุกเดือน
“ ไม่ว่าจะทำอะไร ผมให้เกียตริเขาเสมอ เขาอยากจะไปไหนและลูกไปด้วย ผมทำเพื่อลูกทั้งนั้น ทำเพื่อลูกมาโดยตลอด ผมดูแลเขา ดูแลครอบครัวด้วยตัวของผมเอง ผมให้เขาเดือนละ 50,000 บาททุกเดือนตั้งแต่แต่งงานกันมาไม่เคยขาด แต่มาเลิกให้ก็เมื่อต้นปี 60 ที่ผ่านมา ผมทำหน้าที่ผมโดยไม่ขาดตกบกพร่อง แม้เขาเองจะไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยาของเขาเองก็ตามเถอะ หรือไม่ใส่ใจผม ผมก็ไมได้ว่าอะไร และเมื่อต้นปีที่ไม่ได้ให้เขาแล้ว เพราะทุกคนบอกว่าถ้าจะหย่ากับเขาแล้วก็ไม่ต้องให้ มีแต่คนบอกว่าผมเป็นพ่อพระมากๆ เลย ผมก็เลยโอเคว่าถ้ายังให้เขาอยู่ ก็เสมือนว่าเรายังไม่ตัดขาดกับเขา”

แฟนใหม่ยื่นคำขาด ถ้าไม่หย่าก็ให้กลับไปคืนดีกับภรรยา “ไทด์” เลยต้องเคลียร์ตัวเอง หลังจากค้างคาเรื่องหย่ากับภรรยามานาน
“เราพร้อมแล้ว เพราะลูกผมรับรู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว เขารู้ถึงเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ที่ผมกำลังคุย ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่อยากให้เรียกเขาเป็นมือที่สาม หนึ่งคือผมให้เกียรติเพราะเขาเป็นคนที่ผมคุยด้วยแล้วเข้าใจกันง่าย มันไม่ต้องมีปัญหา พูดคำหนึ่งเขาก็เข้าใจแล้ว และก็ให้เกียรติเขาด้วยการมาบอกกับทางนี้ว่าผมขอหย่า ผมรู้จักคนนี้ประมาณเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย พอมาเดือนธันวาคม ผู้หญิงคนนี้ก็มาบอกกับผมว่า ถ้าคุณยังไม่หย่าคุณก็กลับไปคืนดีกับภรรยาคุณ ซึ่งผมก็อธิบายกับเขาไปแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ คนมันหมดใจ มันไม่มีใจ คือผมก็บอกกับเขานะ และผมกับภรรยาเราทั้งคู่ก็รู้ว่าเราต่างคนต่างหมดใจกัน”

ยืนยันไม่ได้นอกใจภรรยา เพราะไม่ได้อะไรกันแล้ว
“ทางพฤตินัยแล้วเรายังเป็นสามีภรรยากัน แต่ทางด้านพฤติกรรมมันไม่ใช่ เราไม่ใช่สามีภรรยา แต่ผมเป็นคนที่ให้เกียรติทั้งสองฝ่าย ด้วยการมาเคลียร์กับเขา ไม่ใช่ว่าผมแอบคบกับคนนั้น และไม่ใช่ว่าเรายังอะไรกับคนนี้อยู่ เราเลยโอเคว่าขอหย่า ผมไม่ได้นอกใจภรรยา ผมแต่งกับเขา ผมไม่ได้มีคนอื่นทั้งสิ้น แต่ถ้าผมเริ่มมี ผมก็บอกเขาตามเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วน้องคนที่ผมคุยด้วยนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นมือที่สาม มันเป็นเรื่องของจังหวะคาบเกี่ยวกันพอดี”

โต้แฟนใหม่รวยมากใช้เงินฟาด ลั่นไม่ใช่ผู้ชายขายตัว
“พ่อตาผมก็พูดเหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มียางอาย เอาเงินมาล่อ เอารถมาล่อ คือมันเป็นคำพูดของคนอื่นที่พูดกันไป จนทำให้ผมได้เปลี่ยนใจจากภรรยา แล้วมาชอบผู้หญิงคนนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เลย และรถผมยังใช้คันเก่าของผมอยู่เลย ใช้มาประมาณ 5-6 ปี และถ้าเกิดรู้ว่าผู้หญิงเอาเงินมาซื้อผม ผมจะไม่คบไม่ใส่ใจและจะไม่แตะต้องเลย เพราะว่าถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าเขาไม่ได้รักที่ตัวผม คือเอาของมาล่อเพื่อให้ได้ตัวผม แล้วอย่างนี้จะอยู่กันรอดได้ถึงอนาคตได้อย่างไร ถ้าเกิดคุณต้องเอาของมาแลก ซึ่งผมก็เป็นผู้ชายจะให้เป็นผู้ชายขายตัวเหรอ”

“ผมถึงบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงโจมตีผม คุณต้องฟังเพราะพวกคุณยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวของเขานั้น มันมีอะไรมากกว่าที่คุณคิดหรือที่คุณเห็นหรือเปล่า คุณไม่ต้องมาตัดสิน แต่โอเคขอบคุณมากๆ ที่หวังดีกับครอบครัวเรา แต่ผมอยากบอกว่าสิ่งใดที่พูดหรือเขียนและได้ตัดสินคนอื่นไปแล้ว และวันไหนที่ความจริงมันเกิดขึ้นมา คุณอาจจะเสียใจที่มาต่อว่าผม และผมไม่ได้โกรธใครเลย เพราะผมไม่ได้เข้าไปอ่านเลย แต่มีคนมาบอกบ้างว่าพี่โดนด่าอยู่ตลอดเวลา แต่เราบอกไม่เป็นไร คือเขาไม่รู้ความจริง หากเมื่อไหร่ที่พวกเขารู้ความจริงเขาจะไม่ว่าผมอย่างนี้หรอก”

เผยที่ลูกเรียกแฟนใหม่ว่า “แม่” เพราะรู้สึกรักเหมือนแม่และอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้
“ผมก็ตกใจเหมือนกัน ว่าทำไมลูกเรียกแบบนั้น อันนี้ผมกล้าสาบานต่อสิ่งศักดิ์ขอให้มีอันเป็นไป ผมก็ต่อว่าลูกว่าไปเรียกแบบนั้นได้อย่างไร คือลูกสาวของเขา(แฟนใหม่)ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แล้วเขาเห็นลูกเรียกแม่จ๋าๆ ลูกผมเห็นเขาเรียก ก็เลยเรียกตามลูกสาวเขา เราก็เลยบอกไปว่าเรียกอย่างนั้นไม่ได้นะลูก ลูกเขาบอกว่าเวลาเขาอยู่ใกล้ๆ เขาบอกว่าเขาก็รักผู้หญิงคนนี้เหมือนแม่ของเขา ผู้หญิงคนนี้ให้ความอบอุ่นกับเขา เขาเลยเรียกแม่ได้เต็มปาก ซึ่งเราบอกมันไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมีคนหาว่าพ่อมีอะไรกันแล้ว”

ลูกๆ รับรู้มาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าให้ลูกออกมาพูด ไม่งั้นทุกอย่างจะจบ! ลั่นไม่ใส่ใจผมไม่ว่า แต่ไม่ใส่ใจลูกรับไม่ได้ อย่าให้ลูกเลือกว่าต้องอยู่กับใคร ไม่งั้นภรรยาจะไม่ได้ลูกไปอยู่ด้วยซักคน
“ลูกผมเข้าใจในตัวผมเพราะเขาอยู่กับผมมาตลอด สิ่งที่มาม๊าเข้ามาพูด เด็กๆ ทุกคนก็อยากออกมาพูดกับสื่อเหลือเกินว่า ฟังพวกหนูหน่อย อย่าว่าพ่อหนู ถ้าหนูออกมาพูดนี่คือจบเลยนะ ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องแบบนี้มันไม่สมควรที่จะเอาเด็กๆ มาเล่นเกมส์ ถ้าเกิดเด็กๆ ออกมาพูดเรื่องจริง ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร เราก็เลยห้ามลูกๆ ว่าอย่าเลย ตอนนี้ลูกๆ ก็ยังอยู่กับผม”

“ตอนนี้เด็กๆ เขาก็แฮปปี้ ไม่ได้โศกเศร้าอะไร เพราะว่าเขารู้ความจริงทุกอย่างว่า พ่อแม่และครอบครัวของเขามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งพวกเขายังยิ้มได้เพราะเขาเห็นพ่อเขายังสู้ เห็นพ่อไม่ได้ทำร้ายแม่ ไม่ได้ทำร้ายใคร และใครจะมาว่าพ่อยังไง พ่อก็ไม่ตอบโต้ ตรงนี้ต่างหากที่เขาชื่นชมว่าพ่อเป็นคนดี แต่เขาบอกว่าถ้าวันไหนพ่อไม่ไหวแล้ว พวกหนูจะออกมาพูดแทน คือเด็กๆ เขาเล่นไอจี เขามีโทรศัพท์มือถือ เขารู้หมดเลยว่าใครพูดอะไร ซึ่งเราก็บอกว่าอย่าเข้าไปอ่านเลยมันไม่ดี เพราะเข้าไปอ่าน เดี๋ยวหนูก็ทุกข์ใจว่าเขามาด่าพ่อ ซึ่งลูกก็บอกว่าพวกเขาไม่กลัว เพราะพ่อไม่ได้เป็นอย่างนั้น”

“ผมดูแลลูกๆ มาโดยตลอด เอาตั้งแต่อนุบาลเลยดีกว่า ผมดูแลลูกผมมาตลอด จนกระทั่งคู่แฝดขึ้น ป.5 ซึ่งผมก็จะ
ปล่อยเขา คือตั้งแต่เตรียมอนุบาลจนถึง ป.5 ผมจะอาบน้ำแต่งตัว หาอาหาร ส่งเขาไปโรงเรียนทุกเช้า ตอนเย็นผมก็หาอาหารให้เขาตลอดเวลา แต่พอเห็นว่าเขาเริ่มขึ้น ป.6 เขาเริ่มโตเป็นสาว ก็เลยให้เขาทำด้วยตัวเอง ผมก็เลยแยกบ้านออกมา และผมอยากพูดอีกสิ่งหนึ่งที่ผมตัดสินใจหย่าคือ เขาไม่ได้ใส่ใจในตัวผม ผมไม่ว่า แต่นี่เขาไม่ใส่ใจลูก ไม่ดูแลลูกผม ผมไม่ชอบ และลูกบอกผมอยู่ตลอดเวลา (แสดงว่าเขาดูแลลูกไม่ดีเท่าที่ควร?) ใช่ ลูกบอกผมทุกอย่าง แต่เราก็เก็บเอาไว้ในใจ”

ปลอมมาก! ภรรยางัดรูปเก่ามาลงเฟซ ทำเหมือนยังสวีตกัน เพื่อต้องการจะเอาชนะ
“เมื่อสัก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่เราได้คุยกับลูก ลูกเพิ่งเลิกเรียนกำลังจะกลับบ้านแล้ว ทีนี้มีคนมาบอกว่าภรรยาเขาเพิ่งลงในเฟซบุ๊คว่าตอนนี้กำลังพาเด็กๆ ไปกินอาหารญี่ปุ่น มีความสุขมาก เราก็อ้าว...ไหนลูกบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ก็เลยโทรหาลูก ลูกก็บอกว่าตอนนี้อยู่ที่บ้านค่ะ เราก็ถามว่าเมื่อ 5 นาทีที่ผ่านม่าม๊าลงว่าพาหนูไปกินอาหารญี่ปุ่น ลูกก็บอกว่าไม่ได้ไปเลยค่ะ เราก็อ๋อ...คือมันเป็นรูปเก่าทั้งนั้น แล้วเขาก็เอาไปสร้างเอาไปโพสต์ ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่ได้มีผลดีอะไรกับเขาเลย เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาจะเอาชนะ เอาชนะผมเพื่ออะไร เขาก็รู้อยู่แก่ใจ”

“สิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา ที่ผมทำทุกอย่าง ไป ไม่ว่าเป็นงานเลี้ยง ผมไปกับเขา ไปกับครอบครัวเขา ผมให้เกียรติเขามาตลอด โดยที่ไม่ได้อะไรเลย คือผมไม่มีใครอยู่แล้ว ผมก็ให้เกียรติเขา ครอบครัวเขามาจากต่างประเทศ ขอร้องให้ผมไปหน่อย ผมก็ไปให้เขาได้ทุกที่ แต่ผมก็ทำตัวเป็นกลางไม่ได้ไปอี๋อ๋อ ไม่ได้ไปกอด นอกจากเขาขอถ่ายรูป บอกยิ้มหน่อยสิ เขาพยายามเอารูปเก่าๆ ที่เหมือนว่าเราสวีทกันมา ผมก็ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร”

ถือศีล 5 ไม่เคยโกหก ใครที่อยู่กับผมไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง !
“ผมคิดว่าผมทำดีที่สุดแล้ว ทุกคนที่ใกล้ชิดสนิทกับผมเขายังบอกเลยว่า ถ้าใครอยู่กับผมไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ผมไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใคร ผมมีแต่พูดความจริงตลอดเวลา ความจริงออกจากปากผมเท่านั้น ผมถือศีล 5 ตลอด ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมไม่กล้าที่จะมาแต่งเรื่องสร้างภาพอะไรทั้งนั้น ผมพูดอะไรคือมันเป็นสิ่งที่ผมพูด แต่เขาจะไปลงไปกลับคำหรือยังไงนั้นผมไม่ทราบ แต่บอกเลยก่อนหน้านี้ผมจะแถลงข่าว ผมก็เหมือนจะเป็นไปตามกิเลสของเราแล้วว่าจะแถลงข่าวเพื่อให้สังคมได้รู้ว่าเราบริสุทธิ์ แต่มาคิดอีกแง่หนึ่งแล้ว มันเพื่ออะไร แล้วลูกเราจะอยู่ยังไง ตัวเขาจะอยู่ยังไง สู้ผมนิ่งซะ ผมเป็นผู้ชาย สังคมจะตราหน้าผมยังไงก็แล้วแต่ โอเคผมไม่สนใจเพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด ผมทำชั่วทำแล้ว แต่ทุกคนสรรเสริญว่าผมเป็นคนดี ผมจะมีความภาคภูมิใจไหม”

“ผมนิ่งเพราะผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมแค่ขอหย่าเขามันเป็นความผิดความเลวของผมหรอ ไม่ใช่ว่าผมไปแอบคบคนอื่นเป็นชู้ มีอะไรกันต่างๆ นานา แล้ววันหนึ่งผมมาบอกเขาว่าหย่ากันดีกว่าหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่อันนี้คือมันยังไม่มีอะไร ผมให้เกียรติเขาทั้งสองฝ่ายว่าโอเคผมกำลังจะคบกับคนอื่นผมขอหย่าคุณ เพราะว่าเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้มีอะไรกัน ไม่ได้ทำหน้าที่สามีภรรยา”

“เคยคิดว่าครอบครัวเราน่าจะมีความสุข เพราะเรามีลูกที่น่ารัก ครอบครัวเราเป็นลูกผู้หญิงทั้งหมด ซึ่งน่ารักมาก แต่ไลฟ์สไตล์ของเราไม่เหมือนกัน การใช้ชีวิตของผมกับเขามันต่างกันโดยสิ้นเชิง ต่างกันฟ้ากับเหว แต่ผมก็พยายามประคับประคองตัวเอง ให้ครอบครัวเรามีความสุข ผมก็ทำหน้าที่ของผมผู้เป็นพ่อ หัวหน้าครอบครัว เขาจะใช้ชีวิตยังไงก็เรื่องของเขาเขาโอเคไม่เป็นไร แรกๆ ก็มีปัญหาทะเลาะกันตลอดเวลาเรื่องการใช้ชีวิต แต่วันหนึ่งมันก็ต้องปล่อย เพราะไม่รู้จะแก้ไขปัญหายังไง เขาชอบแบบนี้ เรามาขอเขาแต่งงาน ชีวิตเขาเป็นยังไงก่อนหน้านี้ เรามาขอเขาแต่งงาน หลังแต่งงานเขาก็ต้องเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องยอมรับ”

“แต่เมื่อมันเดินทางมาถึงตรงนี้ การที่ผมขอหย่ามันไม่ได้เป็นการฉีกหน้านะ ถ้าเขาหย่าให้ผมดีๆ ทุกคนก็ไม่รู้ว่าผมหย่ากับเขา แต่อันนี้เขาไม่ยอมหย่า ซึ่งผมเองก็ไม่เคยมีคุณค่าอะไรกับเขา เขาไม่เคยแยแสอะไรในตัวผมอยู่แล้ว หลายปีผ่านมาเขาก็ขอผมหย่าอยู่ตลอดเวลา ผมไม่หย่าเขาก็โทรไปหาพี่ท็อป (บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์) ว่าพูดกับผมให้หน่อย ว่าจะหย่า เขาไม่อยากมาจมปลัก มาใช้ชีวิตจมอยู่กับผม พี่ท็อปก็งงว่าจะหย่าจริงหรอ แต่ตอนนั้นผมไม่ยอมหย่า แต่พอวันหนึ่งผมจะหย่าแล้วก็มีปัญหา”

“อยากให้จบลงด้วยดีครับ ลูกรับรู้ทุกอย่าง ลูกผมพร้อมเสมอบอกเลยว่า ถ้าเกิดมีอะไรที่จะต้องให้พวกหนูออกมาพูดพวกหนูพร้อม โดยที่ไม่ต้องไปเตี๊ยมเลย เขาพูดอย่างธรรมชาติ ความในใจที่เขาอยากจะพูดเลย และถ้าถึงขั้นต้องให้ลูกเลือก เขาก็จะไม่ได้ลูกสักคน แต่นั่นมันก็โหดร้ายเกินไป ผมก็อาจจะให้ต่างคนต่างดูแล”

รับเลิกคุยสาวคนใหม่ หลังอีกฝ่ายโดนด่าหน้าด้าน แถมลามไปด่าลูก
“คือขนาดนี้แล้วไม่มีใครเขาอยู่หรอก เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าหนา หน้าด้าน เขาโดนกระหน่ำขนาดนั้น โดนถึงเฟซบุ๊กของเขา ลามไปถึงลูกเขาอีก จะมีใครอยู่ แต่ผมก็โอเคเห็นใจ ก็ขอโทษเขาที่ทำให้เขามาเจอกับอะไรที่มันโหดร้าย เลวทรามขนาดนี้ เขาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิต แต่เป็นเพราะผมนำปัญหามาให้เขา เราขอโทษเขาก็โอเคเข้าใจ ก็จบก็ไม่มีอะไรครับ”











กำลังโหลดความคิดเห็น