แม้จะไม่ได้มาทางสายเซ็กซี่ หรือมีชื่อติดทำเนียบว่าเป็นนางเอกระดับตัวแม่ แต่ว่าชื่อชั้นความสวยสะพรั่งของ “ศรีริต้า เจนเซ่น” ก็ไม่เป็นสองรองใคร
แหละ....ที่สำคัญเรื่องราวความรักและหัวใจของเธอ ก็ถูกจับตามองไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน
นับตั้งแต่ครองตัวเป็นโสดหลังเลิกรากับแร็ปเปอร์หนุ่ม “ขันเงิน เนื้อนวล” เมื่อปีที่แล้ว หลังจากบ่มความรักร่วมกันมานานถึง 5 ปี ด้วยเหตุผลสุดคลาสสิกว่า.....
อยากให้โฟกัสเรื่องงาน ไม่มีประเด็นมือที่สาม แต่ไม่ขออธิบายอะไรมาก เพราะอยากให้เป็นเรื่องของคนสองคน !!
ว่ากันว่าตอนนั้นฝ่ายชายทำใจหนักมาก.......
“ความรู้สึกเราตอนนี้ จริงๆ ความรักมันก็เป็นเรื่องสำคัญกับทุกคนอยู่แล้วนะครับ ผมว่าถ้าเกิดมันไปได้ดีมันก็มีความสุข ไปไม่ได้ดี มันก็มีความเศร้าครับ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เรายังรู้สึกดีกับเค้าอยู่ รู้สึกดีทั้งคู่ครับ เราไม่ได้มีปัญหา อย่างที่บอกครับมันคือการตัดสินใจ แล้วถ้าใครแฮปปี้ผมก็ยินดีครับ ผมว่าใช้เวลากันนิดนึง ถามว่าเฮิร์ทมั้ย ? จริงๆ มันเพิ่งเริ่มครับ เพราะฉะนั้นก็ต้องผ่านประสบการณ์นี้ไปก่อนครับ"
ส่วนศรีริต้า ก็กลายเป็นสาวโสดเนื้อหอม มีรายนามหนุ่มเข้ามาขายขนมจีบไม่ได้ขาด แต่ที่เป็นประเด็นให้นักข่าวเพ่งเล็งดูเหมือนจะมีติดโผอยู่ 2 คน ที่สำคัญเป็น 2 คน ที่อยู่ในระดับไฮโซและมีสถานะ “พ่อม่าย” พ่วงท้ายทั้งคู่
คนแรก คือไฮโซ “ปลาวาฬ- วรสิทธิ์ อิสสระ” เจ้าของธุรกิจศรีพันวารีสอร์ต แต่เจ้าตัวฟันธงเสียงแข็งว่าเป็นเพื่อนสนิทกันเฉยๆ
“สนิทกันค่ะ สนิทแบบเป็นเพื่อนค่ะ เป็นเพื่อนแน่นอนค่ะ เราไปที่นั่น (ศรีพันวารีสอร์ต ) บ่อยมาก แต่เป็นเพื่อนเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรอย่างอื่น สนิทกันนานแล้ว ก็งงเหมือนกันว่า...เออ ทำไมถึงเพิ่งมาเป็นข่าว ไม่ลุ้นเลยค่ะ คือในความเป็นจริงเรารู้กันอยู่ว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ ไม่น่าจะพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้ค่ะ พอมีข่าวก็คุยกัน เราเป็นเพื่อนกันค่ะ คุยกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ”
ส่วนที่ติดโผอีกคนหนึ่งไฮโซ ก็คือ “กรณ์ ณรงค์เดช” ผู้บริหารเคพีเอ็นกรุ๊ป ลูกชายคนสุดท้องของ ดร.เกษม-คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช
แต่รายหลังนี่ ไม่ใช่เพิ่งจะมีข่าว เพราะเท่าที่ไปสืบค้นมา ปรากฏว่าเคยมีข่าวว่าฝ่ายชายแอบมาเมียงๆ มองๆ ตั้งแต่ปี 2553 นับนิ้วไปมาก็ 7 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนั้นศรีริต้าก็ออกตัวเอี๊ยดว่าแค่รู้จัก-เคยร่วมงานกัน แต่ไมได้สนิทสนม
“ข่าวที่ออกมาก็งงค่ะ แต่ริต้าเจอข่าวบ่อยแล้ว ก็ชินแล้วค่ะ เพราะว่าอะไรที่ไม่จริงเดี๋ยวก็เงียบไปเอง พี่กรณ์เป็นพี่คนหนึ่งที่ริต้ารู้จัก เคยทำงานร่วมกันค่ะ เขามาจีบหรือเปล่า? ไม่มีค่ะ เป็นพี่เฉยๆค่ะ เขาไม่ได้จีบริต้าและไม่ได้เจอมานานมากแล้ว"
แล้วข่าวของศรีริต้ากับกรณ์ ก็เงียบไป เมื่อฝ่ายหลังตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์กับไฮโซสาว “น้องเล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ทายาทโรงแรมปาร์คนายเลิศ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2555 จัดงานหรูหราใหญ่โต แขกเหรื่อมาเป็นสักขีพยานเต็มบ้านเต็มเมือง ทว่าเพียง 3 เดือนให้หลัง ทั้งคู่ก็แยกเตียง แยกบ้านกันนอน ก่อนจะตัดสินใจจดปากกาเซ็นใบหย่ากันในเวลาต่อมา
จนมาปลายปีที่แล้ว พอตกเป็นข่าวใหม่อีกรอบ ปรากฏว่าศรีริต้าเริ่มเปลี่ยนทืท่า ไม่ได้ยืนกรานเสียงแข็งเหมือนก่อน แล้วก็ไม่ได้ออกอาการปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเหมือนกับกรณีของไฮโซปลาวาฬ
“คงเป็นเพราะว่าริต้าโสดมั้ง อยู่ใกล้ใครก็คงเป็นข่าวไปหมดค่ะ ก็เรื่อยๆ ค่ะ เจอกันเรื่อยๆ มีโอกาสเป็นไปได้ไหม? ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ขอยังไม่คิดแล้วกันนะคะ ก็โสดค่ะ แต่ว่าเปิดโอกาสให้กับตัวเองค่ะ ไม่ได้ปิดโอกาสค่ะ”.
แต่แล้วจู่ๆ เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ก็ทำเอาฮือฮาไปทั้งโลกออนไลน์ เมื่อปรากฏว่าทั้งศรีริต้า และกรณ์ พร้อมใจกันลงรูปคู่ในไอจี ด้วยลักษณาการอิงแอบแนบชิด ในระหว่างที่ไปเที่ยวฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน ท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ
ถ้าพิจารณาจากอากัปกริยา และสีหน้าแววตา ที่เหมือนคนกำลังสำลักความสุขแบบจุกอก ทุกคนต่างก็ฟันธงความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่า “เกินเพื่อน” โดยถือฤกษ์ดีวันวาเลนไทน์เสมือนเป็นการเปิดตัวฉันคู่รักผ่านสื่อ
แม้กระทั่งคนรักเก่าอย่างขันเงินเอง ก็ดูเหมือนจะคิดไปในทิศทางนั้นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ วิเคราะห์จากการ โพสต์ภาพและข้อความแสดงความยินดีกับคนรักเก่า กับความรักครั้งใหม่ โดยเป็นการแชร์ภาพความทรงจำในเฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นภาพขณะที่ที่ศรีริต้าถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่เขามอบให้เมื่อวันวาเลนไทน์ 5 ปีก่อน พร้อมข้อความว่า "Wish her the best" หรือ "ขอให้เธอโชคดี"
“จริงๆ Timehop (ภาพในอดีต) ในเฟซบุ๊กมันขึ้นมาเราก็เลยแชร์ไปหน่อย เหมือนแชร์ความรู้สึกนิดหนึ่ง ตอนที่แชร์ความรู้สึกก็ตามคำพูดนั้นเลยครับ ก็คืออยากให้เขามีความสุข ก็เห็นภาพที่เขาโพสต์ในไอจี คนประมาณล้านคนส่งมาให้ดู (หัวเราะ) เราก็เลยโพสต์ ก็เป็นส่วนหนึ่ง Wish her the best ก็แปลว่าขอให้ดีที่สุด ขอให้มีความสุขครับ”
แต่คนที่ยังไม่ปักใจเชื่อกับภาพที่เห็นก็มีไม่น้อย เพราะหลายคนยังปักใจในประเด็นเดิมที่ว่ากรณ์ไม่ได้เป็นผู้ชายแบบเต็มร้อย ซึ่งก็วิเคราะห์ย้อนกลับไปถึงมูลเหตุที่ทำให้เขาต้องหย่ากับภรรยา ก็นัยว่าสืบเนื่องมาจากเหตุผลเดียวกัน บางคนพูดเลยไปถึงว่า ตอนนั้นที่เขา “จำต้องแต่ง” ก็เพื่อหน้าตาทางสังคม แล้วก็เพื่อเอาใจมารดา ที่กำลังป่วยอยู่ แต่พอแต่งไป ก็รู้ว่าไม่สามารถฝืนความรู้สึกตัวเองต่อไปได้ จึงปิดฉากชีวิตคู่ไว้เพียงแค่เดือนที่ 3
แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ยังไม่มีใครกล้าเอาหัวเป็นประกัน
กรณ์เป็น แล้วศรีริต้าไม่รู้ ?
ศรีริต้ารู้ แต่รับได้ ?
หรือว่ากรณ์ไม่ได้เป็น ?
กระทั่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็ยังไม่มีการชี้ชัดว่าสถานะที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ?
เป็นไปได้ว่าคนก็อาจจะมโนประติดปะต่อเรื่องจากภาพที่เห็น แล้วก็ไปตีความกันเอง เพราะเห็นว่าทั้งคู่ต่างก็โสด แล้วด้วยรูปคุณสมบัติ คุณสมบัติ ก็ดูเหมาะสมกัน ก็เลยพร้อมใจชูแขนเชียร์กันสลอน
เอาเป็นว่าก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้วเส้นทางความรักของศรีริต้า จะลงเอยที่กรณ์ อย่างที่หลายคนอยากให้เป็นหรือเปล่า !!??
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 379 18-24 กุมภาพันธ์ 2560