ยังคงเป็นคดีดังที่คนติดตาม และให้ความสนใจกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่ “นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช” หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีของนางเอก “แพท ณปภา ตันตระกูล” ตกเป็น “ผู้ต้องสงสัย” ในฐานะที่เป็นผู้ครอบครองทรัพย์สิน
ราคาแพง โดยเฉพาะรถยนต์สปอร์ตหรูยี่ห้อลัมบอร์กินี กัลลาร์โด รุ่นย่อย Super Leggera LP 570-4 สีเทาดำ ซึ่งเช้าข่ายฟอกเงิน เป็นเหตุให้ถูกเพ่งเล็งว่าอาจจะมีส่วนเชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งค้ายา “ท้าวไซซะนะ แก้วพิมพา” โดยมีชื่อของ “นายณัฐพล นาคคำ” หรือ บอย เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งงานนี้เบนซ์ก็ได้หอบหลักฐานเข้ามาชี้แจง ที่ กองบัญชาการตำรวจกองปราบ (บช.ปส.) พร้อมทั้งให้การยอมรับว่ารู้จักกับนายบอยเพราะต่างก็ชื่นชอบในเรื่องรถเหมือนกัน แต่ไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง เพียงแค่มีการยืมเงิน 6 ล้านบาทเพื่อมาดาวน์รถเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการทางกฎหมายที่จะต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงกันต่อไป เพราะการให้ปากคำว่ายืมเงิน 6 ล้านบาทแบบปากเปล่าโดยไม่มีสัญญาหรือหลักฐานการกู้ยืมเงิน ถือเป็นเรื่องผิดปกติ
ฟากของนางเอกสาว แพท-ณปภา ที่ได้รับแรงใจจากผู้คนอย่างล้นหลามจากบรรดาแฟนคลับ และผู้ที่ติดตามข่าวคราวที่ปรากฏอยู่ในทุกสื่อตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ใช้ความสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว โดยยังคงไม่มีคำให้การใดๆ หลุดจากปากทั้งสิ้น มีเพียงการทำหน้าที่เป็น “ภรรยา” และ “แม่ของลูก” ด้วยการเป็นกำลังใจ และพร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างสามี ในยามที่กำลังประสบปัญหาชีวิต ผ่านการโพสต์คลิป ทั้งในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กพร้อมแคปชัน “เรา” และ “กำลังใจอยู่ตรงนี้เสมอนะ”
ทว่า...เมื่อย้อนกลับไปฟังคำให้สัมภาษณ์ของเธอในช่วงต้นเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ก็พบว่ามีการพูดถึงรถหรูคันดังกล่าว ว่าเป็นรถในฝัน ที่สามีอยากได้มาไว้ในครอบครอง
“จริงๆ แล้วเค้าชอบอยู่แล้ว เป็นรถในฝันของเค้า ประจวบกับว่าเค้าคงแพลนไว้แล้วว่าเค้าคงมีเวลาอีก 4 เดือน ที่เค้าจะได้ขับ พอน้องออกก็คงจะไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมที่เค้าชอบ ก็เลยตัดสินใจทำเลยอะไรอย่างเนี้ยค่ะ ก็คือประกาศขายอาร์ 35 ที่เค้าขับอยู่แล้วก็ซื้อลัมโบร์ ราคาไม่ถึง 20 ล้าน เพราะไม่ได้เป็นมือหนึ่ง เค้าซื้อของเค้าเอง เค้าจัดการอะไรของเค้าเอง ซื้อสดหรือเปล่า ? ไม่แน่ใจเดี๋ยวต้องถามเค้า เป็นเรื่องที่เราไม่คุยกันจริงๆ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ถาม จนเมื่อวานเค้าเอารถไปจูน เราก็ไม่ได้ถาม นั่งอย่างเดียว มีหน้าที่นั่งอย่างเดียว”
เอาเข้าจริงๆ คนรอบข้างทุกคนต่างก็มั่นใจว่า แพทจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตในชีวิตครั้งนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง เหมือนดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการสืบค้นต่อไปถึงเส้นทางเชื่อมโยงของรถลัมโบร์กินีคันที่ตกเป็นประเด็น ก็ปรากฏว่ามีชื่อของ
“ไผ่ วันพอยต์” ทายาทอดีตนักการเมือง แฟนหนุ่มไซส์ใหญ่ของนางร้ายหน้าสวย “ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเป็นบุคคลที่นายบอยอ้างว่าเป็นคนแนะนำให้ซื้อรถคันดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวก็เข้ามาชี้แจงต่อ ปส. ว่าไม่ได้รู้จัก ทั้งเบนซ์ และบอย เป็นการส่วนตัว เพียงแค่ประสานให้มีการซื้อรถราคา 14 ล้านบาท และในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ไม่คิดว่าวงการซูเปอร์คาร์เป็นแหล่งฟอกเงิน ของผู้กระทำความผิด เพราะที่ผ่านมามีคนขับรถแบบนี้เป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ก็ยังปรากฏว่ามีคนบันเทิง และแวดวงไฮโซหลายต่อหลายคน มีชื่อเข้าไปพัวพันกับเครือข่ายของท้าว ไซซะนะ แบบต่างกรรม ต่างวาระ
ไม่ว่าจะเป็น “ดัง-พันกร บุณยะจินดา” ศิลปินนักร้องชื่อดัง เจ้าของค่ายเพลง Revol Music Creation ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของ “พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา” อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่ปรากฏว่ามีการแชร์ภาพขณะกำลังอยู่ในวงปาร์ตี้ร่วมกับท้าว ไซชะนะสนั่นโลกออนไลน์
เช่นเดียวกับภาพของ 2 นักแสดงจากวิกหมอชิต “อานัส ฬาพานิช” และ “อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์” ที่ถ่ายร่วมกับท้าวไซชะนะ ซึ่งถูกนำมาแชร์ต่ออย่างแพร่หลาย จนกลายมาเป็นประเด็นที่ทำให้ทั้งคู่ต้องออกมาชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า เป็นเพียงการติดต่อไปงานโชว์ตัวที่ประเทศลาว และถ่ายภาพร่วมกันกับผู้ว่าจ้าง ลูกค้า เป็นเรื่องปกติ และก็ยินดีที่จะให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
อีกหนึ่งคนบันเทิงที่ถูกจับตามองว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง พัวพันกับเครือข่ายยาเสพติดนี้หรือไม่ ? อย่างไร ? ก็คือ “ยืนยง โอภากุล” หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ที่มีภาพถ่ายร่วมเฟรมกับท้าวไซชะนะเช่นเดียวกัน งานนี้ก็เลยต้องเป็นหน้าที่ของขุนพลเพลงเพื่อชีวิตที่ออกโรงมาชี้แจงปกป้องตัวเอง โดยอธิบายที่มาของภาพดังกล่าวว่า เป็นภาพที่ถ่ายในบ่อนไก่ที่ประเทศลาว ซึ่งโดยปกติเวลาไปแสดงทัวร์คอนเสิร์ตที่จังหวัดแถบภาคอีสาน หรือที่ประเทศลาว ก็มักจะหาโอกาสข้ามไปดูการตีไก่ชนด้วย และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีผู้คนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยเสมอๆ ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
คำชี้แจงของคนบันเทิงเหล่านี้ ก็ดูจะสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับการรายงานว่า ท้าวไซชะนะมักจะจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ และถ่ายภาพร่วมกับบุคคลที่มีชื่อเสียง ทั้งแวดวงการเมือง บันเทิง ของทั้งไทย และลาวเป็นปกติ
ขณะที่ทางฝั่งลาวเอง ก็มีความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ที่ทำเอาสั่นสะเทือนไปทั้งวงการบันเทิง เกี่ยวกับกรณีที่ “นายสุละเพ็ด แก้วเวียงคำ” ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ลาวสตาร์ มีคำสั่งปลด “นายทะนูสอน แก้วเวียงคำ” หรือ “กู้ ลาวสตาร์” น้องชายแท้ๆ พ้นจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานี ฯ ภายหลังมีภาพไปปรากฏร่วมกับท้าวไซซะนะ เพราะหวั่นเกรงจะส่งผลกระทบถึงภาพพจน์ของทางสถานี
รวมไปถึงยังมีการเผยแพร่ภาพของ "เดชสงคราม ทำมะวง" ลูกชาย ทองสิง ทำมะวง อดีตนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ที่ถ่ายคู่กับก๊วนของท้าวไซซะนะอีกด้วย
เรียกว่าสะเทือนกันทั้งสองฝั่งโขงเลยทีเดียว !!
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 378 11-17 กุมภาพันธ์ 2560