คำว่า “แอนาสตาเซีย” (Anastasia) นั้นมีที่มาจากภาษากรีก ความหมายว่า “การฟื้นคืนชีพ” (Resurrection) และเมื่อมันถูกนำมาใช้เป็นชื่อตัวละครในหนังแฟนซีอีโรติกที่สร้างมาจากนวนิยายขวัญใจแม่บ้านอย่างเรื่อง “ฟิฟตี้ เชดส์ อ๊อฟ เกรย์” ถ้อยคำนี้ก็มีความหมายแบบที่ถูกนำเสนอไว้ในภาคต่อที่กำลังเข้าโรงฉายในบ้านเราขณะนี้ อย่าง “ฟิฟตี้ เชดส์ ดาร์กเกอร์”
เพราะเอาเข้าจริง การมาถึง “ครั้งใหม่” ของหญิงสาวทรงเสน่ห์อย่าง “แอนาสตาเซีย” จะว่าไปก็ไม่ต่างจากคนที่กำลังฉุดใครบางคนให้ฟื้นคืนมาจากความมืดหม่นอนธกาล หลุดพ้นจากปุ่มปมชีวิตที่กักขังหน่วงเหนี่ยวตัวตนไว้ในบาดแผลวันเก่าคืนก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะที่หญิงสาวกำลังจะ “ควานมือ” เพื่อฉุดดึงให้ชายหนุ่มก้าวขึ้นมาจากขุมนรกแห่งอดีต เธอก็เหมือนจะได้รับเชิญจากแรงเร้าเย้ายวนที่ชวนให้ถลำลึกจนลุ่มหลงในรสชาติของมันไปด้วยในขณะเดียวกัน ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของฉากรักที่ได้ผลสำหรับโลกแฟนซี...
ครับ, สำหรับคนที่ติดตามความเป็นมาของนวนิยายเรื่องนี้ ที่เขียนโดย “อี. แอล. เจมส์” คงจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า เป้าหมายของนวนิยายชุด “ฟิฟตี้ เชดส์” นั้นเกิดขึ้นมาตอบสนองจินตนาการบางด้านของเหล่าแม่บ้าน เหมือนละครเบาสมองที่ช่วยผ่อนเบาความตึงเครียดและน่าเบื่อจากชีวิตประจำวัน เพียงแต่มันไม่ได้พาคนอ่าน “หลุด” (Escape) ไปจากโลกความจริงอย่างนุ่มนวลชวนฝัน หากแต่เต็มไปด้วยแรงเร้าเร่าร้อนที่ไปก่อกวนตะกอนซึ่งนอนก้นนิ่งสนิทให้ลุกขึ้นมามีชีวิต สนองตอบแฟนตาซีด้าน “เซ็กซ์” และความ “เพอร์เฟคต์” ที่ตรวจเช็กถึง “การมีอยู่” ได้แค่ในโลกของความคิดฝัน
ฝัน หรือไม่ฝัน... ก็สำรวจได้ตั้งแต่ตัวละครนำชายในเรื่อง ซึ่ง “สามารถ” ทุกสิ่งอย่าง ไล่ตั้งแต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์ แถมเป็นมหาเศรษฐี ที่แม้จะมีปม แต่ก็เป็นปมที่พอจะปลอบประโลมคนยากคนจนให้รู้ว่ามหาเศรษฐีก็มีความทุกข์ความเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน...เพียงเท่านั้น เพราะถึงที่สุดแล้ว คนมีปมแต่ทว่าเป็นมหาเศรษฐี ก็สามารถนำพาเรื่องราวต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ด้วยอำนาจของเงิน ... แม้กระทั่งจะซื้อสำนักพิมพ์สักแห่ง หรือสายการบินสักสาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น
ที่พูดนี้ไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ เพราะหลายคนคงทราบว่า “อี.แอล.เจมส์” ผู้แต่งนิยายเรื่องนี้ เป็นผู้ที่มีความรักความหลงใหลในนิยายเรื่อง “ทไวไลท์” เข้าขั้นลุ่มหลง และนั่นก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาแต่งฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ บรรยากาศอันฟุ้งฝันนั้นเหมือนผ่องถ่ายกันมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ความน่าลุ่มหลงของตัวละครอย่างเกรย์ เอาเข้าจริงก็ไม่ต่างจากความรู้สึกที่เบลล่าและสาวๆ หลงใหลในหนุ่มแวมไพร์เอ็ดเวิร์ด แต่ สิ่งที่ฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ไปไกลกว่าทไวไลท์อย่างสุดกู่ ก็อย่างที่เราๆ พอจะรู้นั่นล่ะครับว่าคือเรื่องฉากเซ็กซ์ที่โจ๋งครึ่ม
... หลังจากเปิดตัวไปในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ไปเมื่อสองปีที่แล้ว ฟิฟตี้ เชดส์ ดาร์กเกอร์ ก็เดินทางมาถึง พร้อมกับเรื่องราวที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ภาคที่แล้ว ทิ้งปัญหาไว้ที่การจากลาระหว่าง “คริสเตียน เกรย์” กับ “แอนาสตาเซีย” แบบเพลียหัวใจชนิดที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาคืนดีกันได้หรือเปล่า แต่ “วัวเคยค้า ม้าเคยขี่” ถ้าหากมีภาคต่อ ก็ต้องโคจรย้อนมาพบ อย่างยากจะหลีกเลี่ยง ดังนั้นแล้ว โจทย์ใหญ่ในภาคนี้ก็อยู่ที่หญิงสาวจะก้าวคืนมา “เป็นของ” ฝ่ายชายหรือไม่ และมันจะพัฒนาการต่อไปอย่างไร
... อันดับแรก เชื่อว่า สิ่งที่ทำให้หลายคนสนใจในนวนิยายที่กลายมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเรื่องของความอีโรติก ผลงานชิ้นนี้ได้รับเรต “ฉ 20+” ในบ้านเรา หากใครจะเข้าชม ต้องมีการตรวจบัตรประชาชน เชื่อว่าหลายคนคงคิดกับเรื่องนี้พอสมควร และเราก็จะได้เห็นตั้งแต่ภาคก่อนหน้าแล้วว่า อารมณ์และบรรยากาศของ “เรื่องอย่างว่า” นั้น ไม่เพียงอุดมไปด้วยโซ่แส้กุญแจมือและอื่นๆ ตามวิถีของ “ซาดิสม์ชน” ... ยังมีความพยายามในการประดิษฐ์ตกแต่งตั้งแต่แสงสีไปจนถึงมุมกล้องในฉากเซ็กซ์
คนอื่นๆ รู้สึกอย่างไร ไม่แน่ใจ แต่โดยส่วนตัว ผมมีความเห็นว่า ถ้าคุณต้องการดูหนังที่ปลุกเร้าราคะหรือแรงปรารถนาในกามารมณ์หรืออะไรเทือกนั้น ผมคิดว่าไม่น่าจะตรงจุด และพูดก็พูด หากคุณ(ผู้หญิง)ต้องการจะ “จิ้น” ให้บรรเจิดเตลิดเปิดเปิงไปในเพลิงแห่งความร้อนเร่าปรารถนา แนะนำว่าให้หาหนังสืออ่าน น่าจะเหมาะกว่า เพราะ “เรื่องอย่างว่า” ในหนังสือนั้น ร่ำลือกันถึงขั้นว่า หลายคนอ่านๆ ไป เล็บจิกแผ่นกระดาษไป เพราะเคลิ้มในการบรรยายฉากเซ็กซ์แฟนซี อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นข้อได้เปรียบอยู่บ้างหากดูหนังก็คือสองดารานักแสดงนำ ทั้ง “เจมี่ ดอร์แนน” และ “ดาโกต้า จอห์นสัน” ที่เติมเต็มความหวามหวานด้วยเรือนร่างที่สวยงาม แลดูเย้ายวน มีเซ็กซ์แอพพีล และลงทุนเปิดเผยแทบทุกส่วน เพราะต้องยกเว้นจุดที่ “สงวน” ไว้บ้างอยู่
ในส่วนของเนื้อหา มีการปูเพื่อนำไปสู่ภาคต่อไป แต่ในภาคนี้ รู้สึกว่าหนังเริ่มจะมีประเด็นให้จับต้องได้มากขึ้น ทั้งเรื่องปมของตัวเอกที่มีตัวละครเสริมเข้ามาแบบตัวร้ายตัวอิจฉา ซึ่งเสริมส่งให้ความเป็น “แอนาสตาเซีย” เด่นชัดมากขึ้น เหมือนอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า แอนาสตาเซีย เธอมาเพื่อที่จะปลดปล่อยเงื่อนปมของชายหนุ่ม ให้เขามีความสุข ไม่เป็นทุกข์กับเรื่องราวแต่คราวหลัง
เอาเข้าจริง แฟรนไชส์ชุดนี้ ผมเห็นว่า มีผู้หญิงเป็นตัวตั้งนะครับ ตั้งแต่เป้าหมายของตัวนิยายที่ผู้เขียนก็บอกไว้ชัดเจนว่าต้องการขายให้กับผู้หญิง ... ผู้หญิงในหนังและนิยายเรื่องนี้ ดูเผินๆ แล้ว เหมือนตกเป็น “วัตถุทางเพศ” ของผู้ชาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือการยกย่องและให้เกียรติแก่หัวใจและความรู้สึกของผู้หญิงอย่างมาก เพราะให้โอกาสแก่พวกเธอในการเลือกว่ารักจะชอบจะปรารถนาอะไรแบบไหนโดยไร้ “กฎ” หรือ “กรอบเกณฑ์” ทางสังคมมาข่มบังคับ คำว่า “กฎ” ที่ถูกกำหนดโดยผู้ชายหรือสังคมก็ตามที จึงใช้ไม่ได้กับแอนาสตาเซีย และถ้าเข้าใจไม่ผิด หนังภาคนี้ก็มีอะไรที่เกี่ยวกับ “กฎ” เยอะเหมือนกัน ซึ่งแอนาสตาเซียก็แสดงพลังผู้หญิงให้เราได้เห็นด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นเหมือนผู้กำหนด “กฎ” เสียเอง
และยิ่งกว่านั้น บทบาทของแอนาสตาเซียในภาคนี้ ยังสะท้อนให้เห็นความเป็นหญิงรูปแบบหนึ่ง แม้อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงทั้งหมดที่เป็นเช่นนี้ แต่จำนวนไม่น้อยก็มีจิตใจที่...เห็นชายสักคนที่ตนรักจมปลักกับความทุกข์ความยาก ก็อยากที่จะช่วยเหลือประคับประคองให้เขาก้าวออกมาจากหล่มหลุมขุมนรกนั้น แต่การจะทำอย่างนั้น ก็ต้องมีความรักความพึงใจในผู้ชายคนนั้นเป็นพื้นฐานก่อน
จะว่าไป ผู้ชายที่อยู่ในโลกมืดอย่างคริสเตียน เกรย์ ก็น่าช่วยมากมาย เพราะสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง อีกทั้งแอนาสตาเซียเอง ก็ดูจะได้รับความสุขสมแบบที่หาได้ไม่ง่ายนัก แฟนซีขนาดนี้ มีหรือสาวๆ จะไม่ชอบ??
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม