“ดีเจเอกกี้” จัดอีกดอก หลังออร์แกไนซ์บอก “ฌอห์ณ” มาพร้อมพิธีกรไม่ได้แปลว่าไม่สาย ถามแล้วจะให้มาเปิดเวทีเหรอคะ! รับได้สตรอว์เบอร์รีจากกรณีดรามา “ฌอห์ณ - เอสเธอร์” เข้าไปดึงสติ “น้องต้องกินปลาเพิ่ม” ไม่สนออร์แกไนซ์ จ้างก็จ้าง ไม่จ้างก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ร้อนเงิน แต่ถ้าจ้างต้องจ่ายเงินมาก่อน ไม่หวั่นผิดใจ “เอสเธอร์” บอกแค่พูดความจริง
จากกรณีดรามาร้อนแรงที่เกิดระหว่าง 2 พระนางอดีตคู่จิ้น “ฌอห์ณ จินดาโชติ” กับ “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ซึ่งมีออร์แกไนซ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเรื่องเกิดจากอีเวนต์หนึ่งที่ตอนแรกมีรายชื่อ ฌอห์ณ และ เอสเธอร์ ไปร่วมงาน แต่ต่อมาฝ่ายหญิงกลับแคนเซิลโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ถูกตั้งคำถามว่าหรือจะเลี่ยงเจออดีตคู่จิ้นที่ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะจบไม่สวยหรือเปล่า
ต่อมา “เชง มาสเตอร์พีซ” ออร์แกไนเซอร์ของงาน ได้ออกมาแฉข้อความที่ระบุว่า ฌอห์ณเป็นฝ่ายไม่อยากร่วมงานกับเอสเธอร์เอง แถมยังมางานสาย งานนี้ “ดีเจ เอกกี้ เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ” ในฐานะพิธีกรในงานวันดังกล่าว เลยทนไม่ได้ ออกมาปกป้องฌอห์ณ ส่วนออร์แกไนซ์ก็ออกมาชี้แจงอีกว่าการที่ฌอห์ณมาพร้อมพิธีกร ก็ไม่ได้แปลว่าไม่สาย งานนี้เลยเจอดีเจเอกกี้จัดชุดใหญ่ผ่านรายการบันเทิงพลาซ่า ลั่น “ถ้าผิดอย่าแถ ถ้าแถถือว่าสตรอว์เบอร์รี!”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอตัวดีเจเอกกี้ ในงาน The Cleo 50 Most Eligible Bachelors นิตยสารคลีโอ ณ ห้องเกรท รูม โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ เจ้าตัวยันไม่หวั่นผิดใจเอสเธอร์ เพราะสิ่งที่ตนบอกไปนั้นคือความจริงทั้งหมด
“ก็อย่างที่บอกแหละว่าด้วยความที่เราตั้งใจ คือ เราเห็นข่าวและเห็นข้อความต่างๆ ที่มันไม่เป็นความจริง เราก็อยากออกมาบอกว่าความจริงมันเกิดอะไรขึ้น ในส่วนที่เอกกี้รู้เท่านั้น แต่ส่วนที่เราไม่ทราบ เราก็จะไม่พูด”
“คือ ก่อนหน้านี้ เราทำงานอยู่ที่พัทยาในวันอาทิตย์ ทางผู้จัดการของฌอห์ณ ที่ชื่อแจงก็โทร.มาบอกว่าพี่เอกกี้แย่แล้ว ทางออร์แกไนซ์เขาโพสต์ข้อความพูดถึงฌอห์ณ เราก็บอกว่าแป๊บหนึ่ง เราทำงานอยู่ ซึ่งพอเสร็จงาน เราก็เข้าไปอ่านข้อความที่เขาโพสต์ เราก็เห็นหลายข้อความโดยเฉพาะข้อความที่บอกว่าฌอห์ณมาสาย ไม่มีระเบียบวินัย คือ เหมือนฌอห์ณโชคดีทำบุญมาเยอะที่มาเจอกับพี่พอดี เลยเข้าไปรับบรีฟงานด้วยกัน ตอนบ่ายโมงนิดๆ ซึ่งเราจะขึ้นเวทีตอนบ่ายสอง แต่ฌอห์ณกับพี่มาบ่ายโมงนิดๆ คือ ไม่สาย”
“นักข่าวก็อยู่วันนั้น เพราะถ้าสายงานก็ต้องเลื่อน เวลาออนสเตจมันบ่ายสามโมง แต่คือมันมีตรงนี้ว่าถ้าคุณจะนัดเซเลบมาก่อนพิธีกร หมายความว่า ฌอห์ณต้องมีโชว์บนเวที แบบต้องมาเดินแบบ แต่วันนั้นฌอห์ณมีแค่สัมภาษณ์กับเอกกี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นมาก่อน 1 ชม. ก็ไม่ได้สาย ส่วนที่ออร์แกไนซ์บอกว่า มาพร้อมพิธีกรไม่ได้แปลว่าไม่ได้มาสาย คุณจะนัดเขา 11 โมง มาเปิดเวทีหรือคะ (หัวเราะ) ในลิสต์รายชื่อไม่มีเอสเธอร์ตั้งแต่แรกครับ ในสคริปต์ก็ไม่มีชื่อของน้องเอสเธอร์ คือ เราไม่ได้อยู่ทีมใครนะ เราก็รักเอสเธอร์รักทุกคน แต่ที่เราออกมาคือเราออกมาพูดความจริง เพราะเราเจอฌอห์ณพอดี”
บอกออร์แกไนซ์จะให้พระเอกดังทำเกินสิ่งที่ดีลกันหน้างาน แต่ถูกปฏิเสธ ส่วน ผจก. ฌอห์ณ ตอบกลับไปอย่างสุภาพ ไม่มีคำไม่สุภาพอะไรทั้งนั้น
“เราเล่าในรายการบันเทิงพลาซ่าของเราไปว่าในวันนั้นพอเราบรีฟสคริปต์กับทีมงานเสร็จเรียบร้อย ทางเจ้าของออร์แกไนซ์วันนั้นเขาก็เดินเข้ามา แล้วก็มาบรีฟกับผู้จัดการแจงและฌอห์ณ ซึ่งเราก็นั่งอยู่ตรงนั้น เขามาพูดบอกว่าเดี๋ยวโชว์ต้องขึ้นฟินาเลเดินแบบบนเวที แล้วเดี๋ยวจะมี จ๊ะจ๋า (พริมรตา เดชอุดม) ถือเค้กขึ้นเวทีมาให้ฌอห์ณเป่า ซึ่งตรงนี้พอฌอห์ณกับผู้จัดการได้ยินก็มองหน้ากัน”
“แจงก็เลยบอกกับทางออร์แกไนซ์ ว่า ซีเคว้นตรงนี้ไม่มีตอนที่ดีลงานมา เพราะที่ดีลงานมา คือ สัมภาษณ์บนเวทีและถ่ายรูปกับผู้บริหาร รวมถึงสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแค่สามอย่าง แต่มีซีเคว้นนั้นมาเพิ่มก่อนงานเริ่มเพียง 15 นาที ทางเซเลบเขาก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธถูกมั้ย ทางผู้จัดการแจงเลยบอกว่า ขอโทษจริงๆ ทางน้องไม่พร้อม ขอทำแค่ในส่วนที่ดีลมา เท่านั้นแหละเขาก็ทำหน้านิ่งๆ และเดินออกไป หลังจากนั้น ก็มีโปรดิวเซอร์มาคุย แต่มันก็ไม่สามารถจริงๆ (ผจก.ฌอห์ณ พูดไม่สุภาพกับออร์แกไนซ์?) เท่าที่เราอยู่ตรงนั้น ไม่มีคำไม่สุภาพเลย คือ สุภาพมากๆ ยิ่งกว่าสุภาพ”
ไม่ได้คุยกับ “เอสเธอร์” เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้โทร.มา ขำบอกฌอห์ณทำท่าเป็นเหมือนผู้ชนะหลังให้สัมภาษณ์ บอกไม่มีใครเขาทำกันแบบนั้นต่อหน้าสื่อ นอกจากไปทำลับตาคนอื่น
“ไม่ได้คุยครับ เขาก็ไม่ได้โทร.มา ส่วนกับฌอห์ณเราได้คุยวันที่ผู้จัดการเขาโทร.มา เขาก็เครียดนะ เรารู้ว่าเขาเครียดแต่เขาไม่ได้บอกเราหรอกว่าเครียด คือ มันมีข้อความหนึ่งที่ทางนั้นเขาเขียน ว่า หลังจากที่ฌอห์ณให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเรื่องเอสเธอร์ว่าพอสัมภาษณ์เสร็จฌอห์ณหงุดหงิด และพอออกมาเจอผู้จัดการแจงก็พูดว่า ดีนะที่เราเตี๊ยมกันมาก่อน แล้วก็ทำท่าชนะ คือ เอกกี้รู้สึกว่าไม่มีใครเขาทำแบบนั้นหรอกค่ะ มันเป็นสเต็ปเกินไป เรายืนยันว่า ถ้าเรื่องมาสายไม่มีแน่นอน ส่วนเรื่อง yes คือคนเราถ้าจะทำจริงๆ มันก็ต้องไปทำที่ลับตาคนก่อน ซึ่งถ้าทางคนนั้นเขาเห็น พวกนักข่าวก็ต้องเห็น แล้วชื่อเอสเธอร์คือในหมายเหมือนจะมีการขีดฆ่า คือ ถ้ามีเวลาขีดฆ่าชื่อเอสเธอร์ทำไมไม่มีเวลาพิมพ์ใหม่”
“มันไม่ใช่เรื่องของเราไง เลยไม่โกรธ เราแค่ออกมาพูดความจริง เพราะเรารู้สึกว่าฌอห์ณเป็นคนดี เป็นคนที่เรารู้จัก เราเป็นพยานคนเดียว ถ้าเราไม่ออกมาน้องจะเละแค่ไหน”
รับ 600 คอมเมนต์ มีแค่ 1 คอมเมนต์ที่ส่งสตรอว์เบอร์รีมาให้ เข้าไปดึงสติ “น้องต้องกินปลาเพิ่ม” !
“กระแสโจมตีไม่มีเลย ที่มีคอมเมนต์ 600 ข้อความในอินสตาแกรม มีสตรอว์เบอรรีมาแค่คนเดียว เราเลยเข้าไปคุยกับเขามานิดหนึ่งว่าน้องใช้สติหน่อยนะ หรือน้องอาจจะต้องทานปลาเพิ่ม คือ อย่างที่บอกเรื่องนี้เราไม่ได้มีส่วนได้หรือส่วนเสีย แต่เราเป็นพยานคนเดียวที่เจอฌอห์ณในช่วงเวลาบ่ายนิดๆ ที่ออกมาคอนเฟิร์มคือเรื่องว่าฌอห์ณไม่ได้มาสาย และที่บอกว่าฌอห์ณไม่มีระเบียบวินัยมันไม่ใช่ คือ เขาเป็นคนซีเรียสเรื่องงานมากกว่าเราอีกนะ (หัวเราะ)”
ยังร่วมงานกับออร์แกไนซ์ได้ แต่ต้องจ่ายเงินก่อน บอกเงินมาการแสดงไป ไม่มีเรื่องกับใครแน่นอน ส่วนตนไม่ได้ร้อนเงินจ้างก็จ้าง ไม่จ้างก็ไม่เป็นไร
“ร่วมงานได้ จ่ายเงินก่อนก็แล้วกัน คือ มันแล้วแต่ลูกค้าถ้าเขาอยากได้เราจริงๆ แล้วดีลกับออร์แกไนซ์นี้ ถ้าเขาโอเคเราก็โอเค วงการนี้ พี่สุกี้ (ชื่อในละคร) ทำได้ทุกอย่างค่ะ (หัวเราะ) เงินมาการแสดงไปค่ะ ไม่มีเรื่องกับใครทั้งนั้น ขอแค่พูดความจริงค่ะ ไม่ได้ร้อนเงิน จ้างก็จ้าง ไม่จ้างก็ไม่เป็นไร เพราะปีหนึ่งเขาจ้างงานเราแค่งานเดียว ไม่เป็นไรออร์แกไนซ์มีเป็นพัน ซึ่งเขาก็ไม่ติดต่อมาเคลียร์ครับ”
ยืนยันในสิ่งที่เป็นความจริง ไม่หวั่นผิดใจ “เอสเธอร์” ตีหน้าซื่อถามกับ “เคน ภูภูมิ” มีเรื่องอะไรกันเหรอ
“เราก็ยืนยันในส่วนที่เป็นความจริง ก็คงไม่ได้มีอะไรผิดใจกัน ถึงวันหนึ่งก็คงเจอน้อง เพราะงานต่างๆ ก็มีมากมาย ส่วนกับ เคน ภูภูมิ ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย มีเรื่องอะไรกันเหรอ (หัวเราะ) เราคิดว่าคนอื่นจะเข้าใจที่เราออกมา เพราะเราทำในส่วนของพาร์ตเรา เราไม่ได้อยู่ทีมไหน และเราก็ไม่รู้เรื่องของ ฌอห์ณ กับ เอสเธอร์ เรารู้ข่าวในเรื่องการนัดหมายหรือติดต่องาน ตามข้อความที่ผู้จัดการแจงได้ออกมาโพสต์เท่านั้น”
