“เฮียฮ้อ สุรชัย” ลั่นยังเป็นผู้นำทีวีดิจิตอลต่อเนื่อง อัดฉีด 700 ล้านบาท ดันช่อง 8 ผงาดท็อปไฟว์ ฟุ้งคนดูจะต้องทะลุ 5 แสนต่อนาที รับจับมือเอ็กแซ็กท์แลกเปลี่ยนนักแสดง มั่นใจต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ บอกจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่อุตสาหกรรมทีวี ต่างประเทศก็เป็นแบบนี้ ผุดโมเดลธุรกิจเพลงใหม่ นักร้องทุกคนต้องควักเงินส่วนตัวมาจ่ายด้วย
แม้ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจทีวีดิจิตอลดูน่าเป็นห่วง มีการปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก หลายสถานีส่ออาการร่อแร่จนน่าใจหาย หลายค่ายหนีตายด้วยการหาแนวร่วมมาเสริมทัพความแข็งแกร่ง รวมไปถึงค่ายอาร์เอสเองที่มีการจับมือค่ายเอ็กแซ็กท์ แลกเปลี่ยนนักแสดงหวังจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมทีวี ซึ่งล่าสุด “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ก็สร้างความมั่นใจด้วยการนำทัพนักแสดง พิธีกร นักข่าวร่วม 100 ชีวิต มาร่วมเแถลงข่าวเปิดตัวรายการ ซีรีส์อย่างยิ่งใหญ่อลังการทีเดียว โดยตั้งเป้าว่าปีนี้ ช่อง 8 จะต้องผงาดติดท็อปไฟว์ ด้วยการทุ่มเม็ดเงินสูงถึง 700 ล้านบาท
“ทิศทางของบริษัทอาร์เอสในปี 2017 ปีนี้เราก็เน้นมาที่การต่อยอดความสำเร็จของช่อง 8 นะครับ ซึ่งปีนี้เราก็ต้องบอกว่าช่อง 8 ปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 4 ตั้งแต่ปีแรกเลยเราก็สามารถขึ้นเป็นผู้นำ ช่อง 8 นี่ติดท็อป 5 มาตลอด ปีนี้ก็มีการลงทุนประมาณ 700 ล้านบาทนะครับ เพื่อที่จะสร้างคอนเทนต์ต่างๆ ทำให้ช่อง 8 บรรลุเป้าหมาย แล้วก็เป็นทีวีดิจิตอลระดับผู้นำของประเทศตามแผนที่เราวางไว้ครับ”
“ปีนี้ในมุมคอนเทนต์ของช่อง 8 ซึ่งเราประสบความสำเร็จมากในปีที่ผ่านๆ มานะครับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรายการข่าว ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในกลุ่มทีวีช่องใหม่ แล้วก็เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ส่วนกลุ่มรายการมวยเราก็ประสบความสำเร็จเป็นกลุ่มรายการอันดับหนึ่งของทั้งประเทศ ส่วนรายการวาไรตี้ตอนนี้เราก็มีการลงทุนสร้างวาไรตี้ใหม่ๆ เพื่อจะพยายามตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัยนะครับ ให้ช่อง 8 สามารถเข้าไปถึงทุกๆ คนเลยจริงๆ นะครับ โดยเฉพาะคอนเทนต์ละครที่ปีนี้ละครของช่อง 8 ก็จะมีความหลากหลาย มีความเปิดกว้างขึ้นนะครับ แล้วก็มีการลงทุนที่มากกว่าปีที่ผ่านๆ มาครับ”
“โดยทิศทางของละครปีนี้ช่อง 8 เราทุ่มงบประมาณค่อนข้างมาก แล้วก็เปิดกว้าง เราก็ยินดีที่จะมีผู้จัดใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งนักแสดงที่มีชื่อเสียงมีความสามารถเข้ามาร่วมงานครับ ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีนะครับ ที่จะทำให้ละครมีความหลากหลายขึ้น และสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมละครให้กว้างขวางขึ้น และเป็นที่นิยมมากขึ้นครับ”
รับมีการพูดคุยทาบทามนักแสดงจากเอ็กแซ็กท์ให้มาร่วมเสริมทัพ
“คือ เราต้องเรียนกันตรงๆ ว่า มีการติดต่อกัน ผมคิดว่าเป็นการพูดคุยกันที่ลงตัวนะครับ ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับทุกๆ ฝ่าย ทั้งของช่อง 8 เอง หรือแม้กระทั่งของทางเอ็กแซ็กท์เองและกับนักแสดงเอง ผมคิดว่าการเกิดเรื่องราวแบบนี้ในอุตสาหกรรมทีวีเป็นสิ่งที่ควรเกิดนะครับ ในต่างประเทศเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ผมคิดว่านี่ก็เป็นทิศทางที่ดี ผมคิดว่าคนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือประชาชน จากนี้ไปประชาชนก็จะได้ชมละครที่มีความหลากหลายมากขึ้นครับ”
“ถ้านักแสดงเราไปช่องอื่นก็ยินดีครับ พออุตสาหกรรมทีวีมันเปลี่ยนไปผมคิดว่าความเปิดกว้างขึ้น นักแสดงที่มีชื่อเสียง มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นของเราหรือของบริษัทอื่น ผมคิดว่าในอนาคตก็สามารถจะมาร่วมงานกันได้ครับ นอกจากเอ็กแซ็กท์ก็มีค่ายอื่นด้วยครับ คิดว่าการร่วมงานของดารานักแสดงผู้จัดหรือแม้กระทั่งผู้กำกับ ผมคิดว่าติดตามกันไปนะครับ ปีนี้จะมีเซอร์ไพรส์ค่อนข้างมาก”
“ต้องเรียนว่าช่อง 8 เราติดท็อป 5 มาตลอด ปีนี้เราก็ยังติด 1 ใน 5 โดยเป้าหมายของเราวางว่าสิ้นปี 2017 ช่อง 8 ควรจะมีกลุ่มคนดูประมาณ 550,000 คนต่อนาที จากสิ้นปีที่ผ่านมาเรามีประมาณ 350,000 ก็คิดว่าด้วยกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงแนวทางการตลาดและการทุ่มทุนสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลายในปีนี้ ผมคิดว่าเป้าหมายของช่อง 8 ที่วางไว้ในสิ้นปีน่าจะบรรลุเป้าหมายได้ ในส่วนของ มด (ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ) ก็ยังมีละครอยู่ เป็นรอบของละคร คือ ทำงานน่ะได้ทำ กำลังถ่ายทำอยู่ แต่ละครจะออกประมาณไหนผมคิดว่าเป็นเรื่องของการตลาด จังหวะที่เหมาะสมเราก็จะวางออกมาฉาย”
“ช่อง 8 มีโพซิชันนิงที่ชัดเจนนะครับ เราเป็นทีวีของทุกคนนะครับ มีสโลแกนว่าเข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์ ผมว่าสโลแกนก็บอกตัวตนชัดอยู่แล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ประเภทใดก็จะต้องมีความเข้มข้น มีความสุดในอารมณ์จริงๆ ครับ คือคอนเทนต์ 4 กลุ่มของช่อง 8 ต้องเน้นว่าเราแยกเป็น 4 กลุ่มนะครับ กลุ่มมวย ซึ่งผมคิดว่าก็ยังรักษาความเป็นที่นิยมได้ต่อเนื่อง และยังต้องใช้เงินพอสมควรนะครับ ส่วนกลุ่มข่าวเราทำได้ดีอยู่แล้วก็คงจะต่อยอดขึ้นไปอีก กลุ่มละครน่าจะเป็นปีที่เราเงินกับละครมากที่สุดนะครับ เราตั้งเป้า 700 กว่าล้านของทั้งช่อง ก็เป็นละครประมาณสัก 400 กว่า”
เผยเป็นปีแรกที่ใช้โมเดลใหม่ Music Marketing ดันธุรกิจนักร้อง ค่าย-ศิลปินลงทุนร่วมกัน คาดผลประกอบการน่าจะดีขึ้น
“ส่วนธุรกิจเพลงปีนี้เป็นปีแรกที่เราใช้โมเดลใหม่นะครับ เราใช้คำว่า Music Marketing ครับ ก็น่าจะเป็นโมเดลที่ทำให้ธุรกิจเพลงปีนี้กลับมาคึกคัก มีผลงานออกมากขึ้น แล้วก็มีการเติบโตสูงขึ้นครับ ผมคิดว่าเป็นโมเดลใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครใช้จริงๆ จังๆ ก็เป็นการร่วมลงทุนระหว่างค่ายเพลงกับศิลปินครับ การสร้างดาราใหม่หรือนักร้องใหม่ก็เป็นเรื่องปกติที่เราทำประจำอยู่แล้ว ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ธุรกิจเพลงมีผลงานออกมามากในรอบ 5 ปีนะครับ และผลประกอบการก็น่าจะดีขึ้น”
“การร่วมลงทุนเรามองว่านี่คือธุรกิจของนักร้อง เพราะฉะนั้นตอนนี้นักร้องถ้าจะทำเพลงก็ต้องวางแผนธุรกิจตัวเอง แล้วก็ลงทุนในฟากของการทำเพลง ส่วนของบริษัทก็จะลงทุนในช่วงของแพลตฟอร์ม เรื่องมาร์เก็ตติ้ง เรื่องงานขายต่างๆ ครับ สัดส่วนในการลงทุนของบริษัทมากกว่าอยู่แล้วครับ ศิลปินคนหนึ่งก็ลงทุนไม่มากเท่าไหร่”
