“แตงโม พงษ์พิสุทธิ์” ปัดตอบสาเหตุเลิกราเพราะแคร์ความรู้สึกเมีย ยันทั้งน้ำตาการได้รู้จัก “เฟิร์น เกวรินทร์” ไม่ใช่ความผิดพลาด ไม่หวังให้คนนอกเข้าใจ บอกเป็นเหตุผลของคนสองคน คนนอกไม่ได้มาคุยมานอนด้วย ขอบคุณครอบครัวฝ่ายหญิงที่เข้าใจตน ยอมรับไม่ได้จดทะเบียน ปัดแฉเมียผ่านรายการคดีสีชมพู บอกแค่อรรถรส พูดเพื่อสร้างสีสันให้รายการสนุก
วันที่ 24 ม.ค. พิธีกรดัง “แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน” ได้ออกมาเคลียร์ใจแบบเต็มๆ เป็นครั้งแรกในรายการห้องข่าวบันเทิงทางช่องเวิร์คพ้อยท์ทีวี ดำเนินรายการโดย “นุ้ย สุจิรา” กรณีตัดสินใจเลิกราภรรยา “เฟิร์น เกวรินทร์” ทั้งที่อยู่กินกันได้แค่เพียง 8 เดือน โดยตลอดทั้งรายการหนุ่มแตงโมให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนเผยทั้งน้ำตาว่าการได้รู้จักภรรยาไม่ใช่ความผิดพลาด แต่ต่อให้วันนี้ไม่เกิด วันหน้าก็ต้องเกิด ส่วนสาเหตุที่ไม่ออกมาตอบให้เคลียร์ก่อนหน้านั้นเพราะห่วงความรู้สึกภรรยา
“ผมขอใช้คำว่าจริงๆ แล้วผมก็คุยกับภรรยาตลอดเวลาที่เกิดเรื่องความไม่เข้าใจ พูดคุยกันตลอด แต่บางคำไม่ใช่ว่าเรามาสร้างภาพในการพูด มาพูดให้สวยงาม สิ่งที่ผมแคร์ที่สุดมันก็คือเฟิร์น ถึงแม้ว่าบางทีมันจะไม่ได้คบกัน ไม่ได้ไปต่อสถานะแบบไหน สุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องแคร์เขามากที่สุดและทางคุณพ่อคุณแม่เฟิร์นเขาจะรู้สึกยังไง ตอนนี้เราก็ห่างกัน”
“ถามว่าทำไมไม่พูดคำว่าเลิก ลองจินตนาการนะครับ ถ้าพี่เป็นผู้หญิงอยากได้ยินคำนี้มั้ย ถึงแม้จะอะไรก็แล้วแต่ พูดตรงๆ ไม่ว่าเรื่องไหนนี่เป็นความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายไม่มีใครอยากพูดคำนี้ออกมา”
ยากที่จะสรุปว่าเลิกกันแล้ว บอกไม่น่าเชื่อจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังแต่ง แต่ยันไม่มีใครอยากแต่งแล้วเลิก ย้ำไม่มีปัญหามือที่สามแน่นอน
“มันพูดยากแต่ไม่อยากสรุปว่าเป็นแบบไหน เอาเป็นว่าความเข้าใจให้ผู้ชมมีวิจารณญาณในการรับชมแล้วกัน ว่าเป็นแบบไหน คือเราห่างกันแต่ได้พูดคุยกับที่บ้านของเฟิร์นเมื่อวานก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่เฟิร์น ขอบคุณเขามากๆ ท่านเข้าใจมาก เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ระหว่างเราสองคน”
“เราคบกัน 2 ปี รู้จักเป็นเพื่อน 15 ปี ทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ไม่น่าเชื่อเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังแต่งงาน ไม่มีใครแต่งแล้วอีก 8 เดือนเลิก เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ถามว่าเหตุผลเพราะอะไร ขออนุญาตจริงๆ อาจไม่ได้พูดถึงรายละเอียด เพราะเฟิร์นไม่เคยว่าแตง แตงไม่เคยว่าเฟิร์น แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดของคนสองคนที่ไปด้วยกันจะเป็นแบบไหน เราคุยกัน เฟิร์นเป็นคนพูดจารู้เรื่อง (เสียงสั่นเครือน้ำตาจะไหล)”
“เรื่องการเปลี่ยนสถานะผ่านการพูดคุยมาพอสมควร ปรึกษามาว่าจะแก้ไขยังไง ทุกคู่ครับ ไม่มีใครพูดครั้งเดียวแล้วเลิก เราต่างคนต่างปรับ แต่อย่างที่บอกเป็นสามีภรรยาทำให้เห็นว่าแต่ละคนเป็นแบบไหน แต่ไม่ได้ทะเลาะ ไม่ได้มีมือที่สาม เรื่องมือที่สามแตงอยู่กับเฟิร์นทุกวัน ไม่มีแน่นอน”
โต้แฉภรรยาผ่านรายการคดีสีชมพู แค่พูดเพื่ออรรถรส สร้างสีสันให้รายการสนุก
“ตัวรายการทุกรายการต้องทำข้อมูลขึ้นมา เป็นเรื่องพูดคุยในรายการ สุดท้ายแล้วในรายการต้องมีความสนุก แตงคุยกับเฟิร์นว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่เฟิร์นไม่ได้เป็นคนพูดเก่งมันเป็นเรื่องแล้วแต่คนจะคิด แต่แตงกับเฟิร์นไลฟ์สไตล์อยู่ด้วยกันก็อยู่แบบนี้ แต่แตงไม่เคยพูดว่าเธอไปนั่งแท็กซี่ มันเป็นอรรถรส กลับบ้านไปก็ไม่ได้ทะเลาะกันเลย ยังนั่งขำอยู่ ถามว่ามีความจริงซ่อนอยู่ในเนื้อหามั้ยก็มีอยู่ แต่ขอร้องว่าไม่ใช่เฟิร์นไม่ทำ อาจเป็นผมก็ได้”
“ช่วงแรกที่ไม่พูดเพราะห่วงความรู้สึกเฟิร์น เขาก็มีหน้าที่การงานของเขา ผมก็อยากให้เงียบๆ ไป แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด (เสียงสั่นเครือ) คุณพ่อคุณแม่เข้าใจมากๆ ยอมรับว่าเขาเสียใจ (น้ำตาซึม)”
หลั่งน้ำตา การได้รู้จักภรรยาไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาด แค่ไม่มีใครรู้อนาคต
“ผมก็ขอบคุณทุกกำลังใจแต่พูดตรงๆ ชีวิตคู่มีอะไรเยอะแยะ ผมคุยกับเฟิร์น เราน่าจะคิดเหมือนกัน (เสียงสั่น) การได้รู้จักกันไม่เคยคิดว่ามีอะไรผิดพลาด (ร้องไห้) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็ไม่มีใครควบคุมได้ ไม่มีใครรู้ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาเราสองคนไม่โทษกัน เพราะเราเสียใจกันทั้งคู่”
ยอมรับไม่ได้จดทะเบียน บอกไม่หวังให้ใครเข้าใจ เพราะเป็นเหตุผลของคนสองคน บอกคุยกันสองคน นอนกันสองคน คนนอกไม่ได้มารู้เรื่องด้วย
“ไม่ได้จดครับ ตอนแรกเกี่ยวกับเรื่องหมอดูที่ผมเชื่อมา ว่าจดแล้วจะเลิก แต่ก็ไม่เกี่ยว มันเกี่ยวกับคนสองคน แตงไม่ได้คาดหวังให้ใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่รู้ เขาไม่ได้เป็นเฟิร์นไม่ได้รู้วาเฟิร์นคิดแบบไหนเสียใจยังไง ก็อยากบอกว่าใครเข้าใจและอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ อยากให้ดูไว้แล้วกันว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน เราไม่มีทางรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนสองคนต้องเข้มแข็ง มีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ เราคุยกันได้ เราไม่ได้เกลียดกัน คนเราเลิกแล้วหรือห่างกันแล้ว สุดท้ายอะไรที่ไม่ดีก็ลืมไปเถอะ จำแต่สิ่งดีๆ ให้กัน”
“ผมไม่ได้คิดเรื่องรักครั้งใหม่อะไรเลย ผมคิดเรื่องเดียวว่าจะเป็นแบบไหนต่อไป ที่เหลือก็ปล่อยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา สุดท้ายไม่เกิดวันนี้วันหน้าก็ต้องเกิด หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมทราบว่าหลายคนก็อยากทราบเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็ออกมาบอกแล้วกันว่าเป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ด้วยกันแล้วเป็นแบบนี้ แต่รายละเอียดขอเป็นเรื่องของคนสองคนแล้วกัน ผมอยู่สองคน คุยกันสองคน นอนกันสองคนไม่มีใครมานอนกับเราด้วย”