xs
xsm
sm
md
lg

"ถุงแป้ง ภัทรวดี" กับบทบาทชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละครดรามา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ทว่าประสบการณ์ชีวิตของนักแสดงสาววัย 20 เจ้าของบท "วิไลกัลยา" พระราชนัดดาของ "พระเจ้าบุเรงนอง" แห่งหงสาวดี ในซีรีส์ประวัติศาสตร์เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา" อย่าง "ถุงแป้ง ภัทรวดี เหลาสา" นั้นต้องบอกว่าเข้มข้นมากๆ

เพราะในขณะที่หลายคนต่างมีไลฟ์สไตล์ที่แสนจะน่าอิจฉา มีเงินกินอาหารแพงๆ ช้อปปิ้งของแบรนด์เนมในห้างหรู ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ฯ แต่สำหรับโลกมายาของสาวคนนี้กลับตั้งอยู่บนเงื่อนไขของชีวิตจริงในฐานะหัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญของครอบครัวและยังต้องดูและบิดาซึ่งป่วยเส้นเลือดในสมองแตกด้วยนั่นเอง

"แป้งเริ่มเข้าวงการตั้งแต่อยู่ ป.3 ค่ะ ตอนนั้นตระเวนแคสงานต่างๆ จากนั้นก็ไปประกวดโครงการตามล่าหาแก๊งค์น้องใหม่ จนได้เล่นซีรีส์เรื่อง บีทอล์ค (BeeTalk) รวมถึงซิทคอมเรื่อง น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ แล้วก็มีงานถ่ายแฟชั่น แสดงหนังสั้นเข้ามา"

"ส่วนที่เข้ามาอยู่ในสังกัด โมโนทาเลนท์ ได้ก็เพราะประกวดกอสซิปเกิร์ลปี 2014 ปรากฏว่าได้ตำแหน่งชนะเลิศ จึงเข้ามาเซ็นสัญญากับทางโมโน 2 ปี จนได้มีโอกาสมาแคสและทำให้ได้เล่นละครซีรีส์ประวัติศาสตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เดอะซีรีส์"

เห็นโพสต์คลิปคลิปเล่นกีต้าร์ร้องเพลงลงเฟซบุ๊กบ่อยๆ ด้วย
"คือถ้ามีเวลาว่างแป้งก็จะคัฟเวอร์เพลงลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวหรือไม่ก็ลงอินสตาแกรม ก็มีทั้งคนที่เอาไปแชร์และเข้ามากดไลค์บางทีก็เป็นหมื่น เล่นเอาแป้งแอบตกใจไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาดูเยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่เขาจะเข้ามาคอมเม้นท์ว่าร้องเพลงเพราะจัง"

"ซึ่งตอนนี้แป้งก็เริ่มหันมาร้องเพลงแบบจริงจัง และก็มีการพูดคุยกับทางพี่โปรดักชั่นเพื่อทำเพลงกับทางค่ายโมโน ก็มีไปซ้อมร้องเพลง ไปเรียนเต้น เรียนการแสดง ซึ่งแป้งก็ต้องมาโชว์ให้พี่เขาดูทุกอาทิตย์ว่าที่เรียนมาเป็นอย่างไรบ้าง ก็อยากมีเพลงเป็นของตัวเอง"

"จริงๆ แป้งก็เคยอัดเพลงไปแล้ว ซึ่งเป็นเพลงของแป้งเอง 1 เพลง แต่ยังไม่ได้ปล่อย เหมือนครูเขาเข้ามาฟังเพลง แล้วเขาบอกว่าเสียงที่แป้งร้องไปต่อให้ปล่อยออกไปก็ไม่มีใครจำเสียงนี้ได้ เพราะมันเป็นเสียงที่ใครๆ เขาก็ร้องได้ (หัวเราะ) ครูเลยปรับเสียงใหม่ด้วยการให้ร้องเป็นเสียงของแป้งเองเลย"

ชีวิตดูเหมือนจะเดินไปอย่างที่ควรเป็น แต่ทุกอย่างต้องมาพลิกผันเมื่อผู้เป็นบิดานั้นต้องมาล้มป่วยช่วยตัวเองไม่ได้
"คุณพ่อป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อ 2 ปีก่อนค่ะ คือวันที่เกิดเหตุพ่อขับรถออกไปข้างนอกเพื่อที่จะเอากางเกงไปส่งให้อาขายที่พัทยา แล้วเหมือนพ่อเขาขับรถไปจอดอยู่ข้างทาง พอดีตำรวจไปเจอเขาก็หาว่าพ่อแป้งเมา ซึ่งปกติพ่อเป็นคนที่ไม่ดื่ม แล้วตำรวจตรงนั้นเขาก็เลยขับรถไปจอดที่เกาะกลางถนน และก็ทิ้งพ่ออยู่ตรงนั้น 3 ชั่วโมงโดยไม่มีการติดต่อญาติเลย"

"พอดีรถที่พ่อแป้งขับเขาติดจีพีเอสเอาไว้ ซึ่งทางอาเขาก็สงสัยว่าทำไมพ่อแป้งยังกลับไม่ถึงบ้านสักที เพราะเวลาพ่อเขาไปธุระถ้าถึงบ้านเขาจะโทรศัพท์บอกว่าถึงบ้านแล้วนะ แต่วันนั้นพ่อไม่โทรศัพท์เขาเริ่มสงสัยจะตีสามอยู่แล้ว จนตอนหลังอาเลยเปิดสัญญาณจีพีเอสตามไปเจอรถพ่อที่จอดอยู่ข้างทางตรงที่พวกตำรวจตั้งด่านตรวจกัน ตอนที่อาไปถึงเห็นพ่อช็อค พ่อไม่สามรถพูดได้ มือไม้เกร็งไปหมด"

"อาก็รีบพาพ่อส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ก็คือโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ซึ่งหมอที่นั้นเขาบอกว่า ต้องทำการผ่าตัดพ่อโดยด่วน ไม่นั้นพ่อจะไม่รอด และการผ่าตัดต้องให้คนในครอบครัวเป็นคนเซ็นชื่อ ซึ่งตอนนั้นทุกคนอยู่กรุงเทพฯ หมดเลย อาเลยบอกว่า ขอเซ็นชื่อแทนก่อนเลยแล้วกัน หมอเขาก็เลยให้เซ็นและได้รับการผ่าตัด ซึ่งตอนที่อาโทรศัพท์มาบอกว่าพ่อเกิดอุบัติเหตุและตอนนี้พ่ออยู่โรงพยาบาล เราก็โอ้โหตกใจ"

"รีบโทรเรียกพี่สาวเรียกทุกคนมาพร้อมกันและขับรถจากกรุงเทพฯ มาพัทยา พ่อเข้าผ่าตัด 4 ชั่วโมง ตอนที่เห็นพ่ออีกทีไม่เหมือนพ่อเลย เพราะพ่อต้องโกนผมออกหมด และหมอที่รักษาก็เรียกไปคุยบอกว่าพ่อไม่สามารถสื่อสาร และร่างกายซีกขวาใช้งานไม่ได้ หมอบอกว่าพ่ออาจจะเป็นอัมพฤก เหมือนหมอเขาพูดให้เราทราบไว้ก่อน แล้วหมอที่รักษาบอกว่า ถ้าเกิดส่งตัวคุณพ่อมาโรงพยาบาลเร็วกว่านี้ เส้นเลือดในสมองพ่อจะไม่แตก"

"คือตำรวจที่เขาให้พ่อไปอยู่ตรงเกาะกลางที่เขาตั้งด่าน พอทางบ้านหนูทราบเขาจะไปเอาเรื่องสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา แต่ไม่มีใครอยู่ในโรงพักสักคน เหมือนขารู้เรื่องจนบางคนต้องลาออกไปเลย ซึ่งทางแม่ก็ไม่ได้แจ้งความเอาเรื่อง ก็ถือว่าปล่อยไป"

จากที่มีคุณพ่อคอยดูแล ต้องมาดูแลพ่อแทน
"ต้องบอกเลยว่าชีวิตแป้งเปลี่ยนไปมากค่ะ จากที่พ่อต้องขับรถไปส่งที่โรงเรียนแต่เช้าและตอนเย็นก็คอยมารับ แต่พอพ่อป่วยแป้งเองก็ต้องปรับตัวตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิม และต้องนั่งรถสองแถวไป-กลับเอง ซึ่งแป้งไม่เคยนั่งมาก่อน บางทีคนเยอะก็ไม่ได้นั่งต้องยืนเบียดคนอื่นๆ ร้อนก็ร้อน คือเราก็ต้องทนไม่นั้นไม่มีใครมารับมาส่ง อย่างวันหยุดเพื่อนเขาก็จะไปเที่ยวกัน แต่เราต้องมาดูแลพ่อ เพราะช่วงแรกๆ พ่อทำอะไรไม่ได้เลย"

"แป้งต้องอาบน้ำให้พ่อ ป้อนข้าว หายา ทำกายภาพบำบัด นวดแขนนวดขาทำทุกอย่างให้พ่อ อย่างตอนที่พ่อนอนพักฝืนอยู่โรงพยาบาลยาว แป้งก็เป็นคนเอาอาหารป้อนพ่อทางสายยาง คือแป้งเสียวมากเลยเวลาที่เขาให้อาหาร กลัวว่าพ่อจะสำลักอาหาร แป้งก็นั่งเฝ้าจนกว่าอาหารในถุงจะหมด อย่างถ้าพ่อออุจจาระ แป้งก็เป็นคนเช็ดทำความสะอาด"

"จากไม่เคยแตะต้องตัวหรือทำอะไรให้พ่อเลย คือพ่อแป้งเป็นคนขี้อาย คราวนี้แป้งเห็นทุกอย่างเลย (หัวเราะ) ถึงตอนนี้ก็สองปีกว่าแล้วค่ะที่ดูแลและทำทุกอย่างให้พ่อ เพราะพี่สาวเขาต้องทำงาน แล้วแป้งกลัวว่าคนอื่นหรือพยาบาลที่ดูแลเขาจะทำพ่อเราเจ็บ ก็เลยอาสาที่จะทำให้พ่อด้วยตัวเองมากกว่า (ยิ้ม)"

แบกภาระค่าใช้จ่าย ทำงานหนัก เพียงอยากให้ครอบครัวสบาย
"ทุกวันนี้ที่แป้งทำงาน เงินที่ได้ก็เยอะพอสมควร แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้จ่ายภายในบ้าน ซึ่งแป้งเคยคิดว่าอยากหางานพาร์ทไทม์ทำเพิ่มอีก แต่แม่เขาไม่ยอมให้แป้งทำ แม่บอกทำงานทุกวันนี้ยังเหนื่อยไม่พอหรือไง คือถ้าแม่รู้ว่าแป้งไปทำงานพาร์ทไทม์เพิ่ม แม่เขาก็จะไม่คุยด้วย แม่บอกอย่าไปทำแค่นี้ก็พอแล้ว แต่ตัวเราคิดว่าอยากหาเงินได้เยอะกว่านี้"

"ตอนนั้นค่าใช้จ่ายเยอะมาก ทั้งค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำค่าไฟ ค่ารักษาพยาบาลพ่อ ไหนจะค่าเทอมแป้งอีก ซึ่งเราจะแบ่งค่าใช้จ่ายที่รับผิดชอบกับพี่สาวคนโต คือพี่สาวเขาจะคอยจ่ายค่าบ้าน ส่วนแป้งจะจ่ายค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งรายจ่ายเยอะมากด้วย บางทีแป้งไม่มีตังค์สักบาท เพราะเงินเดือนแป้งยังไม่ออก และเงินที่แป้งได้มาก็ไม่ได้ใช้ซื้อของเหมือนคนอื่นๆ เขา"

"เพราะแป้งต้องเอาเงินมาใช้จ่ายภายในบ้าน หรือไม่ก็นานๆ ทีถ้าเงินเดือน เดือนนั้นเหลือ หรือได้เงินโบนัส ถึงจะซื้อของให้ตัวเองสักครั้ง"

เผยเคยแอบร้องไห้ แต่ไม่คิดอยากยอมแพ้ชีวิต และไม่เคยคิดว่าการดูแลพ่อคือภาระ
"บางครั้งแป้งรู้สึกท้อ คิดว่าชีวิตเราเหนื่อยเนอะ ทำไมต้องแบกภาระที่รับผิดชอบเยอะขนาดนี้ คนอื่นเขาต้องเหนื่อยเยอะเหมือนเราขนาดนี้มั้ย ก็มีท้อ มีเครียดบ้าง บางทีแป้งก็ไปนั่งระบายให้แม่ฟังว่า แป้งเหนื่อย แม่ก็จะบอกว่าตอนนี้แป้งเป็นเสาหลักของที่บ้านเลยนะ ทุกคนจะพึ่งได้ก็มีหนูคนเดียวนะ เพราะพี่สาวคนกลางเขาก็มีครอบครัว มีลูก เขาต้องใช้จ่ายภายในครอบครัวเขาด้วย"

"ก็รู้สึกท้อในตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเราต้องทำงานเยอะ คือเหนื่อยมาก รู้สึกว่าพรุ่งนี้ตื่นมาไม่อยากที่จะทำอะไรต่อแล้ว บางทีตื่นตีสามกลับบ้านมาเกือบตีสองของอีกวันหนึ่ง แถมตื่นหกโมงเช้าเพื่อเตรียมตัวไปเรียนหนังสือ เป็นแบบนี้ติดกันหลายวัน มันเลยรู้สึกว่าอิจฉาเพื่อนที่เขาใช้ชีวิตสบายๆ แต่แป้งเองกลับไม่ได้พัก เพื่อนไปเที่ยวก็ไม่ได้ไปกับเพื่อน เพื่อนไปหาอะไรกินหลังเลิกเรียนก็ไม่ได้ไป มันเป็นช่วงหนึ่งที่เราน้อยใจในตัวเองมากๆ"

"สำหรับแป้งการดูแลพ่อไม่ใช่ภาระ แป้งคิดว่าพ่อดูแลแป้งมาเยอะแล้ว วันนี้พ่อไม่สบายเราต้องดูแลพ่อบ้าง ซึ่งตอนนั้นพ่อเคยบอกกับแม่ว่าพ่ออยากพัก (หัวเราะ) แม่ก็เลยบอกว่าได้พักสมใจแล้ว ซึ่งแป้งเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเหนื่อยเลยที่ต้องมาดูแลทำทุกอย่างให้พ่อ ซึ่งการที่พ่อไม่สบายในครั้งนี้ทำให้แป้งดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนคุณพ่อไปแล้ว"

ลั่นท้อสุดก็แค่ร้องไห้แต่ไม่เคยคิดสั้น...
"แป้งไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายเด็ดขาด แป้งเป็นคนที่ไม่ยอมเมื่อเจออุปสรรค คือถ้าแป้งยอมใครจะเป็นคนดูแลคนที่บ้าน แป้งคิดถึงคนที่บ้านเป็นหลักมากกว่า ถ้าแป้งไม่ได้ทำงานตรงนี้ ทุกคนก็ไม่มีรายได้ เพราะแม่ก็ไม่ได้ทำงาน คือแป้งให้แม่เป็นคนเฝ้าพ่อ ดูแลพ่อไปเลย แป้งถึงต้องสู้ ถึงไม่ท้อ และไม่ไม่ยอมแพ้ชีวิตแน่ๆ หรือถ้าหมดหนทางยังไงก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย"

"ท้อสุดก็แค่ร้องไห้ การที่เราได้ร้องไห้ออกมา มันเหมือนเป็นการปลดปล่อย พอหยุดร้องแป้งว่าทุกอย่างก็จะดีขึ้น..."










กำลังโหลดความคิดเห็น