“ท็อป ณัฐเศรษฐ์” ยอมรับใจหวิว ปีใหม่ไร้อดีตเมีย “แพม สิตามนินท์” แต่ต้องไม่เครียด ชีวิตต้องเดินต่อไป เปิดใจกลัวแก่กลัวตายภาวะหยุดหายใจขณะหลับยังไม่มีทางรักษา แบกถังออกซิเจนติดตัวไปด้วยทุกที่
ถึงจะหย่ากันไปแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน สำหรับอดีตสามีภรรยา “ท็อป ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี” กับไฮโซสาว “แพม สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล” ล่าสุด หนุ่มท็อปเผยความรู้สึกในงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจน “shirayuki” ยอมรับว่า ชีวิตที่ไร้แพมช่างเหงา จนต้องไปเป็นติ่ง “เอมมี่ มรกต กิตติสาระ” ไปเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์แปลกใหม่
“ก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ครับ ก็ค่อยๆ ปรับไป แต่เรื่องไปไหนมาไหนด้วยกัน มันจะมีทริปที่เราจะไปด้วยกันกับแก๊งของเรา ก็ต้องมีการเปลี่ยนแผนนิดหนึ่ง มันยังมีอะไรที่มันยังไม่เหมือนเดิม”
“ถามว่ายังเศร้ามั้ย มันก็เป็นธรรมชาติครับ ยังมีเป็นช่วงๆ ที่เรานึกถึง ก็เป็นช่วงเวลาครับ แต่สุดท้ายเราก็จะมองเห็นตัวเองว่าเรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ กำลังนึกถึงอะไรอยู่ รู้สึกกับมัน จับอารมณ์มันได้ เราก็ปรับตัว ไม่ไปจมปลักกับมัน ปล่อยแล้วเดินต่อ”
“ตอนนี้เราก็ยังคุยกันบ้างครับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องธุระ ไม่ได้คุยกันประจำเหมือนแต่ก่อน เจอกันเราก็ยังถ่ายรูปคู่กันได้ ผมกับแพมเรามองทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้โฟกัสว่าต้องเจอกัน หรือไม่เจอกันเลย เราคบกันมานาน เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ผมพร้อมที่จะช่วยคุณแพมทุกเรื่องอยู่แล้ว ผมเองมั่นใจว่าถ้าผมมีปัญหาอะไรเขาก็จะช่วยผมเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ เราก็มีเรื่องที่ต้องช่วยกัน อย่างทริปครอบครัวช่วงปีใหม่ ต้องไปด้วยกันแต่ว่าต้องแคนเซิลไป ผมมีติดขัดปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบิน คุณแพมเขาก็ช่วยผม ถามว่าเจอกันแล้วเป็นยังไง เรายังไม่ได้มีโอกาสเจอกันคุยกันจริงจังเลย มีคุยทางโทรศัพท์ ทางไลน์บ้าง”
ใจหวิว ต้องเป็นติ่งคนอื่นไปสนุก เปิดหูเปิดตาทำเรื่องใหม่ๆ
“(หัวเราะ) ปีใหม่เป็นทริปครอบครัวผมแล้วก็ครอบครัวเขา ผมเลยเลือกที่จะอยู่กับเพื่อนไม่เดินทางเลยดีกว่า ครอบครัวผมเขาก็เดินทางโดยไม่มีผม ครอบครัวคุณแพมผมก็ไม่ได้ไปด้วย เป็นปีแรกที่อยู่เมืองไทย โชคดีมากที่มีเพื่อนๆ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ยังทำให้เราสนุกได้ มันไม่ได้อารมณ์อกหักอะไรนะ แต่มันมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วยกันมา 8 ปี ปีนี้มันเป็นปีที่มันเปลี่ยนไป เราไม่ได้ทำอะไรแบบเดิมๆ เราก็คงต้องสร้างหรือทำอะไรใหม่ๆ มันก็รู้สึกหวิวๆ นะ ทริปล่าสุดที่จะต้องไปกับเพื่อนๆ ในแก๊งหลายๆ คนที่เราต้องไปด้วยกันทุกปี ผมก็ไม่ได้ไป ผมคิดว่าอยากให้ทุกคนไปแล้วสนุก ผมเลยแอบไปพ่วงไปกับทริปของ เอมมี่ มรกต ตอนนี้ก็จะไปเป็นติ่งกับคนนั้นคนนี้เรื่อยๆ เราจะได้ทำเรื่องราวอะไรใหม่ๆ ไปที่ใหม่ๆ กับคนใหม่ๆ บ้าง”
ยอมรับความจริงแต่ยังไม่พร้อมเจอหน้าจริงจัง ลั่นรับสภาพ ปล่อยผ่านแล้วเดินต่อ
“คิดว่ายังครับ อยากลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองอยู่กับเพื่อนๆ เพื่อนๆ ก็คอยดูแลเรา ไม่ให้เราเศร้า พาไปเที่ยวไปเจอคนนั้นคนนี้ ก็คิดถึงโมเมนต์ที่เราเคยมี อย่างเล่นกับลูกๆ ของเพื่อนก็รู้สึกว่าเราเคยอยู่ในช่วงเวลานั้น วันนี้เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราไม่มีโมเมนต์แบบนั้น ก็ยอมรับความจริงแล้วปล่อยให้มันผ่านไป คืออยู่กับตรงนั้นพักหนึ่งแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป ในอนาคตผมเองก็ยังไม่ชัวร์ว่ามันจะเป็นยังไง ผมเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับชีวิตของผม แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วเราก็คงต้องรับสภาพ แล้วปล่อยให้มันผ่านไป เราก็ยังต้องเดินต่อไป โอกาสเจอคนใหม่ผมยังไม่ได้คิดเลย เราไม่เอามาเทียบกันกับคุณแพมอยู่แล้ว เรื่องนี้มันพูดยาก คิดว่าคนใหม่เขาก็คงต้องเข้าใจ”
ต้องพกถังออกซิเจนไปด้วยทุกที่ กลัวแก่กลัวตาย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับยังไม่มีทางรักษา
“ก็เป็นโรค sleep apnea (ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ) เป็นมา 2 ปีแล้ว เคยมีภาพออกมา ตอนนี้ก็ยังใช้เครื่องช่วยหายใจนอนอยู่ ถ้าต้องเดินทางไกลๆ ก็พกเครื่องออกซิเจนไปด้วย ทุกวันนี้ต้องมีเครื่องออกซิเจนติดหัวนอนตลอด ถ้าไม่มีเครื่องออกซิเจนมาช่วยก็ถือว่าอันตราย จะทำให้เราพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่วงไปได้ง่าย พยายามแฮปปี มีความสุขกับชีวิต ไม่เครียด ตอนนี้พยายามจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเองไม่จมอยู่กับปัญหามากจนเกินไป ถ้าไม่รักษามันก็จะเกิดอาการ ก็พยายามดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย พักผ่อนแล้วก็ใช้ออกซิเจน เราต้องคุมดูแลตัวเองทุกอย่าง การกิน การออกกำกาย ด้วยมันยังไม่มีทางแก้ทางรักษา แต่เราป้องกันไม่ให้อาการมันมากขึ้นได้”
“ผมกลัวแก่ครับ โรคนี้ถ้าไม่รักษาจะแก่เร็ว เพราะเป็นโรคที่ใช้ร่างกายมาก มันเหมือนเรานอนพักผ่อนแล้วแต่จริงๆ เรายังไม่ได้นอน มันพักผ่อนไม่พอ เหมือนเรานอนไป 6 ชั่วโมงแล้วแต่เรากลับได้พักผ่อนจริงๆ แค่ 3 ชั่วโมงเอง มันหลับไปสนิท แล้วอาการข้างเคียงมันคือจะทำให้แก่เร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมกลัวมาก”
