เปลี่ยนแนวบ้าง “กันต์” ลั่นโดดเล่นหนังเกย์หาความแปลกใหม่ “พลอย” เสียวติดใจ บอกขำๆ กินยาพาราฯ เดี๋ยวก็หาย เปรยอยากแต่งปลายปีนี้ ขอเล็กๆ ฮาๆ เละเทะ โต้เขี่ย “กฤษณ์” ตกกระป๋องเบียดลูกรัก “เสี่ยตา”
“กันต์” ลองของแปลกดูดปากผู้ชาย ไม่หวั่นติดภาพ บอกแค่กินยาพาราฯ เดี๋ยวก็หาย!
เป็นนักแสดง - พิธีกรอยู่ดีๆ “กันต์ กันตถาวร” ก็โดดมารับเล่นหนังเกย์ เรื่อง “รักของเรา the moment” โดยเจ้าตัวเผยอยากลองหาประสบการณ์แปลกใหม่ในระหว่างมาร่วมงานจับรางวัลชิงโชคกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ออมสิน พร้อมเพย์ “Lucky ID Lucky Prize” งานนี้เล่นจริงเลิฟซีนจริงไม่ใช้สแตนด์อิน
“พยายามเปลี่ยนบทบาทไปเรื่อยๆ ทำอะไรเดิมๆ มันก็เหมือนเดิมๆ อยากทำอะไรแปลกใหม่บ้าง นักแสดงร่วมเป็นนักแสดงเกาหลีด้วย ตอนแรกก็ถามเขาว่าต้องเล่นขนาดไหน เราเองก็หวงตัวมากเหมือนกัน แต่สุดท้ายมันเป็นการนำเสนอมุมมองความรัก ที่อยากจะแสดงออกมากกว่า”
“ฉากสยิวกิ้วเลิฟซีนต้องไปดูเองครับ เอาจริงๆ ผมเองเขินมาก สุดท้ายเราก็ต้องสปิริตนักแสดง แต่รับรองว่าเล่นเองทุกฉากครับ ผมไม่ชอบใช้สแตนอินอยู่แล้ว”
ปรึกษา “พลอย” หวานใจ อีกฝ่ายถามจะเปลี่ยนไปรึเปล่า บอกแค่กินยาพาราเดี๋ยวก็หาย
“ปรึกษาสิ เขาก็บอกว่าจริงหรอ เดี๋ยวจะเปลี่ยนรึเปล่า (หัวเราะ) เดี๋ยวติดใจรึเปล่า เราบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวกินยาพาราเซตามอลแล้วเดี๋ยวก็หาย นี่ก็ชวนแฟนไปดูนะ บอกเขาให้พกพาราไปด้วย เชื้อออกก็ส่งให้กินเลย”
ท้าทายตัวเอง ถ้าเล่นแล้วคนไม่อินจะถือว่าสอบตก!
“นั่นคือโจทย์ที่เรารับเล่น ปกติที่ผ่านมาจะเล่นละครดรามา แอ็กชันส่วนใหญ่ เพราะผมเป็นคนที่ถนัดดรามา คนก็ยังไม่เคยเห็นเราในบทบาทนี้ ซึ่งถ้าเราทำให้เขาเชื่อไม่ได้แปลว่าเราสอบตก ถ้าทำได้เราก็ได้ท้าทายตัวเอง ผมเป็นผู้ชาย วันหนึ่งต้องมาเป็นผู้หญิงมันก็คงไม่ง่าย ก็ต้องทำการบ้านหนักว่าเขาใช้ชีวิตกันแบบไหน แล้วเพศที่ 3 มันก็ไม่ได้มีแค่เพศที่ 3 มันจะมี 3.1 3.2 อะไรไปอีก นี่แล้วเราอยู่จุดไหน เราก็ต้องศึกษาว่าในบทนี้ จุดนี้การแสดงออกเขาต้องเป็นยังไง ยากมาก จริงๆ คือ ยากที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาเลย แถมต้องพูดภาษาอังกฤษด้วย ชีวิตผมพังมาก แต่ก็เอาตัวรอดได้เพราะเราเองก็เคยไปเรียนเมืองนอก มีเพื่อนต่างชาติบ้าง แต่ก็ไม่ได้คล่องอะไรมากมาย ไม่กลัวคนติดภาพ ก็ต้องกินพาราไงครับ เดี๋ยวก็หาย (หัวเราะ)”
เตรียมเล่นซีรีส์กับ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์”
“น่าจะได้ดูกลางปี เรื่องนี้เป็นคนชั่วไม่ได้เป็นเกย์ แต่เป็นคนที่ชั่วมาก เป็นละครรีเมก เราได้โจทย์ว่าต้องเล่นให้ไม่เหมือนเวอร์ชันเดิม ก็เล่นเป็นเวอร์ชันของกันต์กับ ซันนี่ จะฉีกเป็นอีกแบบ จะเน้นฮา แต่ต้องสอนคนได้ ทำให้คนรู้ว่าการทำความดีไม่ได้ยาก ซันนี่ก็เล่นเป็นตัวเองในชีวิตจริง ไม่ใช่คนดี พูดได้แค่นี้ (หัวเราะ) สนิทกันครับ”
โต้ลูกรัก “เสี่ยตา ปัญญา” เผยงานแน่น แค่มีโอกาสก็อยากทำ
“ไม่หรอกครับ ตัวผมเองอยากจะเป็นพิธีกรมานานแล้ว พอมีโอกาสก็ทำเลย เราไม่อยาก 10 ปีเล่นละครไปสักพักพอไม่ได้เป็นพระเอกแล้วผันมาเป็นพิธีกร เราอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างว่าถ้าเราตั้งใจจะทำอะไรเราทำได้ ถ้าตั้งใจทำมันไม่มีอะไรเกินความสามารถมนุษย์”
“ไม่ถึงขนาดเป็นลูกรัก ประกอบด้วยจังหวะมากกว่าที่มีรายการติดๆ กัน ยิ่งรายการแฟนพันธุ์แท้ นี่เป็นอะไรที่ผมภูมิใจมาก เป็นรายการที่เราชื่นชอบ เราดูมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก แล้ววันนี้มันเป็นเราว่ะ ดีใจนะ ผมทำการบ้านหนักมาก ต้องไล่ดูตั้งแต่เทปแรก”
ปัดเขี่ย “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” ตกกระป๋อง บอกเสี่ยตาไม่ได้ปั้นตนให้ขึ้นมาแทนที่
“พี่ตาไม่ได้จะปั้นให้เรามาแทนที่เขาหรอก ทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายเราอยู่ได้ ดำเนินต่อไปได้เพราะเราเป็นตัวของตัวเอง เราไม่ได้เป็นใครหรือไปแทนใคร พี่ตาอาจจะเห็นว่าเราเป็นคนทำงานหนักและตั้งใจทำงานจริงๆ ทุกรายละเอียดเลยเมตตาให้ทำหลายรายการ”
“เรื่องมาแทนที่พี่กฤษณ์ก็ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก พี่กฤษณ์ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรนะ แต่เขาเลือกงาน เลือกในสิ่งที่เขาอยากจะทำ เขามีบริษัทที่ต้องดูแลอยู่ 5 - 6 บริษัท มันเป็นเรื่องของเวลามากกว่า ผมเองก็เคยได้ยินประเด็นนี้เหมือนกัน จริงๆ แล้วพี่กฤษณ์เป็นคนแนะนำให้ผมมาทำงานที่เวิร์คพ้อยท์ด้วยซ้ำ เขาอ่ะเลือก พอเรามาเขาก็แบบดีแล้ว สบายแล้ว ไม่ต้องทำแล้ว เขาก็พักผ่อนของเขา ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่รับผิดชอบ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคืออยากจะท่องเที่ยว ซึ่งเขาก็ได้ทำแล้ว ไม่ซีเรียสเลยใครจะมองยังไง เพราะความจริงมันเป็นอย่างนี้”
มองไปทางไหนก็เห็นแต่แก๊งพ่อลูกอ่อน บอกไม่แต่งปลายปีก็ต้นปีหน้า เน้นเล็กๆ เฮฮา เละเทะ!
“ตอนนี้เลยนะไม่ปลายปีก็ต้นปีถัดไป แต่ก็ยังไม่ได้ขอเขาเลย เราก็ไม่ได้วัยรุ่นกันแล้ว 31 ปีแล้ว คุยกันมากกว่าว่าชีวิตต่อไปเราจะยังไง เป็นแบบไหน มันเป็นเรื่องของชีวิต ฤกษ์ก็ตั้งใจใช้ฤกษ์สะดวกของเราและทุกท่าน ผมไม่ได้ลบหลู่อะไรนะครับ แต่ผมว่าแบบนี้เหมาะกับผม”
“ตอนนี้มองไปทางไหนคนรอบข้างก็แต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว เป็นแก๊งคุณพ่อลูกอ่อนกันหมดแล้ว เราก็แบบเรามาถึงจุดนี้กันแล้วเหรอวะ มันอาจจะมีการเตรียมการบ้างแต่สุดท้ายผมไม่อยากให้เรารู้สึกว่ามันยุ่งยากมากสำหรับเราและทุกคน เราไปเป็นพิธีกรงานแต่งเยอะมาก แล้วเรารู้สึกว่าคนที่เหนื่อยที่สุด คือ บ่าวสาว งานผม ผมอยากได้ความสนุกมากกว่ารอยยิ้ม คุยกันว่าเอาไงดี ไม่ชุดราตรีมั้ย ขาสั้นก็ได้แค่ไม่รองเท้าแตะ อยากกินอะไรก็ขนมาเองแล้วกันจะได้ไม่ต้องบ่น เน้นฮาๆ อยากได้งานเล็กๆ เน้นฮาๆ มากกว่า เอาแบบเละเทะเลย แต่เราเข้าใจแหละว่ามันคงยาก เรารู้สึกว่างานแต่งงานมันคืองานของเรา แต่ทุกวันนี้งานแต่งงานมันคือวันของครอบครัว ของธุรกิจ ของบริษัท แต่ท้ายสุดไม่ว่าจะงานแบบไหนผมอยากให้เจ้าสาวของผมยิ้มออกมาได้จริงๆ”