“ป้าแจ๋ว ยุทธนา” ยอมรับทวีตแซว “จ๋า ยศสินี” ฉากจูบในนางอาย ทำไมอีกฝ่ายทำได้แต่ตนทำไม่ได้ เผยช่อง 3 ไม่สนับสนุนให้มีฉากจูบขยี้ปากกัน แต่จำเป็นต้องมีฉากดาราชายโชว์ซิกแพ็ก เพราะต้องการขายผู้หญิง - สาวประเภทสอง บอกเพื่อให้นักแสดงมีเสน่ห์มากขึ้น ลั่นหมดยุคจูบปลอมๆ แต่ไม่นิยมให้บี้ปากกัน ลั่นยังหัวโบราณ ต้องใช้ศิลปะในการสร้างภาพ
อยู่ดีๆ ก็โพสต์ฉากจูบกันของพระนางในละครเรื่อง “นางอาย” ว่า ทำไมผู้จัด “จ๋า ยศสินี ณ นคร” ทำได้ แต่ตอนที่ทำละครนางอายเวอร์ชันแรกกลับทำแบบนี้ไม่ได้ โดย “ป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์” เผยว่า รู้สึกอิจฉานางอายเวอร์ชันใหม่เพราะจูบหลายรอบมาก
“ใช่ไง ตอนนางอายเวอร์ชันแรกของดิฉันไม่มีฉากจูบเลยแม้แต่นิดเดียวเลย ฉันทำไม่ได้ (ลากเสียงยาว) ทำเดี๋ยวก็ถูกตัดออกอะไรแบบนี้ เพราะตอนนั้นนางเอกของดิฉัน คือ จอย (ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) กับ เบนซ์ (พรชิตา หิรัญยัษฐิติ) อายุเขาตอนนั้นคือ 15 กับ 16 ปี ส่วน พี่จอนนี่ แอนโฟเน่ ตอนนั้นจะเข้า 30 ปีแล้ว มันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ เราเลยรู้สึกอิจฉานางอายเวอร์ชันนี้มาก แล้วจูบหลายรอบ จะบอกว่ามุกคุณเหมี่ยว (ปวันรัตน์ ผู้กำกับเรื่องนางอาย 2016) ที่หลอกให้หันไปแล้วจุ๊บ มันอื้อหือมาก เราก็โกรธนะ เป็นมุกกะเทยหลอกเด็กมาก มุกจ๊ะเอ๋ ก็เลยโกรธสิ เพราะว่าเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้ได้เลย”
“ในยุคเราจูบหน้าผาก จูบแก้ม แต่จูบปากต้องบัง หรือแม้แต่ในสมัยนี้ เราก็ยังต้องบิดๆ บังๆ ตอนทำญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) กับ เจมส์ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ในเรื่องหนึ่งในทรวง คนก็ขัดใจว่าทำไมดูฉากจูบไม่ได้ จริงๆ แล้วช่องก็ไม่อยากให้เรานำเสนอฉากที่จูบกันขนาดนี้ แบบที่ประกบปากกันขนาดนี้ ช่องมีความรู้สึกว่ามีเด็กดูเยอะ เขาไม่ได้อยากให้ทำเป็นตัวอย่าง ถ้าทำจูบเราจะทำเป็นมุมกว้าง แล้วก็บังนิดๆ ให้แค่รู้ว่าจูบ เพราะคนดูแค่นี้ก็รู้แล้วแหละ”
บอกให้จูบลิ้นพันนัวเนียคงไม่ไหว สงสารดาราผู้หญิง ไม่อยากให้ประเจิดประเจ้อ
“ด้วยสมัยนี้คนชอบจิ้น อยากเห็นฉากจูบลิ้นพันนัวเนีย ซึ่งเราก็ไม่ไหว เราสงสารน้องผู้หญิงด้วยที่ต้องเล่น และน้องผู้ชายก็รู้สึกเกรงใจ เราก็ต้องเห็นใจเด็กๆ ด้วย ความเขินอาย ทุกคนบอกว่าเป็นนักแสดงต้องเล่นได้ทุกบท แต่ว่าต้องมองว่าในสังคมของเรา กับในสังคมของเกาหลี หรือของต่างประเทศ ไม่เหมือนกัน ที่นั่นเขาอาจจะไม่สนใจ แต่ในสังคมไทยเรายังแคร์เรื่องแบบนี้อยู่ จะมาทำประเจิดประเจ้อมากก็ไม่ดี จากความโกรธมันแฝงไปด้วยความอิจฉานิดๆ ว่าทำไมฉันไม่ยืนเป็นน้องณิชา (ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์)”
ไม่ค่อยกล้าเสิร์ฟเลิฟซีนโจ๋งครึ่ม ต้องเซ็นเซอร์เอง
“เล่าก่อนว่าเมื่อสมัยก่อนทำสมาร์ท (กฤษฎา พรเวโรจน์) กับ แอน (แอน ทองประสม) เรื่อง ลิขิตกามเทพ มันมีฉากจูบกัน แค่หน้าโขกกันปากแตะกันนิดเดียว แต่ว่าถูกตัดให้เด้งกลายเป็นมุมกว้างทันที เราเลยรู้สึกเอ๊ะยังไงดี ตั้งแต่นั้นมา เราก็ไม่ค่อยกล้าทำไง ก็เซ็นเซอร์ตัวเอง ฉากจูบหลังๆ ที่เราทำมามีอันเดียวที่เห็นชัดว่าจูบคือฉากจูบใต้น้ำของณเดชน์ - ญาญ่า ในเรื่องดวงใจอัคนี แต่จริงๆ ก็แค่แตะปากให้โดนแล้วก็ปล่อย แล้วเราก็มาตัดให้เป็นสโลว์เพื่อให้นานขึ้น เพราะว่ามันเป็นฉากใต้น้ำ มันบังไม่ได้”
“ก็มีแซวๆ กัน จ๋าเขาก็บอกว่าป้าอย่าชี้โพรงสิ เดี๋ยวหนูโดน เราก็ได้คุยกับคุณเหมี่ยว (หัวเราะ) อย่างพี่เหมี่ยวเขารู้ว่าเวลาเรากำกับ เราจะต้องมีซ้อมแทน นางก็จะแซวว่าฉากนี้นางซ้อมแทนณิชาไปหมดแล้ว (หัวเราะ) ต้องบอกก่อนว่าการที่เราทวิตไปแบบนั้น เราไม่ได้คอมเมนต์ด้วยความรู้สึกขัดแย้งกับจ๋าหรือเหมี่ยวเลย เราขำๆ ว่าทำไมเราทำไม่ได้ มีคนถามว่าทำไมเราต้องไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น เราก็คิดนะว่า เอ้า!! ทีคนอื่นดูละครของเราก็วิพากษ์วิจารณ์ของเรา เวลาเราดูละครของคนอื่น เราก็ดูในฐานะของคนดู แล้วเราดูละครทุกช่อง ช่อง 3 ช่อง 7 ช่องวัน อย่างตอนนั้นเราก็ดูเรื่องพิษสวาท เรื่องไหนที่เราชอบเราก็ทวีต อันไหนที่เราไม่ชอบ เราก็ไม่ทวิตด่าเขาแบบเสียๆ หายๆ เพราะมันดูไม่ดี”
ยอมรับมาตรฐานฉากจูบแต่ละผู้จัดไม่เหมือนกัน บอกตนต้องคิดถึงเด็กตาดำๆ ด้วย
“ก็แล้วแต่นะ คือ ช่องจะเป็นคนไปดูเอง ถ้าเขาเห็นว่าเยอะไป เขาก็ให้ไปตัด แต่ที่นี่เราเซ็นเซอร์ตัวเองไว้ก่อนดีกว่า เพราะเรารู้สึกว่าฉากแบบนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องจำเป็นของเรื่อง ใช่คนดูอาจจะจิ้น อาจจะฟิน แต่ต้องคิดถึงเด็กเล็กๆ ที่ดูด้วย”
“เราเคยโดนว่าเรื่องฉากเลิฟซีนทรายย้อมสี เป็นชาเลต (ชาเลต ฮิลเดอบรานด์) กับพี่นุช (ปรียานุช ปานประดับ) เป็นเรื่องว่าพี่นุชในเรื่องเลี้ยงต้อยผู้ชาย แล้วมันมีฉากที่พี่นุชดึงเสื้อชาเลตนั่นนี่ เราก็พยายามที่จะไม่ให้เห็นชัดๆ แล้วนะ ตอนนั้นก็ถูกติงถูกอัดเยอะเหมือนกัน คือถ้าถามเรานะ ฉากจูบกันมันทำง่าย แต่ฉากจูบที่เราทำมันทำยาก เพราะว่าเราต้องคิดหลายอย่าง คือ เราต้องสื่อให้รู้แบบที่ไม่ได้ต้องทำแบบประเจิดประเจ้อ”
บอกหมดยุคเลิฟซีนปลอมๆ แต่ต้องทำให้เป็นศิลปะแห่งการสร้างภาพ
“ถามว่าหมดยุคมั้ย จริงๆ ก็ต้องยอมรับแหละว่ามันหมดแล้ว แต่ถ้าถามนะ เมื่อไหร่ที่เราต้องทำละครพีเรียด เราก็จะทำแบบนั้น เพราะรู้สึกว่ามันได้บรรยากาศความคลาสสิกแบบโบราณ มันเป็นศิลปะแห่งการสร้างภาพ ให้คนรู้ว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดอะไรขึ้น โดยที่ไม่ต้องทำโจ่งแจ้ง”
“เราก็ทำจูบจริง แต่เป็นการจูบแบบสวยๆ ถ้าถามเรานะ เรารู้สึกไม่ชอบ รู้สึกว่าบางครั้งการจูบจริงที่มันเกินไป กับการนัวเนีย โอเคอาจจะบอกว่าด้วยยุคนี้ทีวีดิจิตอลมันเยอะขึ้น ละครบางเรื่องอาจจะขายในตรงนี้ แรกๆ คนดูอาจจะพอใจ พึงใจที่ได้ดู แต่ถามว่าดูไปนานๆ แล้วชอบมั้ย เราว่าถ้าเขาดูไปนานๆ ก็อาจจะดูไม่ไหว อาจจะต้องเปลี่ยน หรือแม้กระทั่งฉากที่ทำให้เห็นว่าไม่ใส่เสื้อผ้า สมัยก่อนเราก็ชอบทำ แต่พอตอนนี้เรามาถามว่าทำเพื่ออะไร สมมติถ้าจะทำหนังโป๊ เราก็จะทำหนังที่โป๊ไปเลย แต่บังเอิญมันอยู่ในช่วงเวลาที่เราไม่ได้จะทำหนังที่ต้องโป๊ มันเป็นช่วงเวลาสองทุ่มครึ่งถึงประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเด็กดูได้กับเด็กไม่ดูแล้ว แต่พอเวลาตัดต่อเราไม่รู้ว่าฉากเหล่านี้มันไปอยู่ในช่วงไหน”
ยอมรับยังหัวโบราณ อารมณ์ต้องมาก่อน
“เราเคยคุยกับพี่สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย) ว่าคนดูเขาสามารถจิ้นและฟินได้โดยที่ไม่ต้องจูบจริง ซึ่งเราเคยแล้ว หลายครั้งอย่างในละครเรื่องธรณีนี่เองนี้ใครครอง หรือคุณชายพุฒิภัทร หรืออีกหลายๆ เรื่องที่คนดูบอกฟินจนหมอนขาด ซึ่งฉากหมอนขาดเหล่านี้ไม่มีการล้วงปากกันจริงมั้ย บอกเลยว่าไม่เคยเลยนะ จะหาว่าเราโบราณก็ได้ แต่เรารู้สึกว่าศิลปะในการถ่ายทอดภาพและอารมณ์มันยังสำคัญอยู่ การจะจูบปากดื้อๆ แบบนั้น ให้ทำก็ทำได้ แต่ถามว่าการที่จะต้องจูบจริงๆ แบบนั้น เรามีองค์ประกอบภาพ องค์ประกอบศิลป์ที่มันสวยขึ้นมั้ย ทำยังไงให้ดูว่ามันไม่สด ไม่ดิบจนเกินไป”
เผยฉากถอดเสื้อในดาราผู้ชายจำเป็นเพราะต้องนำมาขายผู้หญิงและสาวประเภทสอง
“จริงๆ ไม่จำเป็น แต่เรารู้ว่าจริตคนดูที่เป็นผู้หญิง เป็นสาวประเภทสอง มันต้องมีการขาย ถามว่าทำไมต้องถอด ถอดนิดหนึ่งโอเค เพื่อให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ แต่ไม่ได้ถอดเพื่อสื่อเชิญชวน แค่อยากให้รู้ว่านี่คือความสวยงามทางด้านร่างกาย แม้กระทั่งผู้หญิงใส่เสื้อเปิดหน้าเปิดหลัง อย่างตอนที่ทำทรายสีเพลิง ชุดชมพู่ (อารยา เอ ฮาเก็ต) ผ่าลึกมากเลยนะ แต่ถามว่าดูหยาบคายมั้ย ไม่นะ ไม่ได้ดูโป๊ เวลาถ่าย เราก็ต้องเซฟให้ชมพู่ด้วย เราต้องระวังให้นักแสดงของเรา อย่างในเรื่องบ่วงหงส์ ชุดบี (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) ก็เซ็กซีมาก เปิดหลัง เปิดหน้า แต่เราต้องถ่ายยังไงก็ได้ที่ไม่ให้ดูโป๊ ทั้งที่ดูจริงๆ เสื้อมันโป๊มาก แต่เราถือว่าเป็นความท้าทายของเราที่เป็นผู้กำกับ และผู้กำกับภาพด้วย ต้องทำให้คนดูรู้สึกว่ามันไม่โป๊ ในขนาดเดียวกันก็ต้องดูสวย”
“เรื่องสกรีนฉากเลิฟซีน หวือหวา มันเป็นเรื่องของวิจารณญาณของผู้จัดและผู้กำกับแต่ละคน ช่องแค่ให้โจทย์มาว่า จำเป็นต้องจูบจริง ถ้าไม่ต้องจูบจริงได้ก็โอเค เพราะช่องไม่ได้สนับสนุนให้ต้องมีฉากจูบ บี้ปากกัน”