xs
xsm
sm
md
lg

หนังตลกแห่งปี : The Brothers Grimsby รสนิยมเถื่อนๆ แต่รักแท้และจริงใจ

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


คนที่เคยมีประสบการณ์กับหนังอย่าง “โบแร็ท” (Borat) หรือ “บรูโน” ไปจนถึง “เดอะ ดิคเตเตอร์” บางคนอาจรู้สึกสยองจนไม่อยากจะแลเหลียวหนังเรื่องใดก็ตามที่มีชื่อของ “ซาช่า บารอน โคเฮน” เป็นดาราในเรื่อง เพราะไม่มีเลยสักครั้งที่คนอย่างซาช่าจะทำอะไรที่เจริญหูเจริญตาสาธุชนผู้ตั้งตนในความดีความงาม อย่างไรก็ตาม ซาช่าไม่ใช่ความชั่วร้าย เพราะก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่แม้ไม่ได้รอคอยว่าเมื่อไหร่ หนุ่มนักแสดงตลกเชื้อสายยิวคนนี้จะมีหนังเรื่องใหม่ออกมา แต่ทว่าทุกๆ ครั้งที่มีหนังใหม่ของเขาออกมา คนกลุ่มนี้ก็พร้อมจะขวนขวายหามาดูจนได้

ทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ เดาเอาว่าคนกลุ่มนี้น่าจะมีความพิสมัยในอารมณ์ขันอันสุดติ่งกระดิ่งแมว (ถ้าแมวดูรู้เรื่อง มันอาจจะไม่ได้ร้อง “เมี้ยว” แต่อาจจะร้อง “จ๊ากกก!!” ออกมาก็เป็นได้) ดังนั้นแล้ว ใครก็ตามที่จะรื่นรมย์กับหนังในสไตล์ของซาช่าได้ อาจจะต้องเป็นคนประเภทที่มีอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจ จึงจะสามารถรับมือกับความสุดติ่งของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังได้ เพราะถ้าไม่มีอารมณ์ขันถึงขั้นนั้น คำพูดประเภทที่ว่า “เสื่อม อีเดียต เกรียน” ก็อาจจะวิ่งวนเวียนอยู่ในหัว ขณะดูหนังของเขาคนนี้ จนเป็นอันทำให้ดูหนังไม่สนุก ถึงขั้นลุกออกจากโรง หรือปิดเครื่องเล่นแล้วเดินออกไปสูดอากาศหายใจลึกๆ อยู่ริมระเบียง

แต่ก็อีกนั่นแหละ ถึงแม้จะถูกมองด้วยสายตาแบไหน แต่ซาช่า บารอน โคเฮน ก็ยังคงเป็นซาช่า บารอน โคเฮน ก็ได้พิสูจน์ความชัดเจนในตัวเองจนเป็นที่ยอมรับได้ (แม้ไม่ทั้งหมด) สำหรับคนที่เข้าใจ งานเด่นๆ ของเขาคือเทพแห่งการ “แซ็ทไทร์” (Satire) หรือ “เย้ยหยันเสียดสี” ประชดประชันเหน็บแนม แบบไม่มีคำว่าประนีประนอมหลงเหลืออยู่ในหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โบแร็ท” หนังแนวม็อกคิวเมนทารี่ (Mocumentary จะเรียกว่า “ล้อสารคดี” หรือ “สารคดีปลอม” ก็ได้) ที่ตีแสกหน้าสังคมจอมปลอมแบบอเมริกันได้แสบทรวง จนส่งให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (สาขาตลก/เพลง) จากเวทีลูกโลกทองคำ และหลังจากนั้น เขาก็ตอกย้ำเสาเข็มแห่งความเป็นคนเข้มในด้านการแซ็ทไทร์อีกครั้ง กับงานอย่าง “บรูโน” (Bruno) ที่อาจจะพูดได้ว่าหลากหลายวงการ โดนกันไปทั้งยวง ตั้งแต่บันเทิง แฟชั่น หรือแม้แต่ความคิดอันมีต่อเพศที่สาม ... และเมื่อปี 2012 เขาก็พาเราเข้าไปผ่อนคลายกับการได้ล้อได้อำและล้อเลียนบรรดาผู้นำที่มีแนวคิดเผด็จการทั้งหลาย ในเรื่อง “เดอะ ดิคเตเตอร์” (The Dictator)

อันที่จริง เส้นทางของซาช่า เริ่มต้นสร้างตัวตนมีชื่อเสียงตั้งแต่ยุคการแสดงในทีวีซีรี่ส์ โดยเฉพาะงานแจ้งเกิดเต็มตัว อย่างเรื่อง Ali G ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1998 จนถึงปี 2000 โดยงานซีรี่ส์ชุดนี้เคยกวาดรางวัลเอ็มมี่ อวอร์ดส์ มาได้หลายรางวัล และ Ali G ก็เป็นชื่อหนังใหญ่เรื่องที่สองของเขา (Ali G Indahouse) ต่อจาก The Jolly Boy’s Last Stand

ในความรู้สึกของคนจำนวนไม่น้อย ก็คงจะพูดเหมือนๆ กับเจ้าหน้าที่หญิงคนสองคนในเรื่อง Ali G Indahouse ว่าชายคนนี้ช่างเป็นคนที่ “อีเดียต” (เพื่อระดับความน่าเกลียดกว่า “อั๊กลี่” ไปอีกหลายเท่าตัว) เพราะสิ่งที่เขาทำนั้น หากเอาความซีเรียสจริงจังเข้าไปจับ มันยากมากต่อการจะทำใจยอมรับได้ แต่ก็อย่างที่บอกครับว่า หากนำความคิดแบบแซ็ทไทร์เข้าไปมอง จะพบว่า คนคนนี้มันมี “ของ” แบบที่หาได้ยากในคนอื่นๆ

นอกเหนือจากทักษะด้านการแสดง ที่เชี่ยวในทางตลก ซาช่า บารอน โคเฮน ยังมีส่วนในการเขียนบทภาพยนตร์ โดยเฉพาะงานเด่นๆ สองสามเรื่องที่กล่าวมา โดยมีลาร์รี่ ชาร์ลส์ รับหน้าที่กำกับจนเกือบจะเหมือนคู่บุญกันไปแล้ว แต่สำหรับงานใหม่ในปีที่ 2559 ที่กำลังกล่าวถึงนี้ ก็ไม่ใช่ย่อยๆ เลยนะครับ เพราะ “เดอะ บราเดอร์ส กริมสบี้” (The Brothers Grimsby) มี “หลุยส์ เลเทอเนียร์” นั่งเก้าอี้ผู้กำกับ และ “หลุยส์” คนนี้ ก็เคยกำกับหนังดัง “ดิ อินเครดิเบิ้ล ฮัลค์” (The Incredible Hulk) รวมถึง “นาว ยู ซี มี” (Now You See Me) ที่ดีงามถึงขั้นต้องมีภาค 2 ซึ่งลงโรงฉายในบ้านเราไปแล้วเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา

แต่แม้จะเปลี่ยนผู้กำกับ “เดอะ บราเดอร์ส กริมสบี้” ยังคงมีลายเซ็นและดีเอ็นเอแบบซาช่า บารอน โคเฮน อยู่อย่างเต็มเปี่ยม ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดจะละลายตัวตนของเขาให้ย่อยสลายไปกับกาลเวลาได้ ตัวเรื่องโดยคร่าวๆ นั้นเล่าถึงสองพี่น้องคู่หนึ่งซึ่งมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันไปตั้งแต่วัยเยาว์ และเมื่อเติบใหญ่ ผู้เป็นพี่ชายซึ่งแสดงโดยซาช่านั้น กลายเป็นพ่อของลูก 11 คน อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ เป็นตัวละครในถิ่นสลัมเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีความสลักสำคัญอะไร แต่สิ่งหนึ่งซึ่งยังคงค้างคาอยู่ในใจของพี่ชายคนนี้ เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันเลือนจาง และเขาก็เฝ้าเสาะหาเบาะแสอยู่ตลอดมา ก็คือน้องชายของเขาที่หายไปนั้น ณ ปัจจุบัน ไปเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนอย่างไร

ดูทรงของเรื่องแล้วก็คงพอจะเดาออกกันนะครับว่า สุดท้ายแล้ว หนังก็จะต้องหาทางให้พี่ชายน้องชายที่พลัดพรากกันไปนับสิบๆ ปีคู่นี้ ได้กลับมาพบกัน แต่จะมาพบกันในสถานการณ์แบบไหนอย่างไร และมันนำพาไปสู่อะไรอีกบ้าง ความสนุกนั้นรอคอยอยู่ในหนังครับ สำหรับผู้ที่สนใจ... หนังเรื่องนี้ไม่เข้าโรง แต่มีแผ่นดีวีดีและบลูเรย์ให้ได้หามาชมกัน

กระนั้นก็ดี ขออนุญาตวงเล็บเพื่อบอกกล่าวเล่าแจงกันไว้หน่อยนะครับว่า มันอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน (มีหนังสักกี่เรื่อง หนังสือสักกี่เล่ม หรืออาหารสักกี่อย่างในโลกนี้ที่ทุกเหมาะสำหรับทุกคนเหมือนกันหมด ยากนะ) ดังนั้น มันอาจจะไม่ถูกกับ “รสนิยม” ของอีกหลายๆ คน ซึ่งตรงนี้เราก็คงจะไปก้าวก่ายล่วงเกินกันไม่ได้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร โดยส่วนตัวของผมเองที่รู้สึกชอบและติดตามงานของนักแสดงคนนี้มาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ผมมีความเห็นว่า ซาช่า บารอน โคเฮน นั้นเป็นคนที่มีอารมณ์ขันอันแปลกประหลาดพิสดาร ใช้คำว่า “หลุดโลก” ก็น่าจะได้ ซึ่งในความเป็นจริง มันอาจจะสรรหาคำพูดมาอธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำ ดีกรีของหนังของเขา ดูคล้ายๆ พวก “โปลิศ จิตไม่ว่าง” (Police Academy) หรือพวกสแกรี่ มูฟวี่ ฯ เพียงแต่งานของซาช่าอาจจะเพิ่มดีกรีความห่าม ความดิบเข้าไปอีกหลายระดับจนเราคาดเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในนาทีถัดไป หรือมันจะวิบัติกว่าเดิมไหม (^^) แต่นี่แหละครับคือเคล็ดลับของหนังตลก เหมือนกับดูหนังผี ถ้าเราเดาได้ว่าจังหวะต่อไปอะไรมันจะเกิด ก็หมดความกลัวกันไปก่อน (เหมือนที่เขาบอกว่า คนเรามักจะกลัวอะไรที่เราไม่รู้จัก หรือคาดเดาไม่ได้) หนังตลกก็ทำนองเดียวกันนี้ คือถ้ารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป มันก็ไม่ขำ การขำหรือตลก มักเกิดจากมุกอะไรๆ ที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิด

แต่ทั้งหมดทั้งมวล สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดนั้นก็รวมมาหมด ทั้งความเสื่อม ความเถื่อน ความอีเดียต น่าเกลียด สัปดน หรืออะไรก็ตามที่สาธุชนผู้มีความละอายไม่คิดกระทำ นั่นล่ะคือสิ่งที่เราจะได้เห็นจากผู้ชายคนนี้ อย่างในเดอะ บราเดอร์ส กริมสบี้ คุณคงไม่คิดนะครับว่าชาตินี้ จะมีวันได้เห็นคนสองคนหนีโจรผู้ร้ายไปซ่อนตนอยู่ในมดลูกของช้าง (!!) หรือแม้กระทั่งการที่ชายคนหนึ่งดูดพิษออกจากร่างของชายอีกคนที่ปรากฏเป็นภาพราวกับชายหนึ่งคนกำลังกระทำการสำเร็จความใคร่ให้ชายอีกคนด้วยปาก (!!) นี่คือส่วนหนึ่งเพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่ยกมาพอให้เห็นเป็นตัวอย่างเท่านั้น เพราะอันที่จริง มันยังมีสิ่งที่สัปดี้สีปดนอีกเป็นพะเรอเกวียนในหนังเรื่องนี้

มองในแง่หนึ่ง เหตุและผลที่ทำให้งานของซาช่าไปได้ไกลขนาดนั้น เพราะเขาทำมันออกมาในท่าทีแบบเล่นๆ ตามสไตล์ดาราที่แสดงตลกเป็นอาชีพ อีกทั้งมีความเป็นแฟนตาซีอยู่สูง สิ่งที่เขาแสดงออกหรืออะไรที่เกิดในหนัง บางที ในโลกความเป็นจริง มันก็อนุญาตให้เป็นไปได้แค่ในความฝันหรือความคิดนึกในส่วนลึกสุดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จะว่าไป ซาช่าก็เพียงนำเอาสิ่งที่อยู่ในมโนลึกๆ ถ่ายทอดออกมาโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ และบางสิ่งนั้นก็อาจเป็นเราที่เคยคิดก็ได้ (แต่ถ้าไม่เคยคิด ก็นับว่าน่าคารวะ) ตัวละครในแบบที่ซาช่ารับบทบาท แทบทั้งหมดคือคนประเภทที่คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ก็แสดงออกอย่างนั้น ก็พูดออกมาอย่างนั้น ไม่มีโป้ปด ไม่มีเสแสร้งแกล้งทำ ไม่มีซ่อนงำวาระซ่อนเร้น เขาเป็นตัวของตัวเอง แน่นอนล่ะมันอาจจะดูห่าม ดูไม่น่ารักมุ้งมิ้ง แต่นั่นแหละคือจริงใจที่สุดแล้ว

แต่ไม่ว่าจะสุดโต่งสุดติ่งอย่างไรก็ตาม ถ้ามองข้ามภาพเหล่านั้นที่ช่างสรรค์คิดขึ้นมา ก็จะเข้าใจในจิตเจตนาของเขาว่าเขาทำเพียงเพื่อตอบสนองต่อความตลกในรูปแบบของเขา ในรสนิยมของเขา แม้จะเป็นรสนิยมที่ดูเถื่อนๆ แต่ก็คงมีคนที่ขำไปกับมันได้ การจะดูมุกตลกของซาช่า บารอน โคเฮน เราอาจเริ่มต้นด้วยการสลัดตัวเองออกจากกฏเกณฑ์ที่เคยยึดมั่นถือมั่นมาทั้งหมด แล้วก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความ “ฮา บ้า เกรียน” พร้อมกับเขาแบบไม่มีเงื่อนไข และเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าสามารถข้ามพ้นไปจากจุดนั้นได้แล้ว ก็จะค่อยๆ ได้รับ “สาร” ดีๆ ที่เขาสื่อออกมา

อย่างใน Ali G Indahouse จริงๆ ก็คือเรื่องเล่าสะท้อนสะเทือนการเมืองที่ตั้งคำถามว่า เอาเข้าจริง มีใครสนใจความเป็นอยู่และเป็นไปของเด็กน้อยในสถานที่เล็กๆ บ้าง ขณะที่เมกะโปรเจคต์ทั้งหลายพยายามถูกคิดขึ้นมา เด็กน้อยตาดำๆ จำนวนหนึ่งกำลังเผชิญกับการที่ศูนย์จะถูกปิดและชะตาชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป นั่นยังไม่ต้องนับรวมถึงแก่นสารในหนังเรื่องอื่นๆ ของซาช่าที่ผมได้กล่าวถึงไว้บ้างแล้วในย่อหน้าแรกๆ

สำหรับ เดอะ บราเดอร์ส กริมสบี้ นี้ก็เช่นกัน ... ไม่ว่าเขาจะพาเราผาดโผนโจนทะยานไปกับความสำราญจากมุกตลกที่ประหลาดสักเพียงใด แต่สุดท้าย แก่นเรื่องอันว่าด้วยความรักความผูกพันฉันท์พี่น้อง ก็ส่องประกายเรืองรองให้เราเห็นตั้งแต่ต้นจนจบ โดยสมทบด้วยพล็อตรองอันว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรงหรือคดโกงของคนในหน่วยงานรัฐ แถมด้วยการสละตัวเองเพื่อปกป้องโลกด้วยวิธีการสุดพิสดาร แบบที่คุณไม่มีวันจินตนาการไปถึง

ถ้าเป็นหนังเรื่องอื่นๆ ถ้าหากพูดเรื่องความผูกพันห่วงหาระหว่างญาติพี่น้อง ก็คงจะทำออกมาในท่วงทำนองของดราม่าแบบที่หาดูได้ไม่ยากจากหนังร้อยเรื่องพันเรื่องในโลกนี้ แต่หนังที่จะเล่าประเด็นแบบนั้น ความผูกพันแบบนั้น ในลีลาฮากลิ้ง จริงจังแบบเล่นๆ และเล่นๆ แต่จริงจัง ผ่านตัวละครที่แลดูเซ่อซ่า บ้องตื้น แต่เปี่ยมด้วยหัวใจอันรักแท้แน่นอน แบบนี้ คงไม่มีให้ดูได้บ่อยนัก

ในรอบปีที่ผ่านมา มีหนังตลกๆ จำนวนไม่น้อยที่ถูกผลิตออกสู่ตลาด ผมรักอยู่หลายเรื่อง อย่างพวก Neighbor 2, Central Intelligence, Ghostbusters, Mike and Dave Need Wedding Dates หรือถ้าเป็นหนังไทยก็คงต้องมีชื่อของ “20 ใหม่ รีเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น” รวมอยู่ด้วย กระนั้นก็ตาม ถ้าจะว่ากันถึงความดีความงาม หนังตลกเหล่านี้ที่ว่ามา ก็ล้วนเดินอยู่ในรูปรอยของหนังตลกที่มีให้ดูกันอยู่เรื่อยๆ เป็นประจำทุกปี แต่ที่จะฉีกแปลกแตกต่างได้อย่างประหลาด ทั้ง “พิเศษ” ทั้ง “พิสดาร” แบบที่จะจดจารเป็นความทรงจำไม่มีวันลืม ก็เห็นจะมีเพียง เดอะ บราเดอร์ส กริมสบี้ นี้เท่านั้น

มันมีลายเซ็นแห่งความเป็นตัวเองสูงปรี๊ด และเหนืออื่นใด ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถจะทำหนังที่เปี่ยมล้นด้วยมุกตลกจังไรๆ แล้วออกมาขำได้แบบที่เราไม่รู้สึกถือสาในความจังไรของมัน นะครับ






ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
กำลังโหลดความคิดเห็น