“แอน-อังคณา ทิมดี”
สาวเชคคนแรกของเมืองไทย อดีตนางแบบเซ็กซี่ระดับท็อปของวงการ อดีตนักร้องนำวงมะลิลาบราซิลเลียน ป่วยหนักด้วย 4 โรครุมเร้า...ตับอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด โลหิตจาง และแพ้ภูมิตัวเอง ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล มีการรับเรี่ยไรเงินจากบรรดามิตรรักแฟนคลับ เพื่อมาช่วยเหลือค่ารักษา สภาพร่างกายซูบเซียว แทบไม่มีเค้าของความเซ็กซี่หลงเหลืออยู่เลย
*****
“โยโกะ ทาคาโน่”
เซ็กซี่สตาร์สาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่เคยโด่งดังในวงการบันเทิงไทยเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ชีวิตพลิกผัน หลังจากหันหลังให้วงการบันเทิง ก็ไปยึดอาชีพหมอดูตามตลาดนัดดาราเลี้ยงชีพ พร้อมกับมีอาการความจำบางส่วนเลือนหายไป ด้วยโรค CIDP (โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและเยื่อหุ้มประสาทอักเสบเรื้อรัง)
*****
“เพ็ญพร ไพฑูรย์”
อดีตนางแบบ และนักแสดงร่วมรุ่น กับ “ดวงตา ตุงคะมณี” , “ลินดา ค้าธัญเจริญ” , “กาญจนา จินดาวัฒน์” , “เดือนเต็ม สาลิตุลย์” ฯลฯ ป่วยหนักด้วยหลายโรครุมเร้าตั้งแต่หัวจดเท้า จนถึงขนาดเคยคิดจะฆ่าตัวตาย รายได้แทบไม่พอประทังชีวิต ต้องรับดูดวงแลกข้าว
*****
จริงๆ ยังมีดารา-นักร้อง-นางแบบ-นายแบบ หรือแม้กระทั่งดาวตลก อีกหลายคน ที่ต้องพ่านพบกับจุดเปลี่ยนของชีวิต ชนิดพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ที่ยกตัวอย่าง 3 คนนี้มา ก็เพราะว่ากำลังเป็นข่าวอยู่ในระยะนี้
ออกตัวก่อนว่า สกู๊ปนี้ไม่ได้มุ่งเขียนเพื่อจะซ้ำเติมใคร ทั้งไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าหมายถึงบุคคลทั้งสามที่เอ่ยนามมานี้เท่านั้น เพียงอยากชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงของวงการบันเทิง เพื่อสะท้อนว่าการเป็นคนดังนั้นอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่า ก็คือการรักษาความดังให้ยังคงอยู่ยั้งยืนยง
ดังที่เราจะเห็นว่ามีคนในวงการหลายคน ที่ออกมาเรียกร้องขอความเห็นใจ กรณีที่ไม่มีคนจ้างงาน จนต้องหันไปประกอบสัมมาอาชีพอื่นๆ จริงอยู่ที่แม้จะเป็นอาชีพสุจริต แต่ถ้าเทียบรายได้แล้ว ก็ถือว่าห่างชั้นจากสมัยที่รุ่งโรจน์อยู่ในวงการ ถ้าเรายกเรื่องความเห็นอกเห็นใจออก แล้วมองย้อนกลับไปถึงสาเหตุว่าทำไม ? บุคคลเหล่านี้ถึงไม่มีคนจ้างงาน จนต้องหลุดวงโคจรจากวงการบันเทิง
เป็นไปได้มั้ย ? ว่าอาจจะเกิดจากนิสัยส่วนตัว ที่ไม่อยากมีใครอยากคบหา
เป็นไปได้มั้ย ? ว่าอาจจะเกิดจากการไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย ทำให้หลายคนขยาดที่จะร่วมงานด้วย
เป็นไปได้มั้ย ? ว่าไม่มีการพัฒนาความสามารถ ฝีมือไม่เข้าเกณฑ์
หรือถ้าจะจำเพาะเจาะจงลงไปจริงๆ ก็ล้วนเป็นเรื่องที่เราได้ยินได้ฟังบรรดาคนเบื้องหลังบ่นให้ฟังอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่นเรื่องมาก วุ่นวาย วีน เหวี่ยง ไม่มีสัมมาคารวะ บทไม่อ่าน มาสาย กลับก่อน วันๆ เอาแต่ก้มหน้าแชทไลน์ ไม่สนใจจะต่อบท ไม่ทำการบ้านล่วงหน้า ติดเหล้าเมายา ข้องแวะกับยาเสพติดจนเสียงานเสียงาน ทำให้กองถ่ายล่าช้า และเสียเวลา
อย่ามาอ้างว่าอายุเยอะ เลยไม่มีคนจ้าง ... อย่ามาอ้างว่าเพราะถูกคลื่นลูกใหม่แซงหน้า !! เพราะความเป็นจริงที่เห็นและเป็นอยู่ ก็คือมีดารารุ่นใหญ่อีกไม่น้อย ที่มีผลงานมากมาย และต่อเนื่องมาตลอดไม่แพ้พวกดารารุ่นเล็ก ไม่ต้องไปเทียบกับระดับตัวแม่อย่าง “สินจัย เปล่งพานิช” หรือ “จินตหรา สุขพัฒน์” แม้แต่ระดับรองลงมา อย่าง “เพ็ญพักตร์ ศิริกุล” , “สาวิตรี สามิภักดิ์” หรือฝ่ายชายอย่าง “ดิลก ทองวัฒนา” , “เกรียงไกร อุณหนันท์” ฯลฯ แม้จะมีการเปลี่ยนบทบาทจากพระเอก-นางเอก มาเป็นรุ่นพ่อ รุ่นแม่ หรือเป็นตัวร้าย ตามวัยวุฒิที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เคยห่างหายไปจากหน้าจอ
พวกดาวตลกก็เหมือนกัน ทำไมทุกวันนี้เรายังเห็นผลงานของ “น้าค่อม ชวนชื่น” , “น้าโย่ง เชิญยิ้ม” , “เด๋อ ดอกสะเดา” , “ตี๋ ดอกสะเดา” และอีกหลายคน ในขณะที่ตลกรุ่นหลังกว่าอีกมากมาย ที่แทบไม่หลงเหลืองานในวงการ
ความสงสาร ความเห็นใจ หยิบยื่นให้กันได้ หรือจะก่นโทษจังหวะชีวิต และโชคชะตา นั่นก็อาจจะส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะต้องมองย้อนเข้าไปถึงสาเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงด้วย (ในที่นี้ไม่ได้พูดถึงกรณีบางคนที่เต็มอิ่มกับวงการจริงๆ เลยหันหลังไปประกอบอาชีพอื่น ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อย)
จากเรื่องมูลเหตุที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ก็มาถึงประเด็นว่า ชีวิตที่พ้นจากวงการบันเทิงแล้วเสมือนดิ่งลงเหว แทบจะอยู่อย่างอดอยาก สิ้นเนื้อประดาตัว เจ็บป่วยก็แทบไม่มีเงินรักษาตัว ก็สะท้อนให้เห็นความจริงอีกข้อหนึ่งว่า สมัยรุ่งโรจน์ มีงาน มีเงินเยอะ ก็ใช้ชีวิตอย่างประมาท หรูหรา ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักเก็บหอมรอมริบ พอถึงคราวที่ไร้งานจริงๆ ก็แทบจะไม่เหลือเงินเก็บเอามายังชีพ
ในขณะเดียวกัน ก็สอนให้รู้ว่า ชีวิตควรเดินสายกลาง ไม่ใช่เป็นดาราที่เอาแต่ห่วงรูปร่าง ห่วงความสวยงามแบบสุดโต่ง การไม่แตะต้องข้าวเลย เป็นสิบๆ ปี , การกินยาประเภทลดความอ้วน หรือเพิ่มความขาวอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มักจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทั้งเรื่องของปัญหาสุขภาพ , ระบบสมอง และอะไรต่างๆ อีกมากมาย หรือบางพวกที่บ้างาน บ้าเงิน จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน สุดท้ายปลายทาง ก็ล้มหมอนนอนเสื่อ มีเงินกองท่วมตัว แต่สุขภาพเสื่อม หาความสมดุลในชีวิตไม่เจอ
ฉะนั้นแล้ว เหล่าบรรดาดารา ศิลปิน ที่คิดว่าเป็นคนดัง ทำอะไรก็ได้ จะวีน เหวี่ยงใส่ใคร จะไปอวดเบ่ง ทำกร่างที่ไหน ก็ไม่มีใครว่า เพราะชื่อเสียง เพราะบารมีคุ้มหัวนั้น ก็ขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ดังได้ ก็ดับได้ จ้างได้ ก็เลิกจ้างได้ วันนี้ยังมีเงิน ยังมีงาน ก็ให้รักษาไว้ให้จงดี ถึงวันที่มรสุมชีวิตพัดผ่านเข้ามา จะได้ไม่ต้องตกระกำลำบาก จนต้องออกมาขอคะแนนความเห็นใจ
โบราณว่า...ยิ่งสูง ยิ่งหนาว - ยิ่งอยู่สูง ก็ยิ่งตกเจ็บ
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 371 24-30 ธันวาคม 2559