“มิ้นต์ ชาลิดา” เผยเป็นนิมิตหมายที่ดี คืนดี “คิมเบอร์ลี่” เชื่อ “หมาก ปริญ” ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ลุ้นรวมตัว “แก๊งล่ม” บอกไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ให้อภัยกัน และมันจบแล้ว
"มิ้นต์" คุย “คิมเบอร์ลี่” เยอะขึ้น กับ “หมาก” ก็จบแล้ว สัญญาณดี “แก๊งล่ม” อาจนัดรวมตัว
เรียกว่าเป็นภาพที่ทุกคนรอคอยเลยก็ว่าได้ สำหรับภาพ “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ที่ไปร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณพ่อนางเอกสาว “คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ” หลังจากงานดังกล่าว สาวคิม ยังฟอลโลว์ไอจีมินต์ ด้าน “หมาก ปริญ สุภารัตน์” ก็ยังเอ่ยปากว่าทุกอย่างจบแล้ว เป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เจอสาวมิ้นต์ในงานแสงเทียนแห่งสยาม ชั้น 1 โซนกรุ๊ป เซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และมีโอกาสที่แก๊งล่มจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
“ก็ได้คุยกันพอรู้ข่าวจากพี่กี้ (ราศรี บาเล็นซิเอก้า) ก่อนค่ะในวันนั้น ซึ่งก็ตกใจมากเพระไม่คิดว่าจะสูญเสียคุณพ่อไปในวันนั้น ซึ่งก็ค่อนข้างไวสำหรับวัยเขาและตัวเขา มิ้นต์ก็ค่อนข้างที่จะช็อกแล้วก็ได้ส่งพวงหรีดไปก่อน แล้วก็หาเวลาวันว่างก็ไปแสดงกว่าเสียใจค่ะ”
“ก็คือไปด้วยใจจริงๆ เพราะมิ้นต์คิดว่าคนเราถ้าเขาสูญเสีย เขาบอบบางเขาก็ต้องการกำลังใจ เพราะว่าก็เป็นเพื่อนกันมานานเหมือนกัน เราก็บอกให้เขาเข้มแข็งกลับมามีกำลังใจไวๆ ค่ะ (เหมือนเป็นสัญญาณที่ดี?) ก็คือ มีโอกาส ตอนแรกที่ได้ทราบข่าวก็ได้ส่งไลน์ไปก่อนแล้ว ก็ได้คุยกัน ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนิมิตหมายที่ดี”
เพิ่งรู้ “คิมเบอร์ลี่” ฟอลโลว์ไอจี ส่วนโอกาสกลับมารวมตัวกันต้องดูโอกาส ย้ำเป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ มันจบแล้ว
“ก็เห็นตามข่าวแหละค่ะ ก็ไม่ทราบมาก่อนค่ะ คือ วันเผาคุณพ่อ หนูติดงานถ่ายละครก็ไม่ได้ไป แต่ว่าก็ได้ส่งข้อความไปอีกรอบแสดงความเสียใจค่ะ ก็มีการติดต่อสื่อสารกันต่อเนื่องค่ะ”
“เรื่องกลับมารวมกลุ่มกันเหมือนเดิม ก็ต้องดูโอกาสค่ะ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ในวงการเดียวกัน มันก็ต้องมีโอกาสได้เจอกันอยู่แล้วค่ะ มิ้นต์ก็พร้อมและยินดีค่ะ มิ้นต์ว่าเรื่องราวต่างๆ มันผ่านมานานมากแล้ว สำหรับตัวมิ้นต์ก็พูดมาตลอดว่าจบก็คือจบ ไม่ได้ซีเรียสติดใจแล้วก็ไม่ได้มีอะไร และเชื่อว่าทุกคนตอนนี้คือมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาคอขาดบาดตาย มันเป็นเรื่องที่เราก็ให้อภัยกันไปแล้ว มันก็จบค่ะ”
เชื่อ “หมาก ปริญ” ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว
“มิ้นต์ก็คิดว่าพี่หมากเขาก็คงไม่ได้มีอะไรแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่วันนั้นไม่ได้เจอพี่หมากค่ะ ไปคนละวันกัน แต่ก็ไม่ได้มีคุยกันเลยค่ะ”
บอก “บอย ปกรณ์” อยากนัดรวมตัว ถ้ามีโอกาสก็ยินดี ลุ้นกรุ๊ปไลน์แก๊งล่มกลับมาเหมือนเดิม
“ก็ถ้ามีโอกาสก็ดีนะคะ แต่คิวทุกคนก็คงแน่น อย่างมิ้นต์ปีนี้ถ่ายละคร 3 เรื่อง ก็แน่นมากค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสพี่เขาชวนก็ยินดีค่ะ ยินดีมากๆ อยากเจออยู่แล้วค่ะ กรุ๊ปไลน์จะกลับมาเหมือนเดิมมั้ยอันนี้ไม่ทราบค่ะ (ยิ้ม)”
เผยขึ้นดอยไปมอบของใช้ ชาวบ้านดีใจจนร้องไห้ ตั้งเป้าปีหน้าจะไปอีก
“ใช่ค่ะ ก็มีโอกาสได้ขึ้นดอย ไปกับพระอาจารย์วัดป่าแดง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มิ้นต์รู้สึกดีใจมากที่ได้ไป เพราะครั้งหนึ่งในหลวงทรงได้เสด็จฯไปที่นั่น และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็เสด็จฯไปทุกๆ ปี แล้วที่ดีใจไปกว่านั้นคือคนบนดอย คุณตาคุณยายต่างร้องไห้ เพราะว่าไม่เคยมีใครขึ้นไปแจกของถึงหมู่บ้านเขา และมันก็เป็นสิ่งที่เขาขาดแคลนและได้ใช้จริงๆ ก็คิดว่าถ้าปีหน้ามีโอกาสก็จะทำอีก ของที่นำไปบริจาคก็มีพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ค่ะ แต่ว่าที่ได้เต็มเลยก็คือผ้าห่ม รวบรวมจากหลายๆ ท่านที่ร่วมทำบุญมาด้วยกันก็ได้เยอะอยู่ค่ะ”
“ไฟเพิ่งไปถึงหมู่บ้านเขา 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งเขาต้องใช้โซลาร์เซลล์ในการใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น แล้วพอไปแล้วกว่าจะขึ้นไปถึง 4 ชม. จากตัวเชียงใหม่ขึ้นไป ใช้เวลามาก แต่ก็ดีใจที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้สร้างอะไรหลายๆ อย่างแม้กระทั่งโรงเรียน หรือว่าอะไรที่เป็นสื่อความรู้ให้เขาได้เรียนรู้ต่อไปค่ะ ชื่อหมู่บ้านป่าข่าค่ะ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ค่ะ”
“คิดว่าถ้าปีหน้าว่างก็จะไปอีกค่ะ อยากไปด้วยตัวเอง เพราะว่าตอนแรกพระอาจารย์ชวนไปเราก็ส่งของไปอย่างเดียว แต่ทีนี้พอคิวเราว่างก็เลยรีบจองตั๋วแล้วก็รีบไปเลยค่ะ เขาก็ดีใจที่เราเอาของไปมอบให้เขา และเขาก็อยากให้เราไปอีก ถ้ามีโอกาสก็จะไปอีกหลายๆ หมู่บ้านที่ขึ้นไปสูงกว่านั้นก็มีค่ะ แต่ต้องไปค้างคืน ซึ่งก็ต้องดูเวลาอีกทีหนึ่ง แต่คิดว่าจะไปแน่ๆ ค่ะปีหน้า”
“ซึ่งทุกคนน้อมรำลึกถึงในหลวง ร.๙ เพราะท่านเคยเสด็จฯไปที่นี่จริงๆ เคยไปสร้างอะไรหลายๆ อย่างให้กับที่นี่ค่ะ ซึ่งมิ้นต์เห็นทางขึ้นไปแล้วมันยาวมาก ทุกอย่างมันเป็นดินแดง ช่วงหน้าฝนเขาแทบจะลงมาไม่ได้เลยเพราะว่าทางมันลื่นค่ะ มิ้นต์ชอบทำอะไรเกี่ยวกับชาวดอยอยู่แล้ว ครั้งก่อนก็ไปแม่ฮ่องสอน ไปสร้างศูนย์หนังสือ คือเราอยากสร้างสิ่งดีๆ ที่เขาไม่มี ไม่ได้ใช้จริงๆ ให้กับเขา รู้สึกว่าแบบนี้มันเป็นการส่งถึงเขาจริงๆ”