xs
xsm
sm
md
lg

Gmm 25 จัดทัพใหม่ ชูกลยุทธ์ “แปลงทรัพย์สินเป็นคอนเทนต์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยังเกาะติดกับกระแสการแข่งขันของทีวีดิจิตอล ที่ระอุร้อน เพราะเป็นการเดิมพันกันด้วยความอยู่รอดของช่อง ถ้าไปต่อไม่ไหว ก็เห็นทีต้องโกยเถอะโยม อย่างที่ปรากฏให้เห็นเป็นข่าวใหญ่อยู่หลายครั้งหลายคราในต่างกรรม ต่างวาระ
คราวก่อนพูดถึงช่อง ONE ที่ชูนโยบายหาพันธมิตรมาดีลธุรกิจ ทั้ง Lazada และคลื่น 103 Like FM. ที่มาร่วมแคมเปญส่งเสริมการตลาด ในลักษณะ Lifestyle Marketing รวมถึงการดึงกลุ่มปราสาททองโอสถเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อขยายการลงทุน
อีกหนึ่งหนทางเอาตัวรอดในยุคของการแข่งขันที่เข้มข้น ก็คือ “การแปลงสินทรัพย์ที่ตัวเองมีอยู่ให้กลายเป็น คอนเทนต์”
โดยในแง่นี้ ถือว่าได้ประโยชน์ 2 ทาง
ทางแรก ก็คือลดต้นทุน ไม่ต้องไปเสียค่าบริหารจัดการในการซื้อคอนเทนต์จากที่อื่นๆ เพราะต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่จะทำให้ช่องแข็งแรงที่สุด และไปต่อได้ไกลที่สุด ก็คือเรื่องของคอนเทนต์ อย่างเช่นถ้าจะเอาดีทางสายผลิตละคร ก็ต้องซื้อบทประพันธ์ดีๆ มาอยู่ในมือ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อมีช่องผุดขึ้นมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าบทประพันธ์ดีๆ ก็มักจะไปตกอยู่ในมือของช่องใหญ่ ที่มีเงินถุงเงินถังมากพอที่จะทุ่มซื้อได้ ช่องเล็กๆ หรือช่องเกิดใหม่ ถ้าจะลงสนามต่อสู้ ก็ต้องทุ่มทุนมหาศาล เพื่อแย่งชิงมา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงตายมาก เพราะต่อให้มีเงินทุ่มซื้อ อย่างไรเสียก็อาจจะทำออกมาได้ไม่ดีเท่าช่องใหญ่ๆ ที่มีความชำนิชำนาญและทำกันมาอยู่ก่อน มีฐานแฟนคลับที่แน่นอน มีลายเซ็นที่ชัดเจน ถ้าไม่ต้องเอาเงินไปจมกับการซื้อคอนเทนต์จากแหล่งอื่น ก็ถือเป็นการลดต้นทุน และลดความเสี่ยงไปได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ทางที่สอง การแปลงสินทรัพย์ฯ ยังได้ผลประโยชน์ในแง่ที่ว่า ไม่ต้องไปเสียเวลาเท้าความ หรือปูเรื่องให้คนรู้จัก เพราะสินทรัพย์ที่ว่าส่วนใหญ่ ทรงคุณค่าและเป็นที่รู้จักของผู้คน เรียกว่ามีต้นทุนเดิมที่ดีอยู่แล้ว ดีกว่าต้องไปริเริ่มอะไรใหม่ๆ ซึ่งกว่าคนจะรู้จักและยอมรับ เสียทั้งต้นทุน เสียทั้งเวลา
และดูเหมือนว่าช่องที่ชูนโยบาย “การแปลงสินทรัพย์ที่ตัวเองมีอยู่ให้กลายเป็นคอนเทนต์” ก็คือช่อง Gmm25 ในเครือ Gmm Grammy นั่นเอง
ถ้าจะเท้าความกันจริงๆ การนำช่วงหนึ่งของรายการวิทยุที่มีคนติดตามฟังกันมากมาย อย่าง Club Friday มาสร้างเป็นซิรี่ย์ นั่นก็ถือเป็นการแปลงสินทรัพย์ฯ ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยที่สุด เรื่องราวที่หยิบยกมานำเสนอ ก็เป็นเรื่องที่คนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ฐานแฟนที่ติดตามฟังรายการวิทยุ ก็สามารถตามมาดูซิรี่ย์กันต่อได้เลย ยิ่งตอนนี้มีการขยายความต่อเป็นเรื่องยาวแบบ To Be Continue อันนี้ชัดเจนเลย
อย่างซิรี่ย์ชุด Love Song Love Story และ Love Song Love Series ที่นำเพลงฮิตๆ ในเครือ มาผูกเป็นเรื่องเป็นราว นั่นก็เป็นกลยุทธการนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นคอนเทนต์ที่ถือว่าน่าสนใจ และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด
แหละ....ภายหลังที่ทำการทดลองตลาดแล้วว่ากลยุทธ์นี้สามารถต่อยอดออกไปได้ไม่สิ้นสุด ค่าย Gmm ก็เลยผุด ยูนิตธุรกิจใหม่ ที่มีหน้าที่บริการจัดการคอนเทนต์ต่างๆ ในมือ โดยเฉพาะเพลงฮิตๆ ในค่ายที่มีอยู่เป็นพันเป็นหมื่นเพลง ให้เกิดประโยชน์โพดผลที่ทวีค่าสูงสุด นั่นก็คือที่มาของ GMM BRAVO (จีเอ็มเอ็ม บราโว่) ซึ่งดูแลโดย “ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม” (ลูกชายของอากู๋ ไพบูลย์) ซึ่งนอกจากจะชูกลยุทธ์ New Content Solution เน้นการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาพัฒนาต่อ ยังถือเป็นการผนึกกำลัง เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่อง Gmm25 ด้วย ทั้งนี้มีการตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 800 ล้านบาท เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 15-35 เป็นหลัก
โดยการดำเนินงานผลิตซิรี่ย์ทั้งหมดภายใต้โลโก้ GMM BRAVO นั้น มี “เอกชัย เอื้อครองธรรม” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังเป็นผู้ดูแล โดยผลงานล็อตแรกจะเป็นซิรี่ย์ทั้งหมด 10 เรื่อง ที่จะลากยาวไปจนถึงเดือนมกราคมศกหน้า ซึ่งมีการจัดหมวดหมู่เป็น 3 ชุด คือ

1.Molodies of Life นำเพลงฮิตที่อยู่ในใจคนมาผลิตเป็นซีรีย์ ในมุมมองใหม่ และพล็อตเรื่องใหม่ เจาะตลาดคนรุ่นใหม่โดยตรง
2.Encore 100 Millions View เป็นการนำมิวสิกวีดีโอ ที่มียอดเกิน 100 ล้านวิว มาเป็นซีรีย์ในรูปแบบไตรภาค
3. Love Rhythm นำเอาศิลปินคนดังๆ มาทำเป็นซีรีย์หรือมาอยู่ในซีรีย์ ตัวอย่างเช่น เรื่อง Daddy จำเป็น โดย “โน้ส-อุดม แต้พานิช” ,เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิด โดย “ก้อง-สหรัถ” เป็นต้น

แม้กระทั่งการนำเค้าโครงภาพยนตร์เรื่อง “O Negative รักออกแบบไม่ได้” มารีเมกใหม่เป็นละคร ก็นับเป็นหนึ่งในการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นคอนเทนต์ได้เหมือนกัน เพราะต้องยอมรับว่าตอนที่เป็นภาพยนตร์ O Negative เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายๆ คน และยังคงประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้ พูดง่ายๆ ว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงเรื่องหนึ่งของแกรมมี่ฟิล์มที่ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง ทั้งๆ ที่เรื่องราวก็ไมได้สลับซับซ้อนอะไรเลย เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อน ที่มีความรักเข้ามาเป็นตัวแปร ทำให้มิตรภาพเกิดรอยร้าวขึ้นมา ซึ่งเมื่อนำมารีเมกเป็นละคร ก็มีการขยายเรื่องราว สร้างเงื่อนไข สร้างปมขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ให้เรื่องราวมันเข้มข้นขึ้น ผ่านการถ่ายทอดของนักแสดง ที่ถือว่าเป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ ทั้งเก้า-จิรานุ , ต่อ-ธนภพ,วี-วีโอเลต,เก้า-สุภัสสรา ฯลฯ

จริงๆ ถ้าช่อง Gmm 25 สมควรอย่างยิ่งที่จะยึดละครแนวนี้เป็นลายเซ็นของตัวเอง เพราะดูทิศทางแล้ว น่าจะไปได้สวยกว่า การพยายามที่จะไปทำละครชุดใหญ่อย่าง “เพลิงกฤษณา” เพราะการทำแบบนั้น จะต้องไปแบ่งพื้นที่ยืนกับช่องหลักๆ อีกหลายช่อง รวมไปถึงช่องพี่ช่องน้องอย่างช่อง ONE ของคุณหนูบอย-ถกลเกียรติด้วย ซึ่งดูยังไงก็ไม่มีความแข็งแกร่งพอจะไปต่อกรกับช่องต่างๆ เหล่านี้ได้ สู้ถอยก้าวออกมาสร้างตลาดใหม่ของตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องไปสู้รบปรบมือกับใคร แค่แข่งกับตัวเอง พัฒนาผลงานในรูปแบบ และแนวทางของตัวเองก็พอแล้ว
ใครจะมองว่าหากินกับของเก่าก็อย่าได้แคร์ เพราะถ้าของเรายังขายได้ มันก็เป็นสิทธิที่พึงทำอยู่แล้ว ที่สำคัญถ้านำออกมาขายแบบถูกที่ถูกเวลา เผลอๆ รวยไม่รู้เรื่อง เพราะยุคนี้ใครใช้ต้นทุนน้อยสุด เพื่อมุ่งไปสู่จุดคุ้มทุนได้เร็วที่สุด ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง อีกครึ่งทาง ก็ต้องมาวัดกันที่คะแนนพึงพอใจของคนดู และสปอนเซอร์เป็นลำดับต่อไป

ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 370 17-23 ธันวาคม 2559







กำลังโหลดความคิดเห็น