“ปั้นจั่น ปรมะ” ภูมิใจเป็นหนี้ก้อนโต คุ้มค่ากับความทุ่มเท ชี้ บ้านราคา 15 ล้าน ผ่อนทั้งหมด 20 ปี ตอนนี้เหลือแค่เพียง 9 ปีเท่านั้น แฮปปี้ครอบครัวมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า เลิกเที่ยวผับ - บาร์ อยากอยู่บ้าน ขอเวลาอีก 5 ปี คิดเรื่องแต่งงาน รับยังไม่คลิก ต้องปรับตัว บอกแม่แย็ปถาม จะมีหลานให้ทันอุ้มมั้ย!
ทุ่มเทแรงกายแรงใจกับบ้านใหม่ราคา 15 ล้านบาท สำหรับ “ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย” โดยเจ้าตัวเผยว่าเป็นความภูมิใจ เพราะตอนนี้จาก 20 ปี เหลือแค่เพียงอีก 9 ปี ก็จะหมดหนี้แล้ว และตนก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับบ้านเห็นภาพพ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า
“หนักอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว บ้านมันซื้อแล้วก็ต้องผ่อนเนอะ ผมก็ซื้อเองผ่อนเองทั้งหมด เราก็เต็มที่ ตอนนี้ก็ถึงครึ่งทางแล้ว เรามีมากเราก็โปะมาก จาก 20 ปี ตอนนี้เหลือ 9 ปีแล้ว มันก็แฮปปี้ ตอนแรกมีเครียดบ้าง แต่หลังๆ ก็ปล่อยวาง ช่วงแรกๆ เครียด เพราะเดือนหนึ่งก็ผ่อนหนักอยู่ ก็คุยกันในครอบครัว ว่าอย่าไปซีเรียส เราอายุเท่านี้ ซื้อบ้านหลังเท่านี้ ก็เป็นหนี้ก้อนใหญ่มาก ตอนซื้อแรกๆ ทุกคนก็เป็นห่วงว่าจะไหวรึเปล่า เพราะยังต้องผ่อนรถด้วย ก็หนักเพราะมันทั้งบ้านทั้งรถ ผมก็บีบตัวเอง รู้ว่าเรามีค่าใช้จ่ายเท่านี้ก็เริ่มประมาณตัวเองว่าเราจะต้องทำงานหนักมากแค่ไหน และต้องประหยัดแค่ไหน ก็ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยก็ได้สินทรัพย์มา ถ้าไม่ได้ซื้อเงินตรงนี้อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่มันไร้สาระ”
ภูมิใจเป็นบ้านที่ทำให้ทุกคนได้มาอยู่กันพร้อมหน้า สิ่งที่ทุ่มเทไปคุ้มค่า
“ภูมิใจมากครับ ที่สุดคือความสุขที่เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกับคนในครอบครัว น้องสาวก็มาอยู่ในบ้านหลังที่เราซื้อด้วย คือได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน มันคือความสุข ตอนนี้พ่อผมก็เกษียณแล้ว แม่ผมก็กำลังจะเกษียณ เขาก็จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา กลับบ้านไปเหนื่อยจากทำงานเราก็ได้เจอเขาอยู่ในบ้านทุกวัน มันคือความสุข รู้สึกว่าสิ่งที่เราทุ่มเทไปมันคุ้มค่า แลกกับสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ดี มันคือความสงบของชีวิต
บอกชอบอยู่บ้าน ไม่เที่ยวผับ - บาร์ ยังไม่เลิกแต่ไม่มีอารมณ์
“ตื่นเช้ามาก็เห็นพ่อรดน้ำต้นไม้ น้องสาวปลูกผัก เราก็มีความสุขแล้ว อาจจะด้วยเราโตขึ้น เรารู้สึกว่าความสุขของเราหาได้จากที่บ้าน จะชอบอยู่บ้าน เป็นปีๆ แล้วที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ ไม่ใช่ว่าเลิกนะแต่เราไม่มีอารมณ์อยากจะไป เราไปแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าเรามีความสุข เต็มที่ก็จะไปสังสรรค์บ้านเพื่อน นั่งคุยกัน เราผ่านช่วงวัยรุ่นเฮ้วๆ ไปแล้ว ตอนนี้เราสนุกกับการที่ได้ชวนกันไปนั่งกินกาแฟ ไปตีกอล์ฟ ได้นั่งคุยกันมากกว่า”
ไม่กดดันพ่อแม่บ่นอยากอุ้มหลาน บอกเรื่องแต่งงานต้องรอให้คลิกกันมากกว่านี้
“ก็คนเดิม เหมือนเดิม ผมไม่ค่อยได้ตื่นเต้นกับความรักเท่าไหร่ ด้วยภาระผมยังเยอะ ถามว่าเมื่อไหร่จะพร้อมมันก็คงไม่พร้อมเสียที เราก็อยากจะให้ความสัมพันธ์ของเราเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ถ้าถึงเวลาแล้วเราก็จะคิดได้เองว่าเราควรจะทำอะไรกันต่อ จะแต่งเมื่อไหร่ เราเองสนิทกัน 2 - 3 ปีเองก็อยู่ในช่วงปรับจูน เราเองยังไม่ได้รีบเร่งอะไร เพื่อนหลายคนก็ทยอยแต่งงานกันไปเยอะแต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่แต่ง วางไว้สักไม่เกิน 35 ปี ก็เหลืออีก 5 ปี แม่ก็มีถามแล้วว่าจะมีหลานให้ทันอุ้มมั้ย ผมก็บอกว่าค่อยว่ากัน (หัวเราะ)”
“ก็ไม่กดดันตัวเองครับเพราะมันคือชีวิตเรา มันคนละส่วนกัน ยังไงเราก็ดูแลพ่อแม่เราตลอดชีวิตอยู่แล้ว เรื่องจะมีหลานจะแต่งงานมันคือชีวิตเรา กับตัวเขาเองเราไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องนี้เลยเพราะเราเองยังมีงอนกันอยู่เยอะ เลยรอให้เข้าที่เข้าทางทั้งสองคนก่อน เมื่อถึงเวลามันก็คงจะคลิกกันเองว่าเราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ดี”