“ไมเคิล ดักลาส” และ “แคทเธอรีน ซีตา โจนส์” ได้ร่วมจัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 100 ให้กับ “เคิร์ก ดักลาส” ตำนานวงการภาพยนตร์สหรัฐฯ
นักแสดงระดับตำนานที่ยังมีลมหายใจ เคิร์ก ดักลาส ได้รำลึกถึงเส้นทางในวงการบันเทิงที่ยาวนานถึง 6 ทศวรรษของตน และที่สำคัญยิ่งกว่าสำหรับเขาก็คือชีวิตแต่งงานที่สวยงาม ซึ่งดำเนินมานานถึง 63 ปีแล้ว
โดย เคิร์ก ดักลาส ได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตทั้งเรื่องงาน และชีวิตรัก ผ่านบทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Closer Weekly ในวาระที่เขาอายุครบ 100 ปี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา
“ผมโชคดีที่ได้พบกับคู่ชีวิตของตัวเองเมื่อ 63 ปีก่อน และเชื่อว่า ชีวิตแต่งงานที่วิเศษสุด กับเวลาทองในตอนกลางคืนที่ผมกับเธอได้พูดคุยกัน คือ สิ่งที่ช่วยทำให้ผมอยู่มาได้จนถึงตอนนี้”
แม้จะไม่ได้แสดงหนังมานานถึง 20 ปี เพราะ ดักลาส สูญเสียความสามารถในการพูดไประดับหนึ่ง หลังมีอาการเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ตำนานฮอลลีวูดวัย 100 ปี ก็ยังมีสุขภาพที่ดีสำหรับคนในวัยนี้ และได้ใช้เวลาในการฝึกซ้อมการพูด เพื่อกล่าวอะไรนิดหน่อย ในปาร์ตีฉลองอายุครบ 1 ศตรววษ ที่กำลังจะจัดขึ้นในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ไมเคิล ดักลาส ที่เป็นลูกชาย และ แคทเธอรีน ซีตา โจนส์ ลูกสะใภ้จะเป็นเจ้าภาพ
ดักลาส เป็นลูกชายของชาวรัสเซียอพยพ และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตำนานของฮอลลีวูดยุครุ่งเรือง เขาเป็นทั้งผู้อำนวยการสร้าง และมีผลงานการแสดงถึง 80 เรื่อง และได้ชื่อว่าเป็นดาราที่เลือกงานตามคุณภาพ และความท้าทายอยู่เสมอ จนทำให้ตลอดชีวิตการทำงาน ดักลาส ไม่เคยแสดงหนังภาคต่อเลย
เคิร์ก ดักลาส มีชื่อจริงว่า อิสเซอร์ ดาเนียลโลวิทช์ โตขึ้นมาจากถิ่นคนจนในนิวยอร์ก โดยมีพ่อเป็นชาวยิว ส่วนแม่เป็นโปรเตสแตนต์ และเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักแสดงจากการศึกษาที่สถาบันศิลปะการแสดงนิวยอร์ก โดยเขามีผลงานดังมากมาย อาทิ Lust for Life หนังชีวประวัติของ วินเซนต์ ฟาน ก็อก ที่เข้าฉายในปี 1956, หนังคาวบอยระดับคลาสสิก Gunfight at the OK Corral (1957), หนังย้อนยุคผลงานของ สแตนลี คูบลิก เรื่อง Spartacus (1960) และ Seven Days in May (1964) โดยมีหนังสั้นเรื่อง Illusion(2004) เป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้าย
โดย ดักลาส มีชื่อชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในปี 1949 จาก Champion (1949) ก่อนจะได้ชิงรางวัลดังกล่าวอีก 2 ครั้ง แต่ไม่เคยได้รับรางวัลดังกล่าวเลย ก่อนที่ในปี 1987 ตระกูลดักลาสจะคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้สำเร็จจากผลงานการแสดงของ ไมเคิล ดักลาส ใน Wall Street (1987)
สำหรับเรื่องชีวิตคู่ ดักลาส เคยแต่งงานกับ ไดแอน เว็บสเตอร์ จนมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ ไมเคิล และ โจล ก่อนจะแยกทางกันไปในปี 1951 หลังจากนั้น เขาจึงแต่งงานครั้งที่ 2 กับนักแสดงชาวเบลเยียม - อเมริกัน แอนน บายเดนส์ ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเขียนถ่ายทอดความในใจถึงสามีว่า “การใช้ชีวิตอยู่กับสามีของฉัน เหมือนกับการได้นั่งอยู่ในสวนสวยๆ และตั้งอยู่ข้างๆ ภูเขาไฟ ซึ่งอาจจะระเบิดขึ้นมาเป็นระยะ” โดย ดักลาส กับ บายเดนส์ มีลูกด้วยกัน 2 คนคือ อีริค และ ปีเตอร์
ซึ่งก็ใช่ว่าชีวิตที่ผ่านมา 100 ปีของ ดักลาส จะมีแต่ความราบรื่น เขาเคยต้องสูญเสียลูกชาย อีริค ไปในวัยแค่ 46 ปี จากการใช้ยา และแอลกอฮอล์เกินขนาดเมื่อ 12 ปีก่อน ตัวของเขาเองก็เกือบเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางอากาศในปี 1991 เมื่อเฮลิคอปเตอร์ที่เขาโดยสารมาเกิดเฉี่ยวกับเครื่องบิน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 2 คน และทำให้ ดักลาส กลับมานับถือศาสนายิวอีกครั้งนับจนถึงวันนี้
ในปี 1996 เขายังล้มป่วยจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก ที่ทำให้สูญเสียความสามารถในการพูดทั้งหมดไปในทันที แต่ก็กลับมาพูดได้อีกครั้งหลังผ่านการรักษาอยู่หลายเดือน
“คนมักจะขอคำแนะนำจากผมเสมอว่าทำไมอายุยืน และยังสุขภาพดีแบบนี้ ซึ่งผมไม่มีเคล็ดลับอะไรเลย ผมแค่เชื่อว่าคงมีจุดประสงค์อะไรซักอย่างที่ทำให้เราอยู่มาถึงตรงนี้ ... ผมเอาชีวิตรอดมาได้จากเฮลิคอปเตอร์ตก และเส้นเลือดในสมองแตก ก็เพื่อที่จะได้ทำอะไรดีๆ ก่อนที่จะจากไป”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม