xs
xsm
sm
md
lg

ใครว่าขี้ยา ท้าให้มาวิ่งด้วย! “ตูน” ปิดยอดบริจาคสวยๆ 63 ล้านบาท ขอโทษเคยดูถูกน้ำใจคนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ตูน บอดี้สแลม” ทำสำเร็จ วิ่ง 10 วันระยะทาง 400 กม. เผยปิดยอดบริจาค 63 ล้านบาท บอกตอนแรกหวังแค่ 4 - 5 ล้าน ขอโทษเคยดูถูกน้ำใจคนไทย ยอมรับหวั่นโดนด่าอยากดัง ทำดีเอาหน้า แต่เกิดจากความคิดบ้าๆ ของเด็กบ้าๆ ที่อยากหาเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ขาดแคลน ด้าน “ก้อย รัชวิน” น้ำตาคลอเบ้ายกอีกฝ่ายเป็นแรงบันดาลใจ 10 วัน ที่วิ่งเคียงข้างไม่เคยหวังจะพิสูจน์รักแท้ เชื่ออีกฝ่ายจะจุดประกายเรื่องการเป็นผู้ให้

ถึงกับเฮกันดังๆ เลยทีเดียว สำหรับ “ตูน บอดี้สแลม” อาทิวราห์ คงมาลัย กับโครงการวิ่งการกุศล #ก้าวคนละก้าว ระดมทุนจากผู้มีจิตศรัทธามาช่วยเหลือ โรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลน ซึ่งล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค.) เจ้าตัววิ่งถึงโรงพยาบาลบางสะพานเรียบร้อยแล้ว แถมยังปิดยอดบริจาคประมาณ 63 ล้านบาท โดยหนุ่มตูนเปิดใจว่าเป็นยอดบริจาคที่ได้เกินกว่าที่ตั้งใจไว้ ขอโทษที่เคยดูถูกน้ำใจคนไทย

“หลายๆ คนคงรู้ว่าจริงๆ ผมเป็นคนสุพรรณ แต่ 2 ปีที่แล้วได้มาอยู่ที่บางสะพาน เป็นชาวบางสะพานกับเขาด้วยเหมือนกัน จากความคิดบ้าๆ ของเด็กบ้าๆ คนหนึ่ง ที่นั่งคิดคนเดียวอยู่ที่บ้านว่าอยากจะหาสตางค์เยอะๆ มาให้ รพ.บางสะพาน มาให้ซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ขาดแคลน อยากจะหาเยอะๆ มาเป็นกำลังใจให้คุณหมอนางพยาบาล ที่ทุ่มเทเสียสละอยู่ที่นี่ แทนที่จะไปเอาเงินเยอะๆ อยู่ที่กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ ทำยังไงดี”

“สุดท้ายเอาตัวเองเป็นต้นทุน วิ่งเรี่ยไรเงินจากคนไทยใจดีทั่วประเทศ คิดว่าอยากจะได้สักในใจตอนแรก 4 - 5 ล้าน เราก็โอเคแล้ว ทำเงียบๆ ทำคนเดียว ไม่อยากเด่น ไม่อยากเด่นอะไร แต่สุดท้ายมีพี่ชายผมคนหนึ่งที่ทำอยู่ พี่ปิงปอง ที่ a day ไปปรึกษาเขาอยากให้เขาช่วยเรื่องโปรโมตให้หน่อย ลงข่าวให้หน่อย เขาบอกว่าถ้าจะทำทั้งที ถ้าจะลงแรงขนาดนี้ทั้งที ทำไมไม่ทำให้มันบอกประชาชนทั่วไปให้เขาได้รับรู้ทั่วกัน สุดท้ายถ้าคนรู้เยอะ ได้ช่วยกันเยอะๆ จะได้มีเงินเยอะๆ มาช่วยรพ.บางสะพาน”

“ตอนแรกผมกลัว กลัวจะโดนเขาหาว่าอยากจะเด่นอยากจะดัง อยากจะทำดีเอาหน้า ผมไม่อยากเด่นอยากดังอะไรแล้ว ผมจะไปเที่ยวไหน ผมจะไปสบายที่ได้ก็ได้ แต่ผมอยากทำเพื่อทุกคนที่บางสะพานจริงๆ ผมได้ไปรู้ ไปเห็นข้างในที่มันขาดแคลนเยอะ ผมไม่อยากรู้คนเดียวครับ ผมอยากให้คนอื่นได้รู้ด้วย ผมอยากให้คนอื่นได้เห็นด้วย ผมอยากให้เสียงเล็กๆ ของผมที่มีให้เป็นประโยชน์ พอผมรู้แล้ว ผมอยากบอกต่อ ถ้าผมไม่บอกต่อ ถ้าผมอยู่เฉยๆ ผมจะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เพราะพี่น้องทุกคนดูแลผมมาตลอด 14 ปีที่ผมร้องเพลงมา พี่น้องทุกคนสร้างผมมา ถ้าผมรู้ปัญหาแล้วผมอยู่เฉยกับปัญหาผมจะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้”

“ผมเลือกที่จะบอกต่อให้ไกลที่สุด เสียงดังที่สุด บอกต่อปัญหานี้ที่ไม่ได้เป็นที่รพ.บางสะพาน ที่เดียว แต่เป็นปัญหาสำหรับ รพ. ของรัฐบาลทั่วทั้งประเทศไทย รพ.รัฐ มีความขาดแคลนเช่นเดียวกันนี้ เราอยากจะทำโครงการนี้เพื่อนำร่อง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับใครหลายๆ คนที่อยู่ต่างจังหวัด

เชื่อจะช่วยชีวิตคนได้อีกหลายล้านคน บอกหุ่นเหมือนขี้ยา แต่ท้าให้มาวิ่งด้วย
มีใครหลายคนถามผมว่าทำไมไม่ทำให้ รพ. ที่อื่นบ้าง ผมตัวเล็กแค่นี้ หุ่นก็เหมือนขี้ยาที่เขาว่ากัน (ยิ้ม) ใครว่าผมขี้ยามาวิ่งกับผมมั้ย ผมเป็นไอ้ขี้ยาตัวเล็กๆ ผมทำได้แค่ รพ. เดียว ผมอยากให้ทุกคนมองผมไม่ใช่มองที่ผม แต่มองเห็นปัญหาที่ผมสื่อ เห็นปัญหาที่ผมอยากให้ทุกคนเห็นเหมือนกัน ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของใคร ผมบอกเลยไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล ไม่ใช่ปัญหาของคนรวยๆ ไม่ใช่ปัญหาของใครที่จะต้องมาเอาเงินแสนเงินล้านมาบริจาคอยู่ประจำ สุดท้ายมันเป็นปัญหาของเราทุกคนที่ซ่อนอยู่ ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่มีเสียงดังโครมคราม ให้ทุกคนได้ไปช่วยกันในทีเดียว ปัญหานี้มันซ่อนอยู่ มันเรื้อรัง ตอน 5 ขวบผมอยู่สุพรรณ ผมก็เห็นแบบนี้ อายุตอนนี้ 37 บวก อย่านึกว่า 18 นะ 37 แล้วครับ (หัวเราะ) ก็ยังเห็นเหมือนเดิม เหมือนตอน 5 ขวบ และได้รู้ลึกขึ้นด้วยซ้ำว่ามันขาดแคลนมากกว่าที่เราเห็นข้างหน้ามากนัก”

“สุดท้ายอยากให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้ปัญหานี้เช่นเดียวกัน แล้วลงมือช่วยเหลือกัน คนละ 5 บาท 10 บาท ถ้ารู้กันล้านคนก็ 5 ล้าน 10 ล้าน ถ้ารู้กัน 10 ล้านคน ก็ 50 ล้าน 100 ล้าน ช่วยชีวิตคนได้ล้านคน ต่อชีวิตคนได้อีกหลายล้านคน ช่วยหัวหน้าครอบครัวได้คนหนึ่งได้ไปเลี้ยงลูกให้มีคุณภาพต่ออีก 3 คนได้ อยากให้สื่อว่าพวกเราที่มีน้อยก็ช่วยกันได้ ใช้จำนวนที่เรามีมากเป็นตัวตั้ง 60 ล้านเป็นตัวตั้ง คนละ 5 บาท 10 บาทต่อเดือน เราก็ไม่เดือดร้อน ได้ช่วย รพ. ต่อเดือนตั้งเท่าไหร่ นั้นแหละครับที่ผมจะสื่อสาร ช่วยชีวิตช่วยคนไทยด้วยกันในองค์รวม แล้วประเทศเราจะดีขึ้นเป็นลำดับ ขอบคุณบางสะพานที่บันดาลใจผมให้ทำสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น”

“ขอบคุณคุณหมอเชิดชาย และท่านผู้ว่าฯ ที่อำนวยความสะดวกให้ผมทำสิ่งเหล่านี้ ให้เด็กบ้าๆ คนนี้ได้วิ่ง 400 กิโลเมตร นำเงิน 63 ล้านบาท จากคนไทยทั่วประเทศมามอบให้ในวันนี้ ขอบคุณคนไทยทั่วประเทศที่ได้ยินเสียงผมตอนนี้อยู่ ทำให้ผมคิดว่าตอนแรกที่ผมจะนำเงินแค่ 4 - 5 ล้าน มามอบให้ ขอโทษแล้วกันที่ดูถูกน้ำใจคนไทย (ยิ้ม) ผมจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ผมอยากให้มันเปลี่ยนแปลงจริงๆ ผมจะทำต่อไป ขอบคุณบางสะพานมาก ขอบคุณคนไทยมากครับ (ยกมือไหว้)”

ด้านหวานใจ “ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ” เผย 10 วันเห็นแต่มิตรภาพ
“ดีใจแทนเขาค่ะ แล้วก็ดีใจแทนคนไทยทุกคนที่มองเห็นถึงความสำคัญของโครงการ และก็มองเห็นสิ่งที่พี่ตูนทำ จนทำให้ตลอด 10 วันที่ผ่านมา เราได้เห็นว่าระหว่างทางมันมีมิตรภาพที่ดีๆ เกิดขึ้น มีกำลังใจดีๆ มีเสียงเชียร์ มีน้ำใจจากคนไทยที่มอบให้มาตลอดไม่ขาดสาย ต้องขอบคุณคนไทยทุกๆ คนมากนะคะ”

“เรียกว่ามีส่วนร่วมทำทุกอย่างเลยก็ว่าได้ค่ะ คือ ตัวก้อยเองเราก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แล้วพี่ตูนก็เป็นแรงบันดาลใจสำหรับการออกกำลังกายของก้อยที่ทำให้ก้อยออกมาวิ่ง เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วที่เราได้เริ่มวิ่งด้วยกัน แต่ว่าตัวพี่ตูนเขาไปไกลถึงขั้นไตรกีฬา มาราธอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุด ก็คือ วิ่ง 400 กิโล ซึ่งก้อยก็ตามไม่ทันจริงๆ ค่ะ ก็เลยขอวิ่งเท่าที่เราทำได้ แล้วก็ทำอย่างอื่นที่เรียกว่าช่วยซัปพอร์ตให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไม่ว่าจะเป็นการเดินถือกล่องรับบริจาค การไลฟ์เฟซบุ๊กต่างๆ เพื่อช่วยให้มันกระจายข่าวได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ”

ใจหายตูนล้มระหว่างวิ่ง
“ตอนเขาเจ็บระหว่างวิ่งเราก็ตกใจค่ะ คือ ตลอดการวิ่งที่ผ่านมาถามเขาว่าเหนื่อยมั้ย เขาก็จะไม่ค่อยบอกว่าเหนื่อยเท่าไหร่ จะบอกว่าไหวๆ ได้อยู่ๆ แต่ว่าช่วงหลังจากวันที่ 7 - 8 เขาเริ่มมีอาการบาดเจ็บและอย่างที่ทุกคนทราบกัน มันมีอุบัติเหตุเล็กน้อย ทำให้เขาเสียหลักล้มนิดหนึ่งแต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนะคะ ไม่ได้เจ็บหรือข้อเท้าแพลงอะไร แต่เราคนที่นั่งอยู่มองเห็นจากการไลฟ์อยู่ มันใจหายค่ะ ใจหายมาก (เสียงสั่นเครือ) คือเราเห็นภาพเขาล้มลงไปบนพื้นแล้วก็นิ่งไป 5 วิ แล้วลุกขึ้นมาต่อ ตอนนั่นรีบวิ่งลงจากรถลงมาดูอาการ ก็โอเคเห็นว่าเขาเดินต่อได้ แล้วก็มีคุณหมอมาช่วยเอาสเปรย์ฉีดกล้ามเนื้อมาช่วยบรรเทาอาการเจ็บ แล้วก็โอเคผ่านไปได้ในก้าวนั้นค่ะ”

“แต่คือตอนนั้นมันตกใจ คือถ้าคนที่มาอยู่แบบก้อยทุกๆ วัน เราเห็นภาพเขาแบบวิ่งมุ่งมั่น เห็นความตั้งใจของเขาในทุกๆ วัน แล้วอยู่ๆ มาวันหนึ่งเขาล้มลงไป...เราก็นิ่งดูดายไม่ได้ เราก็รู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง เราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเราก็จะวิ่งไปดู เราก็ช่วยเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ ตอนนั้นคืออินเตอร์เน็ตสัญญาณขาด ทางบอดี้สแลมแบรนด์ก็ไม่ได้ไลฟ์ ตัวมือถือก้อยแบตก็เหลือ 4 เปอร์เซ็นต์ เราก็แบบจะทำยังไงดี เราอยากให้บรรยากาศมันสดๆ อยากให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้และได้แชร์เรื่องราวในตอนนั้น”

“เขาก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เขาก็รู้สึกว่าคือทุกคนไม่ว่าจะเป็นตัวพี่ตูนเองหรือว่าตัวก้อยหรือทีมงานไม่อยากให้มีเหตุการณ์ที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ระหว่างในการทำงานครั้งนี้ แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เราวิ่งบนท้องถนน มันจะมีเรื่องของปัญหาการจราจรที่เราเป็นห่วงมาก แล้วก็เราแก้ไขปรับเปลี่ยนทุกๆ วันที่เราวิ่ง มีหน่วยงานต่างๆ มาช่วยกัน ทำให้การวิ่งมันกระชับรัดกุมมากขึ้น อำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนการวิ่ง หรือว่าแม้แต่ช่วงตอนวิ่งตอนกลางคืน ก็เป็นห่วงเพระว่าทั้งตัวนักวิ่งเอง และตัวคนที่มาถ่ายรูปเอง สุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องความปลอดภัยล้วนๆ ค่ะ เราก็ห่วงคนที่มาถ่ายรูปด้วยว่าเขาจะล้ม หรือจะเป็นอะไรมั้ย หรือตัวนักวิ่งเองจะเสียหลักจะบาดเจ็บอะไรมั้ย ก็เลยค่อนข้างที่จะเป็นห่วงค่ะ ในช่วงระหว่างทางที่ผ่านมา”

เห็นยอดบริจาคแล้วหายเหนื่อย ระหว่างทางเจอแต่เรื่องดีๆ คนป่วยเป็นอัมพฤกษ์กำเงิน 100 บาทมามอบให้
“มันหายเหนื่อย จริงๆ แล้วทุกๆ วันค่ะมันมีเรื่องให้ก้อยหายเหนื่อยตลอดเวลา คือระหว่างทางเราเจอเรื่องดีๆ เจอความทรงจำที่น่าประทับใจ เจอเด็กน้อยที่นำเงินมามอบให้ เจอคนเฒ่าคนแก่ที่เขาเอาเงินมามอบให้เรา หรือแม้กระทั่งมีครั้งหนึ่งก้อยเจอคนป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ เขาเดินกำเงิน 100 บาท มามอบให้เรา เราเห็นแล้วก็รู้สึกแบบมันทำให้เห็นว่าจิตสำนึกของคนไทยจริงๆ แล้วทุกคนมีความเสียสละ และความเป็นผู้ให้อยู่ในตัว แต่ในวันนี้เราได้ออกมาจุดประกายการเป็นผู้ให้ของทุกๆ คนในทุกๆ เพศทุกๆ วัย ในทุกที่จริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนรวยที่มีเงินมากมาย เป็นใครก็ได้ที่พร้อมจะให้เรา แล้ววันนี้มันแสดงให้เห็นว่าเงินเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ 5 - 10 บาท มันรวมกันเป็น 63 ล้าน มันยิ่งใหญ่แค่ไหน”

ให้กำลังใจข้างๆ ตูน คอยซัปพอร์ต บอกอีกฝ่ายเป็นแรงบันดาลใจ
“ใช้ร่างกายมาหนักหน่วงมากค่ะ ก็สิ่งที่ก้อยทำได้ดีที่สุดคงเป็นกำลังใจสำคัญ เพราะว่าเราเองก็ไม่ได้มีความสามารถดัดร่างกาย หรือกายภาพบำบัด คงต้องให้คุณหมอดูแล และให้เขาช่วยรักษาพี่ตูน ตลอดเวลาเราก็คอยเป็นแรงซัปพอร์ตที่ดี และช่วยเขาทุกอย่างเท่าที่เขาอยากจะให้เราทำ คือ สุดท้ายแล้ว ณ จุดเริ่มต้นของเป้าหมายมันอาจจะมาจากตัวพี่ตูน อาจจะมาจาก รพ. แต่ว่าพอก้อยมาอยู่ตรงนี้แล้ว มันเหมือนเขาเป็นคนทำให้เป้าหมายของทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วเขาก็อยากจะทำทุกอย่างด้วยความสุขความเต็มใจ โดนที่เราไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้เราต้องทำเพื่อพี่ตูน เราทำเพื่อทุกคน ทำเพื่อรพ.บางสะพาน แล้วก็อยากจะให้ทุกๆ คนที่มาให้กำลังใจ มาเชียร์เราเขาได้รับความสุขเท่าที่เราจะมอบให้ได้ คือ วันๆ ที่เราอยู่ตรงจุดนัดพบและถือกล่องรับบริจาค แล้วมีคนมาถ่ายรูป คือมันเป็น 10 วันแห่งการให้จริงๆ ค่ะ”

10 วันวิ่งเคียงข้างไม่เคยหวังจะพิสูจน์รักแท้ แค่ซัปพอร์ตในสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจไว้ให้สำเร็จ
“ไม่ได้คิดว่าเป็นการพิสูจน์อะไรค่ะ รู้สึกว่าตลอดที่คบกันมาเราก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะไปทำอะไร เขารักในสิ่งไหนก้อยก็รักด้วย ซัปพอร์ตด้วย แล้วก็อยากจะเห็นเขาทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ ถึงวันนี้เราคงไม่ต้องมาพิสูจน์อะไร เราทำให้เห็นดีกว่า ไม่ต้องบอกอะไรดีกว่าค่ะ”

“ก็ขอบคุณทุกคนที่มองเห็นโครงการก้าวเล็กๆ ก้าวนี้นะคะ จากก้าวเล็กๆ ที่เริ่มต้นกันมา 10 วัน มันกลายเป็นก้าวที่ใหญ่ขึ้น เพราะว่าทุกคนออกมาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมบริจาคเองหรือการแชร์ผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆ การเป็นพี่ๆ น้องๆ ที่ออกมาให้กำลังใจ มาส่งเสียงเชียร์ก็ขอบคุณทุกแรงกายแรงใจ ทุกเงินบริจาคที่ร่วมมาให้เราในวันนี้และก็ขอให้การให้ในครั้งนี้จุดประกายว่าทุกคนสามารถเป็นผู้ให้ได้ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เริ่มจากคนใกล้ชิดคนใกล้ตัวของคุณเอง และอยากให้มองเห็นถึง รพ. อื่นที่มีความขาดแคลนเช่นเดียวกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณนะคะ”


กำลังโหลดความคิดเห็น