“ท็อป พิพัฒน์” เผยไร้ปัญหา “นุ่น ศิรพันธ์” ไม่ใจอ่อน ยังไม่อยากมีลูก เห็นใจฝ่ายหญิงเป็นคนที่ต้องลำบากอุ้มท้อง ไม่ห้ามเล่นละครเพราะรู้ว่าเป็นงานที่รัก แต่ต้องมาช่วยงานบริษัทด้วย ฝ่ายหญิงหยอดมีบุญครอบครัวไม่เร่งเรื่องนี้ แถมแม่สามียังใจดีทำอาหารให้ คอยซัปพอร์ตทุกอย่าง เล็งลุยเรื่องทำขนมจริงจัง เผยไร้แพลนสวีตปีใหม่ บอกเหนื่อยแล้ว
คู่รักรักษ์โลก “นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา” กับ “ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร” จูงมือมาออกงานเปิดตัวสินค้าคุณภาพราคาคุ้มค่า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Great Value” 365 ราคาเดียว ณ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าโรบินสันพระราม 9 เลยอัปเดตโครงการเกี่ยวกับการคัดแยกขยะกับกทม. โดยเปิดใจว่าจัดทำเป็นคลิปสั้นๆ อยากรณรงค์ให้คนรุ้จักและรู้วิธีการแยกขยะ
ท็อป : “เราสองคนมีโอกาสได้ไปสนามหลวงแล้วเราเห็นปัญหาเรื่องของขยะ ทุกคนก็เห็นเหมือนกันว่าขยะเยอะมากๆ เราเลยคิดว่าเราสามารถช่วยอะไรได้บ้างเลยเข้าไปร่วมมือกับทาง กทม. และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงทาง ม.ธรรมศาสตร์ เราก็เอาเรื่องที่เราถนัด คือ เรื่องของการสื่อสารในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ก็เข้าไปคุยกับเขาและเอาทีมเข้าไปเพื่อไปรีเสิร์จข้อมูล สุดท้ายแล้วคือเราต้องการอยากจะรณรงค์ให้คนรู้จักและได้รู้วิธีการในการแยกขยะ ซึ่งถือว่าเป็นการจัดการที่ดีที่สุดที่สามารถจะทำได้เป็นการจัดการตั้งแต่ต้นทาง คือ การแยกขยะ”
“แต่ปัญหาที่มันเกิดขึ้นไม่ใช่ว่ารณรงค์ให้คนแยกขยะแล้วมันจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่การที่จะให้ได้ผลเต็มที่มันต้องเริ่มตั้งแต่การรู้จักพอดีก่อนนะ เราเลยอยากจะให้คนที่ไปที่นั่นรู้ว่าจริงๆ แล้วอาหารหรือว่าของที่นำไปบริจาค เอาไปให้กับคนที่มีความต้องการ คือ ทานก็ทานเพื่อให้อิ่ม ไม่อยากจะให้ทุกคนไปแล้วเหมือนไปเพื่อจะให้ได้ในปริมาณเยอะๆ เพราะมีความคิดว่าของพวกนี้ฟรีหมดก็ไปเอามาเยอะๆ แล้วสิ่งที่เราเห็นคือบางทีเอามาเยอะไม่ได้กิน แต่ใช้วิธีการชิมแล้วก็ทิ้ง มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของขยะที่มีปริมาณเยอะมากๆ”
“อันนี้ก็เป็นเรื่องที่อยากจะสื่อสารในเรื่องแรก ไม่ได้ว่าอะไรใครนะครับ แต่ว่าอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วเรามีวิธีอื่นที่ในการรับให้มันเกิดความพอดีๆ ได้ รวมทั้งอีกอันคือเรื่องของการแยกขยะ เราก็สื่อสารให้มันง่ายขึ้น ว่าการแยกขยะเราใช้แค่สี 3 สี และสี 3 สีนี้ มีหน้าที่อะไรง่ายๆ ก่อนก็ได้ เลยทำเป็นวิดีโอคลิปสั้นๆ 2 ตัว แล้วเดี๋ยวจะเผยแพร่โดยที่จะมีการนำไปเผยแพร่บริเวณท้องสนามหลวง และเอาไปให้กับรัฐบาล เวลาที่นำประชาชนเข้ามาในกทม.ก็อาจจะเปิดบนรถ แล้วถ้าเกิดสื่อมวลชนเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็อาจจะต้องขอฝากเพื่อไปเผยแพร่ด้วย เพราะเราไม่ได้มองว่าเราจะจักการกับขยะแค่ที่ท้องสนามหลวงเท่านั้น แต่ท้องสนามหลวงมันเป็นที่แรกที่สามารถทำให้คนไทยได้รู้จักวิธีการจัดการขยะได้ทั้งประเทศไทย”
เชื่อคลิปจะมีประโยชน์ โอดไม่มีงบประมาณซื้อสื่อ หวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกัน
ท็อป : “จะเผยแพร่วันที่ 8 ธันวาคมนี้ครับ หลังจากนั้น คงต้องฝาก เพราะเราไม่ได้มีงบประมาณในการไปซื้อสื่อเลย เราทุกคนคือร่วมกันช่วยกันทำให้คลิปนี้เกิดขึ้น แล้วเราก็หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์และสามารถจะกระจายได้จากคนที่สนใจ เดี๋ยวผมจะส่งคลิปและเนื้อหาให้กับพี่ๆ สื่อทุกคนเพื่อที่จะเอาไปเผยแพร่ได้นอกนั้นก็อาจจะต้องขอฝากไอจีคุณนุ่นที่มีคนติดตามเยอะหน่อย หรือว่าอาจจะฝากเพื่อนๆ ครับที่สามารถที่จะลงได้ คลิปความยาวประมาณ 2 นาทีครับ”
“ตอนไปรีเสิร์จข้อมูล ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือมีการรับเยอะมากเกินไป พอรับเยอะมากก็ทำให้ปัญหาขยะตามมาเยอะ เช่นเอาทุกร้านเลย มาถึงก็ 4 - 5 จานเลย มาคนเดียวก็กินไม่หมด แล้วก็ทิ้งขยะเยอะมาก มันก็เลยทำให้เหลือประมาณ 50 ตันต่อวัน โดยประมาณขยะ แล้วเราก็เห็นว่าบางทีเรายังงงอยู่ว่าขยะในมือจะทิ้งสีไหน เลยทำให้ง่ายขึ้นโดยการที่บอกไปเลยว่าถ้าเป็นสีน้ำเงินคุณก็ทิ้งขยะที่คุณไม่รู้ไปเลย ขวดพลาสติกให้ทิ้งลงสีเหลือง ถ้าเป็นขยะเปียกเศษอาหารให้ลงสีเขียวอย่างเดียว เราก็เอา 3 อย่างนี้ที่มีปริมาณเยอะๆ ก็เอามาสื่อสาร”
อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง วอนทุกฝ่ายช่วยส่งต่อ
นุ่น : “คงอยากให้สะกิดต่อมบางอย่าง เหมือนที่เราไปเห็นมา เรารู้สึก เราก็เลยอยากจะส่งผ่านความรู้สึกนี้และคิดว่าถ้าใครได้ดูน่าจะช่วยกระจาย อย่างน้อยๆ น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง เราเป็นเหมือนหน่วยเล็กๆ แต่ถ้ามันสามารถช่วยกันได้ก็อยากจะช่วยกันค่ะ การแยกขยะเป็นเรื่องของการจัดการที่ดีมาก จริงๆ แล้วส่วนมากปัญหาเรื่องขยะมันจัดการได้ แต่ถามว่าทำไมทำ เอาจริงๆ คนทิ้งก็ไม่ผิดนะ เพราะบางทีไม่รู้ เหมือนที่ท็อปบอกว่ามันงง เราไม่คุ้นเคยกับการแยกขยะตั้งแต่เด็กเหมือนที่อื่น ครั้งนี้นุ่นว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มาเรียนรู้เรื่องนี้พร้อมๆ กันนะ ถ้าแยกได้อย่างพวกขยะอินทรีย์เราสามารถไปทำปุ๋ยได้ แต่ตอนนี้พอทุกอย่างรวมกัน มันเลยกลายเป็นของที่ทำอะไรไม่ได้เลยเน่าเหม็นอย่างเดียว ถ้าเกิดคุณแยกไปให้อาหารสัตว์ ไปทำปุ๋ย พวกรีไซเคิลก็รีไซเคิลไป ส่วนที่มันเหลือจริงๆ มันน้อยลง อันนี้คือการจัดการที่ดีมาก แต่ต้องช่วยกันค่ะ”
“นุ่นว่าตอนนี้ทุกคนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น แต่บางทีเราทำแล้วเรากระจาย โดยเฉพาะคนยุคนี้ทุกคนสนใจ ทุกคนเป็นคนมีจิตอาสา อยากทำแต่ไม่รู้ว่าต้องไปทำที่ไหน หรือบางทีเราทำแล้วเหมือนจุดไม้ขีดไฟ แต่ถ้าเรารวมพลังกันมันจะเป็นพลังที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ตอนนี้ถามว่าสนมั้ย ก็สนทุกคนรู้แต่ว่าต่างคนต่างทำแค่ไม่ได้มาพูดพร้อมกัน นุ่นคิดว่าตอนนี้ถ้าพูดพร้อมกันทุกคนก็จะได้ยินค่ะ”
ผุดโปรเจกต์ใหม่ ทำโครงการช่วยเหลือสังคมต่อไป
ท็อป : “ก็มีนะครับ อย่างเราทำธุรกิจเพื่อสังคมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในเรื่องการหารายได้ของบริษัทที่ทำเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย ฉะนั้นโปรเจกต์ที่เราจะทำปีหน้าก็ไปดูว่ามีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านหนึ่ง เขาเก็บเปลือกหอยมาเย็บและเปลือกหอยก็ทิ้งเต็มหมู่บ้านไปหมดกองเป็นภูเขาเลย เราเลยอยากจะให้นักวิชาการหรือทีมดีไซน์ของเราเข้าไปเพื่อไปจัดการลดปริมาณเปลือกหอย นำมาสร้างให้มีคุณค่ามากขึ้น และพัฒนาขยะให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาโดยมีมาตรฐานรับรองจากภาครัฐเพื่อให้คนมั่นใจในคุณภาพว่าสามารถที่จะใช้ได้ ทำให้เกิดการขายสู่ตลาดธุรกิจ มันจะได้เกิดการยั่งยืนต่อไป นี่คือสิ่งที่บริษัทเราจะทำ และเป็นโปรเจกต์ที่ต่อ เปิดปีใหม่มาก็น่าจะต้องทำตัวนี้แหละ นอกนั้นก็ทำเรื่องอื่นต่อไป”
ปีใหม่ไร้แพลนควงกันสวีต บอกเหนื่อยแล้ว ฝ่ายหญิงเผยจะจริงจังเรื่องทำขนม
นุ่น : “ปีใหม่นุ่นอยากอยู่ทำเมนูใหม่ๆ คือ ปีนี้วุ่นวายเกี่ยวกับการทำงานหลังบ้าน อยากจะมาจริงจังเรื่องการทำอาหาร นี่ไม่ได้พูดเล่นนะพูดจริง (หันไปบอกท็อป) ไหนๆ ก็สนใจตั้งนานแล้ว เรียนรู้ศาสตร์นี้ไปเลยค่ะ นุ่นว่าคนเหมือนนุ่นบางทีเราไม่รู้แล้วก็เปิดยูทิวบ์ แล้วเฟลกับยูทิวบ์ก็เยอะเพราะทำแล้วออกมาไม่เห็นเหมือนเลย พี่ท็อปเป็นคนชอบกินข้าวผัดไก่ แต่นุ่นไม่ชอบทำกับข้าว ชอบทำขนม”
ท็อป : “สงสัยผมต้องมีหน้าที่ในการแบกวัตถุ ก็ดีครับปีนี้ผมจะได้ทำให้ตัวเองตัวใหญ่ขึ้น กินขนมเพื่อสุขภาพไป”
นุ่น : “ก็ทำขนมอยู่ในกรุงเทพฯ นี่แหละค่ะ ไม่ได้อยากออกไปเที่ยวไหน เหนื่อยแล้ว”
ท็อปไร้ปัญหานุ่นยังไม่อยากมีลูก บอกไม่ห้ามเล่นละครเพราะเป็นงานที่รัก แต่ต้องมาช่วยงานบริษัทด้วย
นุ่น : “ยังค่ะยัง ไอ้ที่เห็นคือเป็นไขมันส่วนเกิน ปีหน้าก็ยังไม่มีแพลน เพราะยังมีงานละครที่แพลนไว้ 3 เรื่องค่ะ จะเริ่มถ่ายตั้งแต่ ม.ค.ปีหน้า รายละเอียดต้องอุบไว้ก่อน แต่คิดว่าน่าจะสนุกเพราะว่าทีร่วมงานกับต่างชาติด้วยค่ะ”
ท็อป : “เรื่องลูกยังไม่มีผมโอเคอยู่แล้ว เพราะว่าเรื่องมีลูกผมแล้วแต่นุ่นเลย เขาลำบากกว่าเรา แล้วเรื่องการแสดงก็ไม่ควรห้ามเพราะว่าเขารักก็ทำไป แต่ว่าก็ต้องมาช่วยบริษัทด้วยนะ”
นุ่นบอกยังไม่ใจอ่อน หยอดมีบุญไม่มีใครเร่ง แม่สามีซัปพอร์ตทุกอย่าง
นุ่น : “บางคนก็น่ารักนะบอกว่าถ้าลูกนุ่นออกมาตัวขาวเหมือนท็อปก็ดีนะ เราก็แบบเดี๋ยวสิผิวเราก็ดีนะ (หัวเราะ) คนก็ลุ้นเยอะเพราะคงเห็นหลายๆ คนมีลูกแล้วครอบครัวอบอุ่น แต่เราก็ยังไม่ใจอ่อนค่ะ ครอบครัวก็ไม่มีเร่งรัดเลย สบาย โชคดีมีบุญมาก แม่สามีทำกับข้าวให้กิน ซัปพอร์ตสนับสนุนทุกสิ่งน่ารักมาก ก็ยังไม่ได้วางแพลนไว้ว่าจะมีตอนอายุเท่าไหร่ค่ะ ตอนนี้ยังห่างไกลเรื่องมีน้อง ปีหน้าเราจะกลับมาลุยงานละครเต็มที่ ส่วนเรื่องธุรกิจก็จะลงตัวขึ้นก็น่าจะแบ่งเวลาเข้าออฟฟิศสักอาทิตย์ละ 2 วันค่ะ”