หลังจากสำนักพระราชวัง แถลงการณ์ประกาศเรื่องการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็นำพาความโศกเศร้ามาสู่พสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ รวมถึง "บ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์" ที่ถึงแม้จะเสียใจแต่ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองต่อ เพราะเชื่อว่าชีวิตทุกคนจะต้องดำเนินไปข้างหน้า โดยเจ้าตัวได้เผยความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อพ่อหลวงและหลักคำสอนที่เจ้าตัวได้นำมาใช้ในการทำงานในทุกๆ วันว่า
“ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาในแผ่นดินไทย และภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาในรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 กษัตริย์ผู้ซึ่งเสียสละประโยชน์และความสุขส่วนพระองค์ ทำเพื่อประชาชนของพระองค์ทั่วประเทศ นอกจากเป็นกษัตริย์นักพัฒนาแล้ว ท่านยังเป็นกษัตริย์ที่เหมือนเทวดาลงมาโปรดให้คนไทยได้พบแสงสว่างแห่งชีวิต ท่านให้ทางออกในการใช้ชีวิตให้มีประโยชน์และมีความสุขกับคนไทยทั้งประเทศ ท่านไม่ได้ให้แนวทางเพียงอย่างเดียว แต่ท่านทรงดำเนินตามที่ท่านให้ไว้เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับคนไทยและทั่วโลกได้เห็นถึงทางออกอย่างชัดเจนอีกด้วย ซึ่งจะหากษัตริย์ใดในโลกนี้ที่จะทรงทำอย่างพระองค์ท่านคงไม่มีอีกแล้ว ที่เล่ามาเป็นเพียงเหตุผลบางประการที่สามารถบอกได้ว่า ผมโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดมาในยุคสมัยนี้”
นอกจากความในใจที่หนุ่มบ๊อบมีต่อพ่อหลวงแล้ว เจ้าตัวยังเล่าถึงหลักคำสอนของพ่อหลวงที่ได้นำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและเป็นคำสอนที่บ๊อบนำไปสอนลูกๆ ของเขาทุกๆ คน
“หลักคำสอนของพ่อหลวงที่ผมนำมาใช้และสอนลูกๆ ในครอบครัว คือ หลักความพอเพียง ผมเชื่อในคำสอนของพระองค์ที่ให้ไว้ ความสุขในชีวิตมีได้ทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรก็มีความสุขได้ แค่รู้จักคำว่า "พอ" ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหนถ้าไม่รู้จักพอก็หาความสุขมิได้ สิ่งนี้ผมนำมาใช้ตลอดเวลาเพื่อให้ชีวิตมีความสุข ไม่เคยโทษโชคชะตาหรือฟ้าลิขิตที่ทำให้เราไม่มีความสุข ไม่ว่าชีวิตจะพบปัญหาหรืออุปสรรคแค่ไหนขอให้เราใช้สติและรู้จักคำว่าพอ เราก็จะมีความสุขได้เสมอ นอกจากคิดแบบนี้แล้วผมยังสอนลูกๆให้เห็นความจริงข้อนี้และฝึกฝนให้พวกเค้าตอบตัวเองให้ได้ว่าความสุขอยู่ที่คำว่า รู้จักพอ หรือไม่ ซึ่งน้องณัชชาลูกสาวคนโตก็ซึมซับและเรียนรู้ความสุขของชีวิตในรูปแบบนี้มาโดยตลอด ส่วนลูกๆอีก 3 คนที่เหลือก็จะได้เรียนรู้แบบนี้เช่นเดียวกัน”
ที่ผ่านมา "บ๊อบ" ได้เล่าว่าตนได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนร่วมโครงการกิจกรรมต่างๆ ของในหลวงเสมอ เพื่อหารายได้เข้ามูลนิธิและโรงพยาบาลเป็นการทำเพื่อส่วนรวมและได้ช่วยเหลือคน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีถวายพ่อหลวง
“กิจกรรมที่ได้ทำเพื่อพ่อ มีทั้งการใช้ความสามารถในด้านพิธีกร ผู้ประกาศข่าวทำโครงการการกุศลทุกรูปแบบ เพื่อหารายได้ให้มูลนิธิและโรงพยาบาล รวมถึงการช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนทั้งในรูปแบบสิ่งของ เงินบริจาคและการสร้างความสุขให้คนตกทุกข์ได้ยากในโอกาสต่างๆมากมาย ซึ่งที่ทำไปโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีถวายแด่พระองค์ท่านและมีส่วนช่วยพระองค์อีกทางหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆของสังคม ผมก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำเพื่อให้พ่อหลวงมีความสบายพระทัยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ”